ประยุทธ์ไป ‘ตีอก’ พูดที่เชียงใหม่ “นี่ผมไม่ได้ว่าใครนะ” ไม่รักไม่ว่า “สัญญาต้องเป็นสัญญาว่าจะจับมือกันไป ต้องนั่งรถคันเดียวกันไป จะเป็นจะตายก็ต้องช่วยกันเข็น ให้มันวิ่งดีกว่า”
แถมบอก “อนาคตของประเทศไทยใครจะนำก็ว่าไป แต่มันต้องต่อเนื่อง” ตายห่สิวะฮะ ต่อเนื่องจากไอ้แปดปีที่ผ่านมา แล้วจะเหลือมะเขือที่ไหน สั่งสอนเสียด้วย “เลิกกันสักทีเถอะ ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นจะไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า”
ชาวบ้านเขาสูญเสียมาตั้งหลายปีแล้ว พอทำท่าจะเริ่มดีจากตัวอย่างกรุงเทพฯ สร้างเอ็ฟเฟ็คลูกโซ่ โดมิโน่ไปทั่วประเทศ ก็เอาเชียว “ไม่ใช่ว่าไอ้นั่นก็ไม่ดีไอ้นี่ก็ไม่ใช่” รีบตีกันความเปลี่ยนแปลง ที่ประชาชนได้เห็นแสงรำไรว่ากำลังจะมา
จะว่าไป ไอ้การทวงสัญญาให้เดินเคียงข้างกันไป คงมีสัญญานว่าการอยู่ต่อยาวๆ ชักไม่แน่นอนเสียแล้วมัง เห็นทางพรรคปลาซิวปลาสร้อย และพวกที่แยกจากพลังประชารัฐไปรวมหัวกับ ‘มาเวอริค’ ธรรมนัส พรหมเผ่า ยังยืนกรานไม่ตามใบสั่ง
ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรีอีกหลายคน ของฝ่ายค้านที่จะมาถึงในเดือนกรกฎานี้ นอกจากแกนนำ เช่น พิเชษฐ์ สถิรชวาล ประกาศเอาไว้แล้วจะไม่เข้าใครออกใคร ดูที่หลักฐานการประพฤติรัฐมนตรีแต่ละคนเท่านั้น
เมื่อวานนี้เอง หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ส.ส.พะเยาเอาอีก บอกพวกพรรคตนทำการบ้านมาแน่นจน “ดูแล้วน่าเป็นห่วง...รัฐมนตรีหลายคน...บางท่านจะตอบโต้อย่างไรก็ลำบาก เพราะเรื่องทุจริต การบริหารบกพร่องจนประเทศเสียหาย”
ดังนั้นธรรมนัสและลูกพรรค “ตัดสินใจไปแล้ว” เพราะเหตุผล (และ) หลักฐานที่เห็น “หลายอย่างในการทุจริตของรัฐบาล หากพรรคเรายังไปสนับสนุนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเหล่านี้ สมัยหน้าประชาชนเขาจะไม่เลือกเรา”
จากท่าทางของธรรมนัสเวลานี้ รัฐมนตรีหลายคนที่ขึ้นเขียง ใครรอดมาได้ก็คงสะบักสะบอมพอประมาณละ และถ้ากลุ่มธรรมนัสและพิเชษฐ์ผนึกกำลังกันได้แน่นเหนียวจริงๆ ก็หนักอยู่สำหรับฝ่ายรัฐบาล ในเมื่อเสียงสองกลุ่มรวมกันถึง ๓๐
ถึงอย่างนั้นจากคำให้สัมภาษณ์ของธรรมนัส ยังมีกั๊กเอาไว้สองคน คือ ประวิตร วงษ์สุวรรณ และประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีประวิตรนั่นธรรมนัสอ้างว่าเป็นแค่หัวหน้าพรรค พปชร. ไม่ได้นั่งกระทรวงไหนเลย จะเอาอะไรมาอภิปราย
“เอาเรื่องเก่ามาพูด ตนไม่เห็นด้วย เพราะโดนอภิปรายมาทุกสมัยแล้ว” อีกทั้งเรื่อทุจริตในกรมทรัพยากรน้ำ ที่ ส.ส.มหาสารคามพรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้ประวิตรจะใส่ใจเรื่องน้ำเป็นพิเศษ ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวง
ส่วนกรณีประยุทธ์ ธรรมนัสว่ายังไม่เห็นสาระของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ในฐานะที่ประยุทธ์เป็นหัวหน้ารัฐบาล “หากรัฐมนตรีหลายรายโดนสอย หรือเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แม้นายกฯ จะยังอยู่ในหน้าที่ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ”
พอนักข่าวถาม ‘เซ้าซี้ ซักไซร้’ เรื่องถ้ารัฐมนตรีหลายคนโดนโหวตไม่ไว้วางใจ แล้วนายกฯ “ควรพิจารณาตัวเองเลยใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า หากเป็นตนถ้าได้ที่โหล่อย่างนั้นก็คงจะไป” เขาว่าผลงานเยอะแยะไม่สำคัญเท่า ประชาชนได้ประโยชน์หรือเปล่า
“ผมไม่ต้องการมานั่งด่าใคร แต่มันเป็นเสียงที่ประชาชนสะท้อนออกมา” มันเหมาะเจาะคล้องจองกับคำของประยุทธ์ “ทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ผมไม่ต้องการทะเลาะกับใคร”
(https://www.facebook.com/100001454030105/posts/?d=n และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_7135507)