วันศุกร์, มิถุนายน 17, 2565

นายกฯ แทรกแซงตำรวจจนเละ เสรีพิศุทธ์แฉนายกฝากเด็กเส้นเป็นนายพลเกินครึ่ง เสนอรื้อ ก.ตร. ใหม่


The Momentum
16h

นายกฯ แทรกแซงตำรวจจนเละ
รายชื่อ ‘นายพล’ มาจากการเมืองถึง 50%
เสรีพิศุทธ์เสนอรื้อ ก.ตร. ใหม่
.
วันนี้ (16 มิถุนายน 2565) พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อภิปรายร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ มาตรา 14 ตอนหนึ่งว่า ไม่เห็นด้วยกับการให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพราะเห็นว่ามีการแทรกแซงจาก ‘ฝ่ายการเมือง’ อย่างมาก พร้อมกับเปรียบเทียบองค์กรอื่น เช่น องค์กรศาล มีคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ที่เป็นอิสระจากการเมืองและการบริหาร รวมถึงคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ที่อัยการดูแลกันเอง ปกครองกันเอง และให้อัยการเลือกประธานกันเอง ก็สงบเรียบร้อย ไม่มีเรื่องเสียหาย ต่างจากเดิมที่ให้นักการเมืองคุม
.
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา เมื่อมี ‘การเมือง’ เข้ามาคุมตำรวจ และประธาน ก.ตร. มาจากนายกรัฐมนตรี มีปัญหาอย่างมาก และมีเรื่องเสียหายมาโดยตลอด ยกตัวอย่างในปัจจุบัน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องมาประชุม ก.ตร. เดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งก็ต้องตั้งคำถามว่านายกรัฐมนตรีไม่มีงานอื่นทำแล้วหรือ งานอื่นก็มีอีกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการดูแลประชาชนให้อยู่ดีมีสุข การแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง แต่นายกรัฐมนตรีต้องมาเสียเวลากับองค์กรตำรวจองค์กรเดียว เดือนละ 2 ครั้ง เพราะฉะนั้น จะเป็นเรื่องดีกว่ามาก หากให้ตำรวจปกครองกันเอง
.
อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังยกตัวอย่างว่า ทุกครั้ง เมื่อถึงเวลาแต่งตั้งตำรวจ นายกรัฐมนตรีที่มี ส.ส. อยู่ทั่วประเทศ ทุกพรรค บรรดา ส.ส. และนักการเมืองก็ล้วนอยากได้ ‘ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด’ ที่เป็นคนของตัวเองอยู่ในตำแหน่ง และเป็นฐานเสียงให้ตัวเอง ก็ส่งชื่อเสนอไปทางนายกฯ เพราะฉะนั้น ก่อนประชุม ก.ตร. นายกรัฐมนตรีก็จะมีชื่อตำรวจที่ฝ่ายตัวเองอยากแต่งตั้งไว้ล่วงหน้า แล้วจึงส่งชื่อให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ปฏิบัติตาม ซึ่งหากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่ปฏิบัติก็อยู่ไม่ได้
.
“การแต่งตั้งผู้บังคับการ นายพลขึ้นไป ถึงรอง ผบ.ตร. นายกฯ ส่งมาถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ผบ.ตร. มีสิทธิ์ มีอำนาจที่จะเสนอเข้าไป เพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนรองผู้บัญชาการ จนถึงระดับล่าง กฎหมายให้ตำรวจระดับผู้บัญชาการเสนอก็จริง แต่นายกฯ ยังส่งมาอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ผบ.ตร. ส่งมาอีก 25 เปอร์เซ็นต์ ผู้บัญชาการ เหลืออีก 25 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ จึงไม่ได้เป็นไปตามความรู้ความสามารถที่เหมาะสม อยู่ที่เส้นสายตลอด”
.
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยยังอภิปรายด้วยว่า ในยุคพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี แม้พลเอกประยุทธ์จะไม่ได้เป็นประธาน ก.ตร. ก่อนหน้านี้ มีการรวบอำนาจจากการแต่งตั้งผู้บัญชาการมาระดับบนหมด แต่งตั้งจนเละเทะ และมีข่าวการซื้อตำแหน่งมากมายมหาศาล มีแม้กระทั่งการแต่งตั้งคนตายมาดำรงตำแหน่ง ซึ่งการรวบอำนาจลักษณะนี้ ควรหมดสมัยได้แล้ว ควรให้ตำรวจปกครองกันเอง อย่างน้อยก็ควรให้อดีต ผบ.ตร. หรือระดับผู้บัญชาการขึ้นไปมาสมัคร ก.ตร. และให้ตำรวจคัดเลือกกันเอง
.
“ถ้าให้ตำรวจคัดเลือกกันเอง ข้าราชการตำรวจยอมรับแล้ว ก็น่าจะเรียบร้อยดีขึ้น ถ้ามาแนวที่ผมเสนอ นายกฯ ก็แทรกแซงไม่ได้ เพราะข้าราชการเกษียณแล้ว นายกฯ สั่งอะไรไม่ได้อีกแล้ว นายกฯ ค่อยไปคุมตำรวจในเรื่องการบริหารต่างๆ ที่อาจเกินอำนาจ ผบ.ตร. เรื่องเสียหายทั้งหมดก็คงจะดีขึ้น”
.
ภาพ: รัฐสภา