วันอาทิตย์, เมษายน 10, 2565

จิ๊กเค้าเอามาแปะ เรื่อง 'ฝุ่นๆ' บนอากาศ (และ 'ใต้ตีน')


Voice TV
 

9 เม.ย.2565 กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง รายงานคุณภาพอากาศรายวัน ระบุหลายเขตใน กทม.คุณภาพอากาศเป็น 'สีแดง' หมายถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ได้แก่

-ริมถนนกาญจนาภิเกษา เขตบางขุนเทียน

-ริมถนนพุทธมณฑล 1 เขตตลิ่งชัน

-ริมถนนคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา

-ริมถนนเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ

-ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม

-เขตบางแค

ในเขตอื่นๆ ทั่วกทม.และปริมณฑล ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ 'สีส้ม' ซึ่งหมายถึงคุณภาพอากาศ "เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ"

ขณะที่ในจังหวัดเชียงใหม่ รายงานจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 จ.เชียงใหม่ระบุว่า ช่วง 2 วันที่ผ่านมาทั้งภาคเหนือตอนบนแนวโน้มค่า PM2.5 มีค่าเพิ่มขึ้น ในภาพรวมของภาคเหนือทั้ง จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน ค่าคุณภาพอากาศเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีจุดความร้อนในพื้นที่ สปป.ลาว ช่วงวันที่ 5 เม.ย.มากถึง 8,000 จุด ทิศทางลมนำพาฝุ่นควันขนาดเล็กเข้ามาในพื้นที่ภาคเหนือของไทย คาดว่าสถานการณ์จะต่อเนื่องไปถึงวันที่ 10 เม.ย.

รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเกษตรโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "เช้านี้ ฝุ่นพิษกลางและเหนืออ่วมหนักมาก (9 เม.ย.65) ค่าฝุ่นพิษ PM2.5 (สารก่อมะเร็งกลุ่ม 1) เกินค่าแนะนำ 24 ชั่วโมงขององค์การอนามัยโลกเกิน 5 เท่า! ในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ส่วนภาคกลาง เหนือ ตะวันตก และอีสาน หลายพื้นที่ก็อ่วมฝุ่นพิษสูงเช่นกัน โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ซีกตะวันตกที่มีค่าฝุ่นพิษระดับโคตรอันตราย (สีม่วงหลายพื้นที่) ติดอันดับโลกที่มีคุณภาพอากาศแย่ทั้งเชียงใหม่และกรุงเทพฯ

สาเหตุหลักของฝุ่นพิษมาจากปรากฎการณ์ฝาชีครอบต่ำและภาวะลมนิ่ง และที่สำคัญคือการเผาในภาคเกษตรทางตอนเหนือและตะวันออกของกรุงเทพฯ แบบระยะประชิดกรุงเทพฯ หลายจุด แล้วลมพัดพามาสมทบกับฝุ่นในพื้นที่ (รถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม) และเสริมด้วยฝุ่นข้ามแดนที่เดินทางมาไกลบางส่วนจากประเทศกัมพูชา ด้วยพื้นที่ที่แออัดมากของกรุงเทพฯ และปริมณฑลและการมีตึกที่สูงเลยทำให้ฝุ่นพิษเมื่อเข้ามาในพื้นที่แล้ว สามารถระบายออกได้ช้ากว่าปกติ ส่วนเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน และอีกหลายพื้นที่ในภาคเหนือ อากาศปิดจากปรากฎการณ์ฝาชีครอบต่ำและภาวะลมนิ่งเช่นกัน และโดยเผาขนาบจากทั้งเมียนมาร์และ สปป.ลาว

จุดความร้อนเมื่อวานที่รายงานโดย GISTDA ประเทศไทยมี 259 จุด ลดลงจากเมื่อวานที่มี 352 จุด การเผาส่วนใหญ่มาจากพื้นที่เกษตร 68% ของจำนวนจุดความร้อนทั้งหมด พื้นที่ป่า 21% และพื้นที่อื่น 11% ข้าวครองแชมป์การเผาในภาคเกษตรเช่นเคยมีจุดความร้อน 118 จุด ส่วนฝุ่นพิษข้ามแดนวันนี้ ประเทศเพื่อนบ้านเผากันหนักมากโดยเฉพาะ สปป.ลาว มีจุดความร้อนสูงสุดถึง 10,167 จุด ตามด้วยเมียนมาร์ (1935 จุด) และกัมพูชา (838 จุด) ตามลำดับ

ควรงดกิจกรรมการเผาในช่วงนี้เพื่อลดความรุนแรงต่อสุขภาพ รักษาสุขภาพนะครับทุกคน กลุ่มเสี่ยง เด็ก คนสูงวัย และสตรีมีครรภ์ ควรงดกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงนี้นะครับ อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่นได้ก่อนออกจากบ้านและไม่ประมาทกับมัจจุราชมืด

ช่วยกันสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติกำกับดูแลการจัดการอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพแบบบูรณาการฉบับเครือข่ายอากาศสะอาดฯ ที่ออกแบบมาเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่ให้ถูกปัดตกจากรัฐบาลด้วยนะครับ"

https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/10162746851214848