เมื่อสองวันก่อน มจ.จุลเจิม ยุคล เขียนเฟชบุ๊คของเขาว่าถึงเวลาแล้ว ‘เรา’ (เขาวงเล็บว่าหมายถึงประชาชน) ต้องคิดว่าสมควรหรือยังที่จะ “ต้องถวายคืนพระราชอำนาจ เพื่อปฏิรูปการเมืองใหม่ ในรูปแบบของพระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” ร.๗
อันที่จริงไม่มีความจำเป็นต้องแสดงปฏิกิริยาใดต่อข้อความดังกล่าว เพราะไม่เพียงผิดทั้งกาละและเทสะ แล้วยังเป็นข้อเสนอที่ปราศจากรากฐานของหลักการและภูมิปัญญา เฉกเช่นข้อเขียนอื่นๆ ของเขา ซึ่งออกมาในทำนองเดียวกันนี้บ่อยๆ
ไม่ว่ากันในเมื่อพื้นที่สื่อสังคมมีไว้ให้แสดงออกกันได้ ตราบที่ไม่ก้าวร้าวและเป็นการประทุษร้ายผู้อื่น การนี้จุลเจิมอาจจะมีความจำเป็นต้อง ‘ทำงาน’ ในฐานะที่เป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในกิจการ ‘Propaganda’
แต่เนื่องจากมีการให้ความสำคัญการแสดงความเห็นของเขา (แม้จะเป็นในทางโต้แย้ง) จึงจำเป็นที่จะมีปฏิกิริยา เพื่อมิให้เขาหลงระเริงตนเองแล้วผลิตงานน่ารำคาญ ขาดคุณภาพทางความคิด บ่อยๆ แต่ก่อนก็มีคนอื่นประเภทนี้อยู่บ้าง ซึ่งโดนโต้จนฝ่อไป เช่น อานนท์ นิด้า
ครั้งนี้ได้ อานนท์ (แฮรี่พ้อตเตอร์) ราษฎร ๖๓ ออกมาตอบจุลเจิมว่า ถ้าต้องการกลับไปสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชละก็ ขอ “แนะนำให้ทำประชามติครับ ว่าคนเขาจะเอาระบอบอะไร” ซึ่งถูกต้อง แต่จุลเจิมไม่อยู่ใน ‘กงการ’ ที่จะทำอย่างนั้น และเหนือหัวคงไม่เอาด้วย
อานนท์ ‘ทนายน้อย’ บอกอีกว่าจุลเจิมพูดแบบนั้น (และอะไรต่อมิอะไรเป็นต่อยหอย) ได้ เพราะใครจะโต้ตอบอย่างตรงไปตรงมาบ้าง ก็จะโดนข้อหา ม.๑๑๒ แน่จริงเปิดให้มีการถกเถียงกันสิ เขายินดีแม้จะเถียงแพ้ ถือว่าได้ความรู้เพิ่ม
ทว่าฝ่ายเจ้าและคนของเจ้า ไม่ยินดีที่จะถกเถียงอย่างนั้น อาจกลัวแพ้ตะบัน ในเมื่อความเป็นจริงของทั้งโลกมันอยู่กับฟากนี้ ดังที่นิตยสาร ‘เวย์’ ตีพิมพ์เนื้อหาปาฐกถาของศาสตราจารย์ ทอม กินสเบิร์ก ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายรัฐธรรมนูญเปรียบเทียบ มหาวิทยาลัยชิคาโก
ดร.กินสเบิร์กได้รับเชิญคณะนิติศาสตร์ มธ.มาพูดที่บ้านเราเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เขาบอกว่าระบอบกษัตริย์ ‘ภายใต้’ รัฐธรรมนูญเป็นของดี ซึ่งตรงกับข้อเรียกร้องของเยาวชนคณะราษฎรตลอดสองสามปีที่ผ่านมา แต่น่าสมเพศที่เยาวชนเหล่านั้นกลับโดนข้อหา ๑๑๒ กันถ้วนหน้า
ส่วนดีของการยังมีระบอบกษัตริย์ แต่ต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ‘ประชาธิปไตย’ อย่างเคร่งครัด นั้นเห็นได้จากข้อมูลที่ ดร.กินสเบิร์กใช้อ้าง ว่าในบรรดา ๑๓ ที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดของโลก มี ๘ ประเทศที่ยังมีกษัตริย์เป็นประมุข
ล้วนเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยเคร่งครัดเสียด้วย แล้วจุลเจิมก็ยังดันทุรังจะให้คืนพระราชอำนาจแบบที่รัชกาลที่ ๗ เสนอ ไม่ว่าทางร่างฉบับพระยากัลยาณไมตรี หรือร่างของพระยาศรีวิสารวาจา ล้วนให้อำนาจอธิปไตยเป็นของกษัตริย์
และให้กษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งอภิรัฐมนตรี แต่งตั้งองคมนตรีเข้าไปนั่งในสภาจำนวนครึ่งหนึ่ง แม้แต่ฉบับที่ ร.๗ ทรงให้ฟรานซิส บี. แซร์ร่างขึ้น ๑๒ มาตรา ก่อนมีการเปลี่ยนแปลง ๒๔๗๕ ที่รอยัลลิสต์ชอบยกมาอ้าง
ก็ให้อำนาจสูงสุดทางนิติบัญญัติ เป็นของกษัตริย์อย่างสิ้นเชิง นี่หรือคือสิ่งที่จุลเจิมพยายามเสนอให้นำมาใช้ในศตวรรษที่ ๒๑ อย่างนี้ไม่ต่างกับพวก ‘Pervert’ ชักว่าวให้สาธารณชนชม เป็นการสำเร็จความใคร่ทางปัญญาแล้วพ่นใส่ผู้คน
(https://prachatai.com/journal/2022/04/98102, https://waymagazine.org/tom-ginsburg-how-to-save-a-constitutional-democracy/ และ https://www.facebook.com/RatsadonNews/posts/370328218394234)