ประยุทธ์ไปพูดปาฐกถาในงานต่อต้านคอร์รัปชันสากล ที่สำนักงาน ปปช. ร่ายยาวชักชวนทุกคนให้ร่วมกัน “ไม่ทำ ไม่ทน และไม่เพิกเฉย” กับปัญหาที่เป็น ‘จุดอ่อน’ ของชาติ สามารถลงรายละเอียดประเภทต่างๆ ของการคอรัปชั่น
ตั้งแต่ “การซื้อขายตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับสินบน ตลอดจนการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน...และความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณ”
แสดงว่าได้รับการ ‘บรี๊ฟ’ มาอย่างดีจากสายงานข่าว รู้ซึ้งถึงข้อวิพากษ์จากชาวบ้านในสื่อสังคม ที่บ่นก่นด่าถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองตลอดช่วงการครอบครองของคณะรัฐประหาร เรื่อยมายังรัฐบาลซึ่งคงกระพันด้วย ฐานพลังดูด และสภา ‘ตู่ตั้ง’
ด้วยชั้นเชิงของจิ้งจอก ประยุทธ์ ‘แอ้ดลิฟ’ เสริมภาพลักษณ์ตนเองโดยอ้างว่า “จิตใจไม่ต้องการ ถูกสอนมา เรียนรู้มา” ที่จะไม่ทำการคอรัปชั่น รวมทั้งพร้อมจัดการคนในเครือข่ายรัฐบาลไม่ไว้หน้า ไม่ว่าจะเป็นทุจริตเชิงนโยบาย หรือด้วยความผิดพลาด (ซึ่งมักเกิดจากการ ‘กินตามน้ำ’)
เรื่องหนึ่งที่ต้องยอมรับว่า ประยุทธ์ช่างกล้าพูดทั้งๆ ที่ปากเปื้อน เรื่องที่ว่า “ความยุติธรรมที่ล่าช้า ก็คือความไม่ยุติธรรม” เรื่องเช่นนี้เกิดภายใต้การกำอำนาจของประยุทธ์และพวกมากที่สุดในประวัติการ คือการดำเนินคดีข้อหา ๑๑๒ ที่ในปี ๖๔ สูงปรี๊ดกว่าร้อยครึ่ง
อีกประเด็นที่ประยุทธ์พูดบ่อยมาก ทั้งที่ในความเป็นจริงตรงกันข้าม เป็นเรื่องที่ว่า “นานาชาติให้การยอมรับถึงความสำเร็จนี้” เหมือนพูดให้ควายฟัง พูดไปควายก็ได้แต่เคี้ยวเอื้อง ไม่เคยสำเหนียกว่าองค์การสิทธิมนุษยชนนานาชาติประณามทุกเมื่อเชื่อวัน
น่าจะเป็นดัง Thanapol Eawsakul วิจารณ์ไว้เมื่อวันก่อน เมื่อประยุทธ์ออกท่าว่ายังคงเป็นนายกฯ จากการเสนอชื่อของพรรคพลังประชารัฐ “ไม่มีพรรคไหนอื่น ส่งเทียบเชิญให้ไปเป็นแคนดิเดท” ที่ธนาพลว่า “เป็นความจริงทางการเมือง” ขณะนี้
“หมายความว่าพรรครวมไทยสร้างชาติก็จะเป็นฝ่ายค้าน และไม่ใช่เป็นฝ่ายค้านปกติ เป็นฝ่ายการที่จะต้องถูกเช็คบิลด้วย” และ “ที่ผ่านมาคนอย่างประยุทธ์ จันทร์โอชาเล่นบทลอยตัวโดยตลอด” ลำพัง รทสช.เอง ไม่มีทุนไหนมาลงขันอยู่แล้ว
แม้อ้างชื่อประยุทธ์อยู่บ่อยๆ ก็ยังไม่มีใครสนใจ จึงเป็นไปได้ว่ารวมไทยสร้างชาติจะขาดแคนดิเดท ‘ขี้ตู่’ ไปเสียแล้ว
(https://www.matichon.co.th/politics/news_3716570 และ https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_633064)