คดี ‘ปารีณา’ ครอบครองที่ป่าสงวนเอาไปทำฟาร์มเลี้ยงไก่ จบลงด้วยความผิด “ละเมิดจริยธรรมร้ายแรง” ศาลฎีกาให้ ‘ประหารชีวิตทางการเมือง’ ห้ามใช้สิทธิออกเสียง ๑๐ ปี และลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต ก่อเกิดข้อคิดให้กังขา
นี่ไม่ใช่เชือดไก่ให้พวกลิงเฝ้าปราสาทดูเสียทีเดียว หากแต่น่าจะตั้งใจให้หมาแมวแถวนั้น รวมทั้งที่อาศัยอยู่ตามร้านรวงรายรอบได้เห็น และจดจำเอาไว้ติดตา ว่าในความอำมหิตของกฎหมาย พวกศาลเจ้าจะเชือดใครก็ได้ เพียงชี้ว่าละเมิดจริยธรรม ‘ร้ายแรง’
ดัง ปิยบุตร แสงกนกกุล สะกิดไว้ว่า ‘มาตรฐานทางจริยธรรม’ ไม่ใช่กฏเกณฑ์ทางกฎหมายตายตัว ไฉนให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ (จากความรับผิด) เป็นคนชง ส่งให้ศาลฎีกาชี้ขาด แทนที่จะเป็นหน่วยงานเกี่ยวข้องโดยตรงซึ่งรู้ตื้นลึกมากกว่า ตัดสิน
ข้อสำคัญการตั้งโทษ “ตัดสิทธิ์สมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต” ซ้ำโดยอนุโลม “ไม่ควรมี นี่คือการทำลายสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรง ประหารชีวิตทางการเมือง” ปิยบุตรชี้ด้วยว่า นี่คือปัญหาของรัฐธรรมนูญ ฉบับมีชัย ๒๕๖๐ เอาไว้ ‘ปราบ’ ฝ่ายการเมืองตรงข้าม
เช่นกันกับที่ Sai-See-Ma @SaiSeeMaP บอกว่า “ร้ายแรงเท่ากับโทษทุจริตต่อหน้าที่ฯ ทั้งๆ ที่ในตัวจริยธรรมที่กำหนดมานั่นก็เขียนมากว้างเป็นทะเลขึ้นกับการตีความล้วนๆ” เขาแนะว่าความผิดอย่างที่ปารีณาได้รับนี้ ควรจะแค่อยู่ในหมวด ๒ ข้อ ๑๗
“ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง” เท่านั้น ไม่ใช่ร้ายแรงถึงขั้นประหาร ‘ทางการเมือง’ จึงมีบางคนตั้งคำถามให้คิดว่าความผิดเรื่องที่ดินของปารีณา “นี่จะใช้บรรทัดฐานความผิดเดียวกันมาเก็บที่ดินสมพรแม่ธนาธรไหม”
ค น ป.(ไฮโซจอย) @iiDudes เตือนสติกันว่าอย่าสะใจเสียจน “ลืมไปว่าธนาธรกับพวกก็ถูกล่ามไว้อยู่ เพราะกฎเกณฑ์ประหลาดนี้” ชวนให้เห็นแจ้งกับประเด็นที่ พูติกาล ศายษีมา ว่าไว้ใน “ข้อที่กำลังจะเอามาเล่นงานนักการเมืองฝ่าย ปชต.”
โดยให้ไปดูที่ หมวด ๑ มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ข้อ ๖ ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เขาระบุเจาะจงด้วยว่า “ที่เห็นจะมีคนไปฟ้อง ‘ช่อ’ และ สส.ก้าวไกล” ซึ่งถือว่าการฝ่าฝืนข้อนี้ ‘ละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง’ ทันที
ชาวโพธารามจะแซ่ซ้องขนาดจุดประทัดแสนนัด และ ‘อี๊เอ๋’ เองแค่ทำเสียงสะอื้นอู้อี้ แล้วประกาศว่าจะกลับมาลุยใหม่ ‘นอกสภา’ “ในเร็วๆ นี้” เสียด้วย อีกทั้งผู้คนตั้งหวังอย่างสูงกับ ‘ป๊าเสรี’ ผู้ล่ามาแล้วหลายราย รวมทั้ง สิระ เจนจาคะ กำลังไล่ต่อ
“จ่อเชือดมือขวาประยุทธ์ ‘แรมโบ้’ รายต่อไป” จากการที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ คุยเล่นกับ จุรีพร สินธุไพร ว่าเงินหาเสียงขาดมือเป็นหนี้กว่า ๑๕ ล้าน หลังพ่ายศึกต่อ ‘เสี่ยโรงแป้ง’ นั้นเข้าข่ายเรียกรับผลประโยชน์ต่อคำขอ “แบ่งโควต้าน้องบ้าง”
แล้วยัง ใช้เงินเกิน ๑๐๐ ล้านในการหาเสียง “ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด...ให้ผู้สมัคร ส.ส.เขต ใช้เงินสู้ศึกเลือกตั้งได้เพียง ๑.๕ ล้าน เข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มีโทษอาญา-ตัดสิทธิเลือกตั้ง” ตามที่ Noppakow Kongsuwan เอามาแฉ
ว่าประธานกรรมาธิการ ปปช. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส บอก “ไม่ได้ยากเลยนะคดีนี้ เป็นคดีที่ง่ายๆ หมูๆ เอาเท้าเขี่ยก็เรียบร้อยแล้ว เพราะรับสารภาพอยู่แล้วว่าเป็นเสียงพูดของตัวเองแต่เบี่ยงเบนไปว่าพูดเล่น ใครจะเชื่อ ให้เด็ก ป.๑ ฟังเค้าก็รู้ว่าพูดจริงทั้งนั้น”
มิหนำซ้ำป๊ายังว่า “บุคคลที่อยู่เบื้องหลังนายเสกสกล คือ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เปิดยุทธการจัดการเรื่องนี้ ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาจะต้องรับผิดชอบอย่างไร อาจเป็นผู้สนับสนุนนายเสกสกลหรือไม่ ก็ต้องว่าด้วยพยานหลักฐาน”
ส่วนการที่ประยุทธ์ยังอวดเก่งดึงดัน “แถมอุ้มเสกสกลอีก ถือว่าเข้าข่ายประพฤติผิดจริยธรรมหรือไม่” ป๊าจะไปได้ไกลแค่ไหน หลายต่อหลายคนจ้องตามไปดู ว่าศาลจะกล้าเชือดสัตว์เลี้ยงมีเจ้าของวางกล้ามขวางคลองเป็นจระเข้อยู่นี่ไหม
(https://www.facebook.com/Noppakow.kong/posts/1271815656560194, https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1511951864627089408?ref_thailand-61019172 และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_6987269)