เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ หัวหน้าพรรคสามัญชน นักกิจกรรมทรัพยากรธรรมชาติ เขียนบทความใน ‘เวย์’ แม็กกาซีน ถึงมติ ครม.เมื่อ ๒๘ มิถุนา ๖๕ เตรียมยกธงเขียวออกประทานบัตร อนุญาตบริษัทของ “นายทุนฆ่าเสือดำ เจ้าของอิตาเลียนไทย”
เขาว่ามติ ครม.นี้ ‘มิชอบ’ ด้วยข้อเท็จจริงสองประการ คือ หนึ่ง ข้ออ้างให้ประทานบัตร ๔ แปลงว่าเป็น ‘เขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง’ แท้จริงไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าเป็นเช่นนั้น และสอง การรับฟังความเห็นที่จัดขึ้นเป็นการเกณฑ์ผู้เห็นพ้องไปนั่งฟังให้ครบ ๓ ชั่วโมง
“ตั้งแต่ ๙ โมงเช้าถึงเที่ยง โดยไม่มีปากมีเสียง/แสดงความคิดเห็นอะไร (เพื่อให้ครบเวลาที่หน่วยงานราชการระบุไว้” เลิศศักดิ์แย้งว่า “ตลอด ๒๐ กว่าปีที่ผ่านมาในการผลักดันโครงการนี้ ยังเต็มไปด้วยเสียงคัดค้านของผู้เห็นต่าง แต่กลับไม่ถูกรับฟัง”
แม้นว่าจะมีมติ ครม.เมื่อปลายปี ๒๕๕๗ กำหนดให้ “มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่” หนังสือรายงานฉบับใหม่ของ ก.อุตสาหกรรม ยิ่งบิดเบือนขึ้นไปอีก
“ข้อเท็จจริงในพื้นที่มีแต่ความขัดแย้งที่เกิดจากการกระทำของบริษัทฯ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และยังมี อบต. ในพื้นที่บางแห่งที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการ ทั้งโดยวาจาและลายลักษณ์อักษร ส่งไปถึงส่วนราชการต่างๆ” กลับไม่ปรากฏในรายงาน
ยิ่งเมื่อย้อนไปดูรายงานเกี่ยวกับการสำรวจพื้นที่ “ตามหลักวิชาการที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๗ วรรคสี่” ของกฎหมายแร่ ปี ๒๕๖๐ ก็มิได้เป็นไปตามนั้น หรือแม้แต่ในระเบียบของกฎหมายแร่ฉบับเก่าที่ถูกยกเลิกไป หลังจากมีการยื่นขอประทานบัตรแล้ว
เท่ากับว่ากระทรวงอุตสาหกรรม โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการ ‘ตีขลุม’ ข้ามขั้นตอนการสำรวจแหล่งน้ำใต้ดินไปเสียง่ายๆ อย่างนั้นเอง แล้วมาเหมาเอาว่าที่ดินกว่า ๒ หมื่น ๖ พันไร่นั้นเป็นเขตสำหรับทำเหมืองแร่ทั้งหมด
เป็นประโยชน์แก่บริษัท เอเชีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น ซึ่งมี เปรมชัย กรรณสูต “ถือหุ้นเป็นเจ้าของ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์” อย่างแน่นอน