วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 15, 2565

ใครค้า... บวชหลายสิบปี สึกแล้ว กิเลสท่วม


Rawee Siri-issaranant
February 8 at 11:18 PM ·

อือม ในกรุงเทพฯ ตอนนั้นคนก็พูดกันนะว่ารัชกาลที่ 4 ชีกอ ตัว ร.4 เองก็รู้นะว่าตัวเองถูกพูดถึง ก็ออกมาแก้ต่างว่าฉันน่ะมีเมียน้อยกว่ากษัตริย์องค์ก่อนๆ นะ มีเมียน้อยกว่าน้องชายฉัน (พระปิ่นเกล้า) อีก ทำไมถึงมาว่าแต่ฉัน ประมาณนั้น ส่วนหนึ่งมันมาจากถูกหมอบรัดเลย์ด่า แต่อีกส่วนหนึ่งแน่ๆ นั้นมันมาจาก “อัตราเร่ง” ในความ “เยอะ” นั้นเอง คือกษัตริย์คนอื่นๆ นี่ก็มีเมียเยอะเหมือนๆ กัน อันนั้นน่ะใช่ แต่คนอื่นมันมีไปเรื่อยๆ ไง ใช้เวลาหลายสิบปีค่อยๆ เยอะ แต่ของ ร.4 นี่แกบวชมาจนจะ 50 อยู่แล้วถึงมาสึก เรียกว่าอยู่ในผ้าเหลืองหลายสิบปี พอสึกมาเป็นกษัตริย์แล้วก็ทำนิวไฮทันที คือเพิ่มปริมาณมเหสี เจ้าจอม และนางห้ามอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้นๆ จากเดิมก่อนบวชที่มีเจ้าจอมมารดาน้อยคนเดียว ใช้เวลาเพียง 10 ปีก็มีเมียเพิ่มมามากกว่า 100 คน เรื่องนี้ไม่ได้แค่พูดกันแต่สมัยนั้น แม้แต่สมัยผมยังเป็นนักศึกษาอยู่พวกเพื่อนก็เอามาคุยในวงเหล้ากันสนุกสนาน เหตุก็เพราะว่ามันให้ความรู้สึก “หักศอก” จริงๆ นั่นเอง



ร.4 หรือ มงกุฎ นี่ไม่ใช่แค่บวชมานานนะ แต่เป็นถึงระดับ “เจ้าสำนัก” ก่อตั้งนิกายธรรมยุต ข้ออ้างคลาสสิกของการมีเมียเยอะของกษัตริย์ไทยก็คือจำเป็นต้องรักษาน้ำใจของคนที่ยกลูกสาวมาให้และจำเป็นต้องผลิตลูก เรื่องผลิตลูกนี่มงกุฎก็แรงดีไม่มีตกฮะ ปั๊มออกมาได้ทุกปีปีหนึ่งก็ห้าคนสิบคน อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีสุดท้ายที่เสียชีวิตก็ยังมีลูก แม้กระทั่งหลังจากตายแล้วก็ยังมีลูกที่เกิดมาหลังจากพ่อตายไปแล้วอยู่คนก็คือ เจริญกมลสุขสวัสดิ์ ชื่อนี้มงกุฎตั้งเองด้วย ตั้งเอาไว้ล่วงหน้าก่อนจะตาย
ถามว่ามงกุฎนี่ ชีกอ หรือตัณหาจัด “หักศอก” แบบที่คุณดี้ว่ามั้ย ต้องไปถาม insider ครับ คนวงในไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เมียคนหนึ่งของมงกุฎ คือเจ้าจอมช้อย ป้า (หรือน้าก็ไม่แน่ใจ) ของกรมพระยาดำรงฯ เธอเล่าให้แอนนาฟังอย่างนี้ครับ (สำนวนแปลครูอบ)
พอเสด็จออก คุณจอมมารดาเที่ยงพี่สาวดิฉันคอยเฝ้าประจำหน้าที่อยู่ ณ ที่นั้นด้วย กระซิบให้ดิฉันคลานเข้าไปถวายตัว ดิฉันก็คลานตรงเข้าไปกราบถวายบังคมลงยังเบื้องยุคลบาท ขณะนี้จะมอบหัวใจถวายเหมือนอย่างมั่นหมายไว้นานนักนั้นมิได้เสียแล้ว จะถวายได้ก็แต่กายตัวเท่านั้น
มีพระราชดำรัสว่า “เจ้ารู้ตัวไหมว่าวันนี้น่ะเจ้างามเพียงไร?”
ดิฉันนึกในใจว่า นี่แลซีนะที่จะเป็นเจ้าเหนือเรือนกายดิฉันต่อไป นึกแล้วใจสะท้อน แก่กว่าดิฉันตั้ง 40 ปี! แต่พระองค์ท่านก็เป็นเจ้าชีวิตอยู่แล้ว ดิฉันกราบทูลว่าดิฉันไม่รู้ตัวว่าสวย
“อ๋า เจ้าต้องรู้ตัวซีน่า ข้าน่ะเห็นว่าเจ้าควรแก่ตำแหน่งราชินีทีเดียว” ทรงทำท่ากรุ้มกริ่มให้เหมือนหนุ่มๆ
ดิฉันพึมพำกราบทูลตอบไปว่า “พระมหากรุณาเป็นล้นเกล้าฯ” เสียงแหบแห้งฟังดูเหมือนไม่ใช่เสียงตัวเอง
ทรงหันไปรับสั่งกับพี่สาวดิฉันว่า “แหม แม่เที่ยงนะแม่เที่ยง ช่างกระไรเลย ซ่อนคนสวยๆ เอาไว้ตั้งนมนาน ต่อไปอย่าเรียกชื่อช้อยเฉยๆ เลย ให้เป็นเจ้าจอมเสียเถิด” แผลบ แผลบ
หมายเหตุ- คำว่า “แผลบ แผลบ” นี่ เจ้าจอมช้อยไม่ได้พูด เป็นซาวด์เอฟเฟค ผมติดมาจากคุณอาทรลูกเป็ดรูปหล่อ
ไพรวัลย์ สมปอง สองทิดนี่จะว่าไปแล้วก็ยังหนุ่มนะ จะมีกิลงกิเลศบ้างก็ธรรมดา แต่กรณีทิดมงกุฎนี่เรียกว่าขัดแย้งกับ “มาดพระ” ของทูลกระหม่อมยิ่งกว่ากรณีไหนๆ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของกษัตริย์ในอดีตนะครับ ส่วนปัจจุบันซึ่งไม่มีข้ออ้างเรื่องจำเป็นต้องมีเมียเยอะแล้ว เพราะกษัตริย์องค์ก่อนๆ ก็มีคนเดียวนี่ไม่มี “หักศอก” แต่ประการใด เสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่หนุ่มยันแก่ แต่ไม่เกี่ยวกับคุณดี้นะฮะ