https://www.khaosod.co.th/politics/news_7176574
Atukkit Sawangsuk
20h ·
การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นครั้งที่สามานย์อัปลักษณ์ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมือง
มีทั้งข่าวล็อบบี้กันโจ๋งครึ่ม กล้วย 2 ล้าน ต่างตอบแทนตั้งลูกเป็นนายพล
แถมด้วยธรรมนัสฟาดพรรคเล็กเลี้ยงไม่เชื่อง ไลน์หลุด จ่ายรายเดือนเป็นแสน
ข้อมูลของฝ่ายค้านก็เป็นชนักปักตรึง จนดิ้นพล่าน
ถามว่าชาวบ้านเชื่อไหม ก็รู้กัน แต่ยังหน้าด้านดันทุรัง
เพราะระบอบประยุทธ์คุมอำนาจทุกอย่าง คุม 250 ส.ว. ทหารตำรวจศาลรัฐราชการองค์กรอิสระ
ทำให้ยังไปต่อได้ ทั้งที่ประชาชนไม่ไว้วางใจ ก็โหวตให้กันแล้วลอยหน้าลอยตา ลอยนวลพ้นผิด
:
ระบอบประยุทธ์นั้น ดันทุรังอยู่ได้ด้วยการปลุกความเชื่อ 2 อย่าง
ถ้าประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ คนโกงจะกลับมา
ถ้าประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ ใครจะปกป้องสถาบัน
แล้วก็ยอมแลกทุกอย่าง อย่างสามานย์อัปลักษณ์
จนกลายเป็นว่า ถ้าศักดิ์สยามไม่ได้ไปต่อ คนโกงจะกลับมา
ต้องทำทุกอย่างเพื่ออุ้มพรรคร่วมรัฐบาล
เลวชั่วโกงอย่างไรก็ปกป้องสถาบัน
:
อำนาจอนุรักษนิยมนั้นดำรงอยู่ได้ด้วยการอ้างคุณธรรมจริยธรรม
แม้มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนก็จัดการให้สมดุล
ยกตัวอย่างยุคเปรม+พรรคการเมือง แม้อาจต่างกันที่ยุคปัจจุบันข้อมูลข่าวสารไปเร็วกว่า
แต่ยุคเปรมก็ยังสามารถรักษาภาพ ไม่เลวร้ายเท่ายุคประยุทธ์
ที่จนแต้มจนต้องอ้างเลวชั่วโกงยังไงก็รักเจ้า เลวชั่วโกงยังไงทักษิณก็เลวกว่า บลาๆๆ
:
ปัจจุบัน ต้นทุนของอำนาจอนุรักษนิยมกำลังวูบหายไปอย่างรวดเร็ว
เหลือแต่การสมคบกันปกป้องอำนาจผลประโยชน์
เพื่อให้ประยุทธ์เป็นนายกฯ เพื่อให้ประยุทธ์อยู่ต่อ เพื่อให้ประยุทธ์ปกป้องสถาบัน
กลุ่มก๊วนการเมืองสวาปามอย่างไรก็ได้
:
ถ้าเป็นรัฐบาลปกติ ประยุทธ์คว่ำไปแล้ว
ถ้าเป็นรัฐบาลนักการเมือง โดนรัฐประหารไปแล้ว
แต่ใครจะรัฐประหารประยุทธ์ ผู้ทำเพื่อสถาบันและอำนาจรัฐราชการ
มีแต่ทหารอยากรัฐประหารฝ่ายค้าน แล้วอุ้มหายรังสิมันต์ โรม หรือจับขังลืม
:
ประยุทธ์ไปต่อ แต่ยิ่งตกต่ำย่ำแย่ชั่วเลวลากถู
ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจถาโถม
อำนาจที่อุ้มประยุทธ์ ใหญ่โตกว่าประยุทธ์
แต่ต้องเอาต้นทุนมาแลกเพราะไม่มีทางเลือก
ล้มประยุทธ์ไม่ได้ก็จริง แต่ตกต่ำทั้งพวง
แล้วมันจะนำไปสู่้การเปลี่ยนแปลงที่ไม่หวนกลับ
Atukkit Sawangsuk
20h ·
การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นครั้งที่สามานย์อัปลักษณ์ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมือง
มีทั้งข่าวล็อบบี้กันโจ๋งครึ่ม กล้วย 2 ล้าน ต่างตอบแทนตั้งลูกเป็นนายพล
แถมด้วยธรรมนัสฟาดพรรคเล็กเลี้ยงไม่เชื่อง ไลน์หลุด จ่ายรายเดือนเป็นแสน
ข้อมูลของฝ่ายค้านก็เป็นชนักปักตรึง จนดิ้นพล่าน
ถามว่าชาวบ้านเชื่อไหม ก็รู้กัน แต่ยังหน้าด้านดันทุรัง
เพราะระบอบประยุทธ์คุมอำนาจทุกอย่าง คุม 250 ส.ว. ทหารตำรวจศาลรัฐราชการองค์กรอิสระ
ทำให้ยังไปต่อได้ ทั้งที่ประชาชนไม่ไว้วางใจ ก็โหวตให้กันแล้วลอยหน้าลอยตา ลอยนวลพ้นผิด
:
ระบอบประยุทธ์นั้น ดันทุรังอยู่ได้ด้วยการปลุกความเชื่อ 2 อย่าง
ถ้าประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ คนโกงจะกลับมา
ถ้าประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ ใครจะปกป้องสถาบัน
แล้วก็ยอมแลกทุกอย่าง อย่างสามานย์อัปลักษณ์
จนกลายเป็นว่า ถ้าศักดิ์สยามไม่ได้ไปต่อ คนโกงจะกลับมา
ต้องทำทุกอย่างเพื่ออุ้มพรรคร่วมรัฐบาล
เลวชั่วโกงอย่างไรก็ปกป้องสถาบัน
:
อำนาจอนุรักษนิยมนั้นดำรงอยู่ได้ด้วยการอ้างคุณธรรมจริยธรรม
แม้มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนก็จัดการให้สมดุล
ยกตัวอย่างยุคเปรม+พรรคการเมือง แม้อาจต่างกันที่ยุคปัจจุบันข้อมูลข่าวสารไปเร็วกว่า
แต่ยุคเปรมก็ยังสามารถรักษาภาพ ไม่เลวร้ายเท่ายุคประยุทธ์
ที่จนแต้มจนต้องอ้างเลวชั่วโกงยังไงก็รักเจ้า เลวชั่วโกงยังไงทักษิณก็เลวกว่า บลาๆๆ
:
ปัจจุบัน ต้นทุนของอำนาจอนุรักษนิยมกำลังวูบหายไปอย่างรวดเร็ว
เหลือแต่การสมคบกันปกป้องอำนาจผลประโยชน์
เพื่อให้ประยุทธ์เป็นนายกฯ เพื่อให้ประยุทธ์อยู่ต่อ เพื่อให้ประยุทธ์ปกป้องสถาบัน
กลุ่มก๊วนการเมืองสวาปามอย่างไรก็ได้
:
ถ้าเป็นรัฐบาลปกติ ประยุทธ์คว่ำไปแล้ว
ถ้าเป็นรัฐบาลนักการเมือง โดนรัฐประหารไปแล้ว
แต่ใครจะรัฐประหารประยุทธ์ ผู้ทำเพื่อสถาบันและอำนาจรัฐราชการ
มีแต่ทหารอยากรัฐประหารฝ่ายค้าน แล้วอุ้มหายรังสิมันต์ โรม หรือจับขังลืม
:
ประยุทธ์ไปต่อ แต่ยิ่งตกต่ำย่ำแย่ชั่วเลวลากถู
ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจถาโถม
อำนาจที่อุ้มประยุทธ์ ใหญ่โตกว่าประยุทธ์
แต่ต้องเอาต้นทุนมาแลกเพราะไม่มีทางเลือก
ล้มประยุทธ์ไม่ได้ก็จริง แต่ตกต่ำทั้งพวง
แล้วมันจะนำไปสู่้การเปลี่ยนแปลงที่ไม่หวนกลับ