ถึงตอนนี้ก็ ‘I hear Too’ รู้กันหมดทั้งแผ่นดิน ว่าพวกยื้ออำนาจที่ได้มาจากการแย่งชิงนั้น ไม่ใส่ใจกระบวนการทางประชาธิปไตยเท่าไรเลย ดังคำของนายสุชาติ ตันเจริญ ที่ว่า “ไม่รับผิดชอบต่อสภาฯ” และหนักเข้าไปอีก
ในถ้อยของ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย “กระทู้สดด้วยวาจามีเพียงสัปดาห์ละ ๓ ครั้ง แต่กระบวนการที่ ครม.ไม่มาตอบนั้น ไม่มีครั้งไหนเลยที่ ครม.ไม่มาตอบกับกระทู้ของฝ่ายรัฐบาล” อันเป็นการทำการเมืองแบบเผด็จการ เอาแต่ได้ฝ่ายกู
จากการประชุมสภาก่อนเที่ยงเมื่อวาน ถึงคิว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลถามกระทู้สดถึงนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องการคลัง รู้กันคงประมาณว่าหนี้ท่วมหัวแล้วยังกู้ไม่หยุดหย่อนน่ะ นายกฯ ไม่มาเอง ใช้ รมว.คลังไปแทน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังใช้ต่อ ให้ รมช.สันติ พร้อมพัฒน์ ไปแทน รมช.ไม่รู้จะใช้ใคร (มั้ง) ส่งหนังสือถึงสภาฯ ว่าติดภารกิจสำคัญ ไปไม่ได้ นายพิธาก็เลยถามท่านประธานในที่ประชุม ซึ่งเป็นนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานฯ ทำหน้าที่แทน
“นายกฯและรัฐมนตรีแจ้งเหตุผลไม่มาตอบกระทู้เพราะอะไร เวลาสภามีค่าต้องอธิบายสาเหตุให้ได้” รองประธานฯ เกิดตอบว่า เอ่อ ใช่ “สิ่งที่นายพิธาท้วงติงมีเหตุผล เคยท้วงไปหลายครั้งถึงการมอบให้คนอื่นมาตอบกระทู้แทน
ผู้รับมอบต้องมีความพร้อม ไม่ใช่สักแต่มอบ แม้สภาไม่สามารถบังคับรัฐบาลได้...(แต่) สภามีข้อบังคับการประชุมข้อ ๑๕๑ นายกฯควรมาตอบเองให้เกียรติสภา ถ้าติดภารกิจต้องมอบบุคคลที่มาตอบได้ การมอบหมายอย่าสั่งเหมือนทหาร”
ประธานสภาฯ รักษาการสอนวิชาการเมืองระบอบรัฐสภา ๑๐๑ อีกว่า อย่า “สั่งไปแล้วจบกัน แต่สั่งเหมือนพวกเรานักการเมืองหน่อย สอบถามกันหน่อยว่าว่างไม่ว่าง ตอบได้ไหม อย่างนี้ถึงเรียกว่ามอบหมาย” โดยนัยยะก็ นายกฯ สุกเอาเผากินน่ะ
มีคนบอกว่าทั่นรองฯ สุชาติเบรคแตกแบบนี้ เป็นสัญญานไรๆ ว่าจะมีเห็บกระโดดจากหมาขี้เรื้อนเรื้อรังอีกราย ตอนเลือกตั้งครั้งหน้า แถมทายทักเสียด้วยว่า น่าจะไปทางพรรคกัญชา หรือไม่ก็กลับบ้านเดิม นายใหญ่ให้อภัยหมดแล้ว
ส่วนกระทู้ของพิธานั้นจัดว่ามีความสำคัญตามระเบียบมาตรา ๑๕๖ เร่งด่วน กระทบวงกว้าง “ผมตั้งใจถามคำถามถึงวิกฤตฟุบ-เฟ้อที่พี่น้องประชาชนกำลังเจออยู่ ค่าครองชีพผันผวน รายได้ต่ำตลอดเวลา ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่คนเดินดินกินข้าวแกงรออยู่”
ทางด้านประธานสภาฯ ชวน หลีกภัย โชคดีหลีกประเด็นร้อนจากฝ่ายค้านไปได้ กลับต้องเจอเผือกต้มจากตำรวจรัฐสภามาแทนที่ ตำรวจสภาราว ๖๐ คน พากันไปยื่นหนังสือต่อประธานฯ “คัดค้านการเปลี่ยนแปลงเครื่องแบบ” ที่ฝ่ายบริหารสภาจัดให้
“เนื่องจากเห็นว่าเครื่องแบบเดิมที่ใส่อยู่มีความเหมาะสมแล้ว ถึงแม้จะมีลักษณะคล้ายกับตำรวจทั้งประเทศ แต่ก็มองว่าถ้าเหมือนแล้วมีข้อดีจะแตกต่างไปทำไม” นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยกล่าวแทนตำรวจที่ร้องทุกข์
“คนที่ต้องใส่ชุดคือเจ้าหน้าที่ตำรวจสภาในเมื่อเขามีความสุข คนที่ไม่ได้ใส่อย่างผู้บริหารจะไปเดือดร้อนอะไรกับเขา ไม่ว่าคำสั่งใดก็ตามที่ออกมา ต้องคิดถึงใจคนปฏิบัติด้วย ไม่ใช่คิดว่าเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาจะสั่งอะไรก็ได้” นายขจิตรว่า
สำนักข่าวมติชนไปสอบถามความเห็นบรรดาตำรวจรัฐสภาหลายคนได้ข้อสรุปว่า “ส่วนใหญ่ ๘๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงเครื่องแบบใหม่ แต่สิ่งที่รายงานต่อนายชวนกลับส่วนทางกัน ทำให้ตำรวจรัฐสภาต้องออกมาคัดค้าน”
เฮ้อ มันช่างขัดข้องหมองใจกันไปทุกหย่อมหญ้าสินะ ราชอาณาจักรนี้ องคมนตรีต้องลงพื้นที่อีกแระ
(https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/pfbid026x56g, https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_569793whk และ https://www.thairath.co.th/news/politic/2427651)