วันเสาร์, ตุลาคม 22, 2565

อัฟเดทล่าสุดเรื่องลี้ภัยของน้องๆ


Jaran Ditapichai
8h ·
เธอจากกรงขัง 112 มาสู่เสรีภาพ ชู3 นิ้ว

ยัน มาร์ฉัล - Yan Marchal
5h

แถลงการณ์ -​ มันน่าจะไม่ใช่ความลับแล้วแต่ว่าผมรอให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องสะดวกก่อนที่ผมจะพูดโดยสาธารณะ
นางรำ/นักร้องเพลงและนักกิจกรรมทางการเมืองชื่อ กัลยมน สุนันท์รัตน์ หรือ มิ้นท์ นาดสินปฏิวัติ หรือ “เจ๊เขียว กิโยติน” ได้ปฏิเสธอำนาจศาลโดยการละทิ้งเงื่อนไขการประกันตัวจากศาลไทยและเดินทางออกจากประเทศไทยมาสมัครเข้าเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ประเทศฝรั่งเศส
มันไม่ใช่คนที่ผมโพสต์ถึงเมื่อวานนี้​ สื่อมวลชนฝ่ายขวาจัด​ที่เขียนบทความถึงเรื่องนี้เมื่อวันนี้เข้าใจผิด ตอนนี้มันมี 2 คนที่เพิ่งหนี​คดี 112 ที่ประเทศฝรั่งเศส
คณมิ้นท์ได้รับประกันตัวในระหว่างพิจารณาคดี 8 คดี รวมไปถึงคดียุยงปลุกปั่น (ม.116) 1 คดี คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (ม.112) 4 คดี และคดีพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 3 คดี เพราะโพสต์ภาพกิจกรรมทางการเมืองบนโซเชียลมีเดีย กิจกรรมส่วนใหญ่คือการยืนถือป้ายข้อความหน้าศาลที่มีเนื้อหาประณามกระบวนการยุติธรรมของศาลที่ถูกควบคุมโดยสถาบันกษัตริย์ในขณะที่พิจารณาคดีหมิ่นกษัตริย์ซึ่งเป็นความขัดแย้งในทางหลักการแห่งกระบวนการยุติธรรม
ถ้าเขาอยู่ประเทศไทย น่าจะถูกจำคุกหลายปีเพราะ "อาชญากรรม" จากการพูดความจริงต่อผู้มีอำนาจ หรืออย่างน้อยแสดงความคิดเห็นต่อผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเท็จหรือจริงก็ตาม
ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการที่เขาหลบหนีออกจากประเทศไทย แต่ว่า ผมให้ที่พักชั่วคราวและช่วยในกระบวนการสมัครเป็นผู้ลี้ภัยที่ฝรั่งเศสด้วยความยินดี
มันไม่ใช่ว่าผมเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเขาทั้งหมด ประการหนึ่งคือ ผมไม่สนับสนุนการใช้สัญลักษณ์กิโยติน อุดมการณ์กษัตริย์นิยมที่ปฏิบัติในประเทศไทยคืออุดมการณ์เบ็ดเสร็จที่รุนแรงมาก มันทำให้หลายคนติดคุกและบางคนถูกอุ้มฆ่า ผมเห็นว่าการต่อสู้ด้วยเหตุผลและหยั่งวัดได้จะมีประสิทธิภาพมากกว่าการลอกเลียนคตินิยมสุดขั้วในฝ่ายตรงข้าม
อย่างไรก็ตามมันไม่มีเหตุผลที่เป็นธรรมสำหรับการลงโทษแบบยุคกลางที่ยังไม่ศิวิไลซ์ที่เขาจะได้รับตามกฎหมายถ้าหากอยู่ในประเทศไทยต่อไป กฎหมายหมิ่นประมาทในประเทศไทยมีความประสงค์เดียวคือการบังคับให้ไม่ผลประโยชน์ของชนชั้นปกครองเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดในโลก มันไม่มีประโยชน์ต่อสาธารณชนเลย
ประเทศฝรั่งเศสเคยได้รับผู้ลี้ภัยไทยหลายคนที่ต้องคดี 112 ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมยินดี ผมหวังว่ามันจะดำเนินต่อไป ถ้ามีโอกาสผมพร้อมจะช่วยให้อีกหลายคนลี้ภัยที่นี่เท่าที่ผมจะช่วยได้
ผู้ลี้ภัยน่าจะยากลำบากที่นี่เพราะเป็นคนต่างชาติที่พูดภาษาไม่ได้ในประเทศที่มีบางกลุ่มทางการเมืองเหยียดเชื้อชาติ เขาอาจจะเป็นชนชั้นแรงงาน ทำงานที่คนฝรั่งเศสส่วนใหญ่ไม่ยอมทำ แต่ก็คงไม่ยากหากเขาเคยใช้ชีวิตอย่างลำบากในเมืองไทยมาก่อนแล้ว
ในส่วนของกิจกรรมทางการเมือง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ต่อสู้บนท้องถนนแล้ว แต่ว่าเขายังสื่อสารบนโซเชียลมีเดียได้ แล้วก็กระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ต่อสู้ให้มีการปฏิรูปที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ผมหวังว่าผมจะยังมีชีวิตอยู่ถึงวันนั้น เมื่อกฎหมายหมิ่นประมาทบุคคลถูกปฏิรูป ผมน่าจะได้กลับไปเที่ยวที่เมืองไทยอีก
ถ้าหากสื่อมวลชนจะเล่าเรื่องนี้ ผมคิดว่าฝ่ายการเมืองขวาจัดจะโพสต์ข้อความก่นด่า สาปแช่งผม แล้วก็คงอ้างว่าถูกต่างชาติแทรกแซงกิจการภายใน ผมบอกได้ว่าผมเป็นห่วงประเทศไทยและอยากเห็นมันดีขึ้น แต่พวกเขาคงไม่อยากฟัง ผมก็บอกได้เพียงว่า เพราะประเทศอื่นหลายประเทศมองว่าระบบยุติธรรมของประเทศคุณมันไร้สาระ เขาถึงได้ต้อนรับคนหลบหนีคดีการเมืองมาเป็นผู้ลี้ภัย มันน่าจะหมายความว่าระบบยุติธรรมของคุณมันไร้สาระจริงๆ แต่ก็อย่างว่าล่ะ พวกเขาก็คงไม่อยากรับฟัง
ท้ายที่สุดเขาไม่ต้องฟังผมก็ได้ แต่ว่าเขาต้องฟังคนไทยหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับเขาและไม่สนับสนุนระบบที่มีอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ที่การลบเสียงพูดของพวกเขาจะสร้างสังคมที่สงบและมีความสุขได้จริงๆ
...
Nithiwat Wannasiri
4h
แถลงการณ์ฉบับภาษาไทย จากคุณ ยัน มาร์แชล (ภาษาไทยดูข้างบน)  นักธุรกิจผู้ผลิตเกมส์ชาวฝรั่งเศสที่ถูกเนรเทศจากประเทศไทยโดยไม่แจ้งข้อกล่าวหา และตอนนี้เขาได้ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยการเมืองมาตรา112ในการให้ที่พำนักชั่วคราวและสมัครเข้าระบบลี้ภัยในฝรั่งเศส(OFII)ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ขอขอบคุณแทนน้องๆทุกคนที่ได้รับความช่วยเหลือ มา ณ ที่นี้

Yan Marchal 
6h ·

STATEMENT (ภาษาไทยในคอมเม้นต์ / Français en commentaire) – It is probably an open secret by now, but I did not want to speak publicly until all parties involved were comfortable about it. Dancer/singer and antiroyalist activist Kanyamon Sunanrat (also called Mint or Jekiaow Guillotine) has skipped bail, fled from Thailand, and is now seeking political asylum in France.
This is NOT the person I posted about yesterday - the far-right media who wrote about it yesterday got it wrong. As it stands, there are two lèse-majesté defendants who recently fled to France.
Mint was released on bail with eight pending legal cases: one sedition case (article 116), four lèse-majesté cases (article 112), and three computer crime cases for posting about her activities on social media. Her activities essentially consisted in standing in front of the courts with signs that denounced how the courts were controlled by the royal palace while judging royal defamation cases, which is a conflict of interest.
Had she stayed in Thailand, she would have faced multiple years in jail for the mere “crime” of speaking truth to power – or, at least, making her opinion about the power known, whether truthful or not.
I was not involved in her escape from Thailand, but I gladly accepted to host her temporarily and help her with the asylum-seeking process.
On my part, it is not an endorsement of all her views. For one thing, I will distance myself from the reference to the guillotine. Royalism as practiced in Thailand is a brutal, absolutist ideology by which scores of innocent people were sent to jail and quite a few were assassinated. I think it is more efficiently fought with reason and proper measure, rather than by replicating its extremism the other way around.
But in any case, there is no sensible justification for the medieval punishment she would have received under Thai laws. These Thai speech laws exist for the sole purpose of enforcing a status quo that benefits the ruling class, making Thailand one of the 10 most unequal countries on the planet. They do not, in any manner, serve the public interest.
France has, in the past, granted asylum to multiple Thai refugees who fled lèse-majesté charges. It is one of the few things that I am glad my country has been doing so far. I hope it will continue. I will be happy to assist other asylum seekers from Thailand, within my capabilities, if I have a chance.
Refugees do not have it easy here. They are foreigners who do not speak the language, in a country where xenophobia is a political currency. They have to take blue-collar jobs that many French people snub. But then, how easy were they having it in Thailand in the first place?
As regards activism, they can no longer fight the Thai system on the streets, but they can still communicate on social media and be an inspiration for a new generation to keep fighting, until the system gets the reforms that it so direly needs.
I hope I will live to see that day. I will be happy to visit Thailand again when speech laws are amended.
If this gets picked up by the media, I can already hear far-right activists curse me and cry over foreign meddling in Thailand’s internal affairs. I could tell them that I do care for Thailand and want the best for it, but they will not listen. I could also tell them that if much of the world thinks their judicial system is going nuts, to the point where they welcome people who manage to escape from it, then chances are that it is indeed going nuts – but again they will not listen.
Well, they do not have to listen to me. But they should listen to the large amount of Thai people who disagree with them and do not support the system as it is. Suppressing their voices will never result in a peaceful, happy society.