วันพุธ, สิงหาคม 10, 2565

พ่อพาไปม็อบ แม่ให้อ่านหนังสือ ก่อนมาเป็น #ป่านทะลุฟ้า เรื่องราวของเธอ


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
6h

8 ส.ค. 2565 ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เรามาเยี่ยม #ป่าน และ #คิม พร้อมแจ้งคำสั่งศาล ซึ่งทางทีมทนายความได้ยื่นขอประกันตัว “เจมส์” และ “คิม” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ศาลยังคงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยเห็นว่ายังไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม และอัพเดทสถานการณ์ว่าในวันเดียวกันศาลอาญากรุงเทพใต้อนุญาตให้ประกันตัว “มิ้นท์ นาดสินปฏิวัติ” ที่ถูกจับในคดีมาตรา 112 อีกคดีหนึ่ง
.
ทั้งสองคนทราบข่าวตั้งแต่วันเสาร์ว่าไม่ได้มีผู้ต้องขังคดีทางการเมืองเข้ามาใหม่ จึงยินดีที่มิ้นท์ได้ประกันตัว แต่ก็ยังสงสัยอยู่ตลอดว่า เหตุใดเธอสองคนและเพื่อนๆ ทะลุฟ้า จึงยังไม่ได้รับสิทธิในการประกันเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
.
ด้านป่านนั้น เมื่อที่ 5 ส.ค. เพื่อนของเธอได้มาเยี่ยมที่เรือนจำ ทำให้เดิมเพื่อนร่วมงานที่มูลนิธิคณะก้าวหน้าตั้งใจมาคุยเรื่องงานในวันที่ 9 ส.ค. ก็ไม่สามารถทำเรื่องเยี่ยมได้อีก แม้เจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าหากจำเป็นสามารถเขียนคำร้องขอให้เยี่ยมเพิ่มได้มากกว่าเดือนละครั้ง
.
ต่อมา ป่านได้ทำเรื่องยื่นไปตั้งแต่วันศุกร์ และติดตามเรื่องอีกครั้งในวันที่ 8 ส.ค. รวมถึงเพื่อนที่ทำงานก็ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์หลายหน แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ยังไม่อนุญาตให้มีการเยี่ยมทางเรือนจำมากกว่าหนึ่งครั้งต่อเดือนได้
.
.
พ่อพาไปม็อบ แม่ให้อ่านหนังสือ ก่อนมาเป็น #ป่านทะลุฟ้า
.
วันนี้ป่านได้ขอให้เราทำธุระแทนเธอ ในการอวยพรวันเกิดพ่อ เพราะพรุ่งนี้ (9 ส.ค.) เป็นวันเกิดพ่อของเธอ โดยได้ฝากโทรหาแม่ เพื่อบอกกับพ่อว่า “สุขสันต์วันเกิด”
.
“พ่อเป็นทหารแตงโม พาไปม็อบ ตอนเด็กยังมัธยมอยู่เลย พ่อพาไปม็อบหน้าศาลากลาง ไปซื้อผ้าโพกหัวสีแดง เขียนว่า นปช. ด้วย เป็นครั้งแรกได้ไปม็อบ ไปกันทั้งบ้าน ตอนที่ไปพ่อยังใส่ชุดทหารไปเลย ตอนนั้นรู้สึกว่ามีเสรีภาพมากกว่านี้”
.
เราเลยถามว่าพอป่านออกมาเคลื่อนไหวและมีคดีแบบนี้ พ่อเคยห้ามบ้างไหม “พ่อไม่เคยห้ามเลย เวลาพ่อจะห้าม เราก็จะรีบบอกว่าพ่อเป็นคนพาเราไปม็อบเอง ผ้าสีแดงที่เขียนว่า นปช. ยังอยู่ที่บ้านอยู่เลย พ่อจะเป็นคนติดตามข่าวการเมือง พ่อชอบดูข่าว พ่อจะตื่นแต่เช้าและเริ่มต้นวันด้วยการดูข่าวทีวี ทุกวันนี้พ่อก็ไม่เคยห้าม แค่จะเดินมาบอกว่ามี ‘หมาย’ มา แต่ไม่ว่าอะไร”
.
“เคยมีเพื่อนบ้านถามเขาว่า ป่านทำไปเพื่ออะไร พ่อเขาก็ตอบประมาณว่า เราจะมีชีวิตอยู่อีกสักกี่ปี เด็กรุ่นนี้เขาจะมีชีวิตอยู่อีกกี่ปี ให้เขาเลือกอนาคตของเขาเอง”
.
เราถามป่านต่อว่า การที่ป่านสนใจมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นเพราะพ่อหรือเปล่า “ทั้งพ่อและแม่ แม่ให้อ่านหนังสือ ส่วนพ่อจะพาไปม็อบ”
.
“แม่ป่านก็ถือว่าเป็นคน progressive ในรุ่นของเขา เขาเป็นคนผลักดันให้ป่านไปเป็นอาสานานานาชาติ เป็นคนทำให้ป่านอ่านหนังสือ ป่านโตมากับหนังสือจิตร ภูมิศักดิ์ ใบไม้ที่หายไป ของจิรนันท์ พิตรปรีชา หนังสือเขมรแดง ไม่รู้จะทำอะไร ก็นั่งอ่านหนังสือ”
.
“จังหวัดน่านเคยเป็นพื้นที่สีแดง เป็นพื้นที่คอมมิวนิสต์เก่าด้วย แม่เล่าว่าอยากไปทำงานอาสากับ UN แต่ไม่ได้ไป แต่แม่ทำให้เรารู้จักองค์กรต่างๆ พวกนี้ แม่ป่านเป็นครู แต่ตอนนี้รีไทร์แล้ว”
.
“ตอนที่ป่านได้ทำงานที่คณะก้าวหน้า พ่อก็ดีใจ เพราะเขาติดตามพรรคอนาคตใหม่ เขาก็ดีใจ”
.
.
“บอกป่านให้อดทนหน่อย สู้ๆ ทำตัวให้สนุกแล้วกัน” จากแม่ถึงลูก
.
หลังจากเยี่ยมป่านและคิมแล้ว เราโทรศัพท์คุยกับแม่ของป่าน จากการพูดคุยกับแม่ป่านสองสามครั้งก่อนหน้า แม่ป่านเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ได้มีน้ำเสียงวิตกกังวลอะไร คราวก่อน เราโทรมาอวยพรวันเกิดแม่ย้อนหลังแทนป่านเช่นกัน
.
“ฝากบอกเขา ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไร พรุ่งนี้แม่จะพาพ่อ ไปทำบุญพร้อมกัน เดี๋ยวจะทำบุญเผื่อเค้าด้วย” แม่ตอบกลับมา
.
เรายิ้มให้คำตอบของแม่ที่บอกว่าจะทำบุญเผื่อป่าน เราถามแม่ว่าเคยห้ามป่านทำกิจกรรมบ้างหรือเปล่า “แม่ไม่เคยห้าม ขนาดมีตำรวจไปตามที่บ้านหลายครั้ง แม่ยังไม่ห้ามเลย”
.
แม่เล่าว่าเจ้าหน้าที่เคยไปห้ามที่โรงเรียนที่สอน สันติบาลก็เคยมา เคยมาหาที่บ้าน “ตอนประยุทธ์จะไปเชียงใหม่ก็ยังมาหาเลย เขามาเช็คดูว่าอยู่บ้านหรือเปล่า มาเจอกับพ่อ พ่อเขาเป็นทหาร เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร มาขอถ่ายรูปพ่อกับแม่ ถ่ายรูปบ้านไป ก็ให้ถ่าย”
.
เราถามแม่ว่า ป่านบอกว่าแม่ progressive ทำไมถึงเป็นแบบนั้น แม่บอกว่าแม่สนใจประเด็นความยุติธรรมมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น “พอมีครอบครัวก็ยังมาเจอเรื่องแบบนี้อีก”
.
แม้ครอบครัวของป่านต้องเผชิญทั้งการที่เจ้าหน้าที่ไปติดตามที่บ้าน ถูกดำเนินคดี และป่านเองอยู่ในเรือนจำขณะนี้ แต่แม่ก็ยังมีเสียงหัวเราะได้ “ไม่เครียด เพราะรู้อยู่แล้ว ว่าทำแบบนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ ก็เคยบอกป่านให้ทำใจไว้ แม่ไม่กังวล แม่ก็แค่ติดตามข่าวต่างๆ”
.
ก่อนวางสาย เราได้ยินเสียงพ่อแทรกเข้ามา “พ่อเขาบอกว่าฝากขอบคุณทนาย”
.
“บอกป่านให้อดทนหน่อย สู้ๆ ทำตัวให้สนุกแล้วกัน ใจเย็นหน่อย ถ้าอาหารมีเยอะก็แบ่งให้คนอื่นกินด้วย” แม่กล่าวทิ้งท้าย
.
.
อ่านบนเว็บไซต์ https://tlhr2014.com/archives/47066
.
ย้อนอ่านเสียงสะท้อนของป่าน-คิมในปัญหาเรื่องการเยี่ยมญาติ https://tlhr2014.com/archives/46931
...

ทะลุฟ้า - Thalufah
9h

จากเพื่อนถึงเพื่อนในวันที่ความไม่เป็นธรรมพรากเราออกจากกัน
เมื่อความอยุติธรรมได้เกิดขึ้นกับเพื่อน คนในครอบครัว คนข้างกาย เราได้พูดคุยกับสมาชิกกลุ่มทะลุฟ้าในวันที่บรรยากาศบ้านเปลี่ยนแปลกไปจากเดิม มุมความน่ารัก โมเม้นการอยู่ร่วมกัน บ้านซึ่งมีความอบอุ่นถูกทำให้พร่าเลือน เพียงเพราะอยากเห็นสังคมที่สร้างสรรค์ คนเท่ากัน เป็นธรรมเท่าเทียม
.
เราได้พูดคุยกับสมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า ในบรรยากาศบ้านที่คนหายไป ถึง 8 คน พวกเขาได้บอกกับเราว่า แซมมี่ ถูกคุมขังมา 34 วันแล้ว จากคดีมาตรา 112 รวมถึง คิม ป่าน คาริม ชาติชาย ทู อาทิตย์ เจมส์ ถูกคุมขังมาแล้ว 22 วัน จากคดีที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกิจกรรมสาดสีพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งยังคงไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว ในด้านความรู้สึกยังมีความคงที่ด้วยพลังแห่งอุดมการณ์
EP.5 ต๋ง ถึง “ป่าน-ทะลุฟ้า”
ต๋งเริ่มด้วยการพูดถึงบทบาทหน้าที่ในการเคลื่อนไหวร่วมกันซึ่งนําพามาสู่การสนิทสนมกัน ระหว่างเธอกับป่าน
ตอนแรกไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย เริ่มมารู้จักจากการเดินทะลุฟ้าจากโคราชถึงกรุงเทพ ป่านทําหน้าที่เป็นทีมสื่อ ส่วนเธอนั้นทําหน้าที่ไฮปาร์ค สองงานนี้ มีความจําเป็นต้องพูดคุย ออกแบบ วางแผนงานร่วมกันอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงตัวเธอเองและป่านนั้นมีนิสัยที่ลุยลุยคล้ายคลึงกันจึงเริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ
“เมา พูดถึงพี่ป่าน ต้องความเมาเน้นๆ ชวนน้องเมาบ่อยมาก เป็นคนแบบดีเทลเยอะ เขาจะมีสิ่งของจุกจิก เยอะมาก และเป็นคนค่อนข้างละเอียด”
นี่เป็นสิ่งที่ต๋งได้พูดสะท้อนออกมาถึงความเป็นป่านเป็นเรื่องที่ประทับใจที่รู้จักกันมาป่านชอบพาไปเมา มี ช่วงก่อนที่ต๋งต้องติดEM ป่านทักหาเธอว่า ออกมาไปร้านเหล้ากัน ก่อนจะไม่ได้ใช้ชีวิตกลางคืนอีกหลายเดือน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนลาอสิรภาพชีวิตกลางคืนที่น่าจดจํามาก
.
นอกจากนี้เมื่อก่อนตอนทํางานด้วยกัน ป่านใส่ใจในเรื่องของการทํางานจริงจัง และยังใส่ใจความรู้สึกเพื่อนร่วมทีม ป่านมักคอยพาเพื่อนไปหาของอร่อยกิน พาไปเที่ยวให้หายเครียดจากงาน ทั้งหมดนี้เป็นมุมน่ารักของป่านที่เพื่อนสาวอย่างต๋งนึกถึง
.
ในวันที่ต๋งได้ทราบว่าศาลไม่ให้ประกันตัวป่านในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมสาดสีหน้าพรรรคประชาธิปัตย์ เธอมีความรู้สึกงง เป็นห่วงเพื่อนและรับไม่ไดกับคำสั่งศาลเป็นอย่างมาก รวมถึงมองว่ามันเป็นการลดทอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนลงเรื่อยๆ
“เหตุการณ์วันนั้นมันเลยเป็นการตอกย้ำว่า กระบวนการยุติธรรมไม่ได้เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ขนาดนั้น”
นี่เป็นสิ่งที่ต๋งกล่าว เมื่อความไม่เป็นธรรมได้พรากเพื่อนของเธอไป เราไม่เคยไปสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง เป้าหมายของเราคือการสื่อสารกับรัฐบาลเผด็จการและนั่งร้านของการสืบทอดอํานาจ ไม่ใช่การทําให้บ้านเมืองวุ่นวาย คดีนี้เพื่อนของเราไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวคืน แม้คดียังไม่เคยถูกตัดสินออกมาว่ามีความผิดจริง ซึ่งเป็นความอยุติธรรมที่เห็นได้ชัดอย่างมาก
.
อย่างแรกหากเจอป่าน ต๋งบอกกับพวกเราว่า สิ่งแรกที่จะทําคือการกอดและขอเป็นอีกสัญญาณเตือนว่าข้าง นอกคือพื้นที่ที่เราควรอยู่ คอยเป็นคนที่นําพาความรู้สึกของป่านกลับมาสู่อิสรภาพอย่างแท้จริง
.
อีกทั้งต๋งยังได้เล่าว่า ตอนก่อนเธอต้องเข้าเรือนจําที่ทัณฑสถานหญิง จ.ปทุมธานี เคยบ่นไว้ว่าอยากได้ Air pod หลังจากได้รับการปล่อยตัว เธอเห็นป่านมารอรับเธอคนแรก และยื่น Air pod ให้ เธอจึงคิดว่าอีกสิ่งหนึ่งที่อยากทําคงเป็นการมีของติดไม้ติดมือ ไปรับป่านที่เรือนจําทัณฑสถานหญิงกลาง
.
ประโยคต่อไปนี้เป็นประโยคปิดท้ายที่ต๋งต้องการพูด
“สิ่งที่อยากพูดคุยกับป่าน นอกจากตอกย้ำว่านี่คือโลกภายนอก ที่ซึ่งพวกคุณควรอยู่ เพื่อนๆอยู่ตรงนี้นะ คุณไม่ใช่คนที่ผิด คุณไม่ควรต้องเข้าไปอยู่ในนั้นตั้งแต่แรก ไม่อยากให้ต้องรู้สึกด้อยค่าตัวเองว่ากลายเป็นนักโทษ เราแม่งไม่ใช่นักโทษอ่ะเราเป็นแค่คนถูกผลกระทบจากกระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้ที่ไม่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เรารู้ว่าข้างในมันใจร้ายกับเพื่อนแค่ไหน พวกเราก็ขอเป็นกําลังใจให้เพื่อนอยู่เสมอนะ เราจะอยู่ด้วยกันนะ”
คำพูดปิดท้ายของต๋งที่อยากฝากถึงป่าน คงได้แต่หวังว่าเร็วๆนี้เพื่อนของเราจะได้รับความยุติธรรมสักที
[อ่านบทสัมภาษณ์ของเพื่อนคนอื่น EP.ต่อไปในวันพรุ่งนี้]

#ทะลุฟ้า
#ปล่อยเพื่อนเรา
#ปฏิรูปตุลาการ
#คืนสิทธิประกันตัว