พระนางซูสีไทเฮา ประกาศพระราชโองการว่าด้วยการเตรียมใช้ระบอบรัฐธรรมนูญอันมีจักรพรรดิทรงเป็นประมุข (โดย Photographer: Yu Xunling, Scanned from Che Bing Chiu; Gilles Baud Berthier (2000) Yuanming Yuan : Le jardin de la clarté parfaite [Yuanming Yuan: The Garden of Perfect Clarity], Besançon: Editions de l'Imprimeur ISBN: 978-2-910735-31-9. (Empress Dowager Cixi (c. 1890).png) [Public domain or Public domain], via Wikimedia Commons)
ราชวงศ์สุดท้ายของจีนอย่าง ราชวงศ์ชิง อาจประสบปัญหาทางการเมืองหลายประการ ท่ามกลางปัญหามากมาย การรับประทานอาหารในราชวงศ์กลับยังถือว่าเป็นกิจกรรมขึ้นชื่อลือชาเรื่องพิธีรีตรองและความหรูหราฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะในยุคพระนางซูสีไทเฮาทรงมีอำนาจ แม้กระทั่งการเสวยพระกระยาหารหนึ่งจานในพระราชวังสมัยราชวงศ์ชิง ก็มีความเชื่อว่าห้ามลิ้มชิมรสเกิน 2 คำ
ช่วงปลายราชวงศ์ชิงถูกนักประวัติศาสตร์มองว่าเป็นช่วงเวลาที่มืดหม่นที่สุดอีกหนึ่งยุคในประวัติศาสตร์จีน เกิดการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย ขณะที่สภาพการเมืองการปกครองอ่อนแอ สิ่งที่ยังคงรักษาอย่างเข้มแข็งคือระเบียบปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาในพระราชวังของราชวงศ์ชิงว่าด้วยการเสวยพระกระยาหารของจักรพรรดิหรือแม้แต่ของพระนางซูสีไทเฮาเอง
เป็นที่รู้กันว่าราชวงศ์ชิงไม่มีกำหนดแบ่งงบประมาณที่ตายตัวสำหรับใช้จ่ายเพื่อเป็นอาหารของจักรพรรดิ แต่ใช้เป็นระบบชำระตามที่ผลิตไปแล้ว หวัง ไหลอิน (Wang Laiyin) ผู้เขียนบทความ “ครัวตะวันตก, ครัวส่วนพระองค์ของพระนางซูสีไทเฮา” (Western Kitchen, Cixi’s Private Kitchen) เล่าว่า พระกระอาหารของจักรพรรดินี/พระพันปีหลวงใช้งบประมาณ 60 ตำลึงเงิน (1 ตำลึงน้ำหนักประมาณ 30 กรัม) ต่อวันในช่วงที่จักรพรรดิเฉียนหลงครองราชย์
ซึ่งพระนางซูสีไทเฮาก็ยังไม่ทรงพอพระทัยกับผลลัพธ์ที่ได้จากเพดานงบประมาณเท่านี้ นักประวัติศาสตร์ประเมินกันว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับอาหารต่อวันของพระนางซูสีไทเฮาอยู่ที่ประมาณ 100 ตำลึงเงินต่อวันทีเดียว มูลค่านี้มากพอซื้อข้าวสาร 12,000 ชั่งในยุคนั้นได้
เมื่อคำนวณการบริโภคเฉลี่ยของบุคคลต่อปีแล้ว ตัวเลขการบริโภคข้าวอยู่ที่ 300 ชั่งต่อปี นั่นหมายความว่าอาหารหนึ่งวันของพระนางซูสีไทเฮา สามารถเลี้ยงบุคคลหนึ่งให้อิ่มท้องนานถึง 40 ปี!
พระนางซูสีไทเฮายังมีครัวพิเศษเฉพาะทั้งในพระราชวังและพระราชวังฤดูร้อน ในการเสวยพระกระยาหารแต่ละครั้ง จักรพรรดิและจักรพรรดินี จะนั่งคอยพระนางซูสีไทเฮาทางตะวันออกและตะวันตก จักรพรรดิจะเป็นผู้ถวายอาหารให้พระมารดา ขณะที่จักรพรรดินีทรงตรัสชื่อเมนูนั้น โดยมีขันทีอาวุโสเป็นผู้บอกชื่ออาหาร เนื่องจากพระองค์ไม่สามารถจดจำชื่อเมนูที่มีมากมายได้อย่างแน่นอน
ข้อกำหนดสำหรับเรื่องอาหารของจักรพรรดิในพระราชวังยุคปลายราชวงศ์ชิงห้ามองค์จักรพรรดิตรัสถามหรือร้องขออาหารที่ต้องการเสวย และยังไม่สามารถเสวยอาหารชนิดเดียวกัน 2 วันติดต่อกัน แม้ว่าจะเป็นอาหารที่ทรงโปรดปรานก็ตาม
เมื่อองค์พระจักรพรรดิเสวยอาหาร พระองค์สามารถเสวยชิมรสได้ 1-2 ช้อนเท่านั้น และไม่สามารถเสวยช้อนที่ 3 ได้ ทันทีที่พระองค์จะเสวยช้อนที่ 3 ขันทีผู้ใหญ่ที่เฝ้าอยู่ด้านข้างจะร้องเตือนด้วยเสียงอันดังกึกก้องทันที อาหารจานนั้นจะหายไปจากรายชื่ออาหารที่เสวย 1-2 สัปดาห์
สอดคล้องกับลักษณะการเสวยพระกระยาหารของพระนางซูสีไทเฮาที่นักประวัติศาสตร์บันทึกว่า เมื่อถึงเวลาเสวย หากพระนางซูสีไทเฮาทอดพระเนตรไปที่อาหารจานไหน ขันทีจะรีบนำมาไว้ที่หน้าพระที่นั่ง ทรงเสวยจานละ 1-2 คำเท่านั้น ที่เหลือในจานจะถูกส่งต่อให้ขันที, พระสนม หรือเจ้าหน้าที่อื่นในวัง แต่ละมื้อก็ทรงเสวยไม่กี่จานเท่านั้น ขณะที่ห้องครัวส่วนพระองค์เตรียมขนมไว้มากกว่า 400 ชนิด อาหารหรูหราอีก 4,000 ชนิดที่มีวัตถุดิบอย่าง หูฉลาม, อุ้งเท้าหมี, รังนก, เป็ด, ปลา และเนื้อ
ระเบียบเหล่านี้ถือเป็น “ธรรมเนียมของราชวงศ์” ซึ่งถูกสอนต่อกันมาว่า “อย่าโลภมากในเรื่องอาหารจะได้ไม่ถูกปลิดปลง” อันมาจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่จักรพรรดิสิ้นพระชนม์จากยาพิษแบบกะทันหัน
ระหว่างเสวยพระกระยาหาร ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดินี ขันที หรือพระสนม ก็ไม่สามารถส่งเสียงเรียกให้องค์จักรพรรดิเสวยอะไรเป็นพิเศษ ทุกคนต้องรอองค์จักรพรรดิ (ปลายราชวงศ์ชิงจักรพรรดิต้องรอพระนางซูสีไทเฮา) ขันทีอาวุโสจะเป็นผู้คุมกฎระเบียบ พร้อมเอ่ยว่า “หุบปาก” และตบหน้าผู้ละเมิดกฎ
ข้อกำหนดเพื่อรักษาความปลอดภัยเหล่านี้กลายเป็นมาตรฐานที่ปฏิบัติกันมาจนเป็นระเบียบแบบแผน และจากระเบียบเหล่านี้ทำให้แม้แต่ขันทีคนสนิทที่ถวายการรับใช้มานับ 10 ปี หรือสาวรับใช้ในวัง ก็ยังไม่รู้ว่าองค์จักรพรรดิทรงโปรดปรานอาหารชนิดไหนเป็นพิเศษ
อ้างอิง :
Wang, Laiyin. Western Kitchen, Cixi’s Private Kitchen. Chinese Imperial Cuisines and Eating Secrets. China : Panda Books, 1998
เผยแพร่เนื้อหาในระบบออนไลน์เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2561
ที่มา เวปศิลปวัฒนธรรม
Sita Wattanapak
ไกด์ที่นำชมพระราชวังต้องห้ามบรรยายไว้อย่างนี้จริงๆ อาหารชนิดใดกิน 2 คำ แล้ว จะยกออกทันที ห้ามเกิน 2 เข้าไปแล้วห้ามเดินย้อนกลับ ไม่ไหวต้องฝืนไปให้สุด เพราะรถบัสที่มาส่งเข้าประตูหน้าจะไปรอรับที่ประตูออกด้านหลัง เดินชมไปต้องพักไป นักท่องเที่ยวนั่งพักกันทุกซอกมุม
เจอเกาเหลาลูกชิ้นแชมป์นี่ ทำยังไงนะที่จะได้กินจนเต็มคราบ เป็นกรรมตกที่นั่งลำบากเหมือนกันนะเนี๊ยะ
ราชวงศ์สุดท้ายของจีนอย่าง ราชวงศ์ชิง อาจประสบปัญหาทางการเมืองหลายประการ ท่ามกลางปัญหามากมาย การรับประทานอาหารในราชวงศ์กลับยังถือว่าเป็นกิจกรรมขึ้นชื่อลือชาเรื่องพิธีรีตรองและความหรูหราฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะในยุคพระนางซูสีไทเฮาทรงมีอำนาจ แม้กระทั่งการเสวยพระกระยาหารหนึ่งจานในพระราชวังสมัยราชวงศ์ชิง ก็มีความเชื่อว่าห้ามลิ้มชิมรสเกิน 2 คำ
ช่วงปลายราชวงศ์ชิงถูกนักประวัติศาสตร์มองว่าเป็นช่วงเวลาที่มืดหม่นที่สุดอีกหนึ่งยุคในประวัติศาสตร์จีน เกิดการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย ขณะที่สภาพการเมืองการปกครองอ่อนแอ สิ่งที่ยังคงรักษาอย่างเข้มแข็งคือระเบียบปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาในพระราชวังของราชวงศ์ชิงว่าด้วยการเสวยพระกระยาหารของจักรพรรดิหรือแม้แต่ของพระนางซูสีไทเฮาเอง
เป็นที่รู้กันว่าราชวงศ์ชิงไม่มีกำหนดแบ่งงบประมาณที่ตายตัวสำหรับใช้จ่ายเพื่อเป็นอาหารของจักรพรรดิ แต่ใช้เป็นระบบชำระตามที่ผลิตไปแล้ว หวัง ไหลอิน (Wang Laiyin) ผู้เขียนบทความ “ครัวตะวันตก, ครัวส่วนพระองค์ของพระนางซูสีไทเฮา” (Western Kitchen, Cixi’s Private Kitchen) เล่าว่า พระกระอาหารของจักรพรรดินี/พระพันปีหลวงใช้งบประมาณ 60 ตำลึงเงิน (1 ตำลึงน้ำหนักประมาณ 30 กรัม) ต่อวันในช่วงที่จักรพรรดิเฉียนหลงครองราชย์
ซึ่งพระนางซูสีไทเฮาก็ยังไม่ทรงพอพระทัยกับผลลัพธ์ที่ได้จากเพดานงบประมาณเท่านี้ นักประวัติศาสตร์ประเมินกันว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับอาหารต่อวันของพระนางซูสีไทเฮาอยู่ที่ประมาณ 100 ตำลึงเงินต่อวันทีเดียว มูลค่านี้มากพอซื้อข้าวสาร 12,000 ชั่งในยุคนั้นได้
เมื่อคำนวณการบริโภคเฉลี่ยของบุคคลต่อปีแล้ว ตัวเลขการบริโภคข้าวอยู่ที่ 300 ชั่งต่อปี นั่นหมายความว่าอาหารหนึ่งวันของพระนางซูสีไทเฮา สามารถเลี้ยงบุคคลหนึ่งให้อิ่มท้องนานถึง 40 ปี!
พระนางซูสีไทเฮายังมีครัวพิเศษเฉพาะทั้งในพระราชวังและพระราชวังฤดูร้อน ในการเสวยพระกระยาหารแต่ละครั้ง จักรพรรดิและจักรพรรดินี จะนั่งคอยพระนางซูสีไทเฮาทางตะวันออกและตะวันตก จักรพรรดิจะเป็นผู้ถวายอาหารให้พระมารดา ขณะที่จักรพรรดินีทรงตรัสชื่อเมนูนั้น โดยมีขันทีอาวุโสเป็นผู้บอกชื่ออาหาร เนื่องจากพระองค์ไม่สามารถจดจำชื่อเมนูที่มีมากมายได้อย่างแน่นอน
ข้อกำหนดสำหรับเรื่องอาหารของจักรพรรดิในพระราชวังยุคปลายราชวงศ์ชิงห้ามองค์จักรพรรดิตรัสถามหรือร้องขออาหารที่ต้องการเสวย และยังไม่สามารถเสวยอาหารชนิดเดียวกัน 2 วันติดต่อกัน แม้ว่าจะเป็นอาหารที่ทรงโปรดปรานก็ตาม
เมื่อองค์พระจักรพรรดิเสวยอาหาร พระองค์สามารถเสวยชิมรสได้ 1-2 ช้อนเท่านั้น และไม่สามารถเสวยช้อนที่ 3 ได้ ทันทีที่พระองค์จะเสวยช้อนที่ 3 ขันทีผู้ใหญ่ที่เฝ้าอยู่ด้านข้างจะร้องเตือนด้วยเสียงอันดังกึกก้องทันที อาหารจานนั้นจะหายไปจากรายชื่ออาหารที่เสวย 1-2 สัปดาห์
สอดคล้องกับลักษณะการเสวยพระกระยาหารของพระนางซูสีไทเฮาที่นักประวัติศาสตร์บันทึกว่า เมื่อถึงเวลาเสวย หากพระนางซูสีไทเฮาทอดพระเนตรไปที่อาหารจานไหน ขันทีจะรีบนำมาไว้ที่หน้าพระที่นั่ง ทรงเสวยจานละ 1-2 คำเท่านั้น ที่เหลือในจานจะถูกส่งต่อให้ขันที, พระสนม หรือเจ้าหน้าที่อื่นในวัง แต่ละมื้อก็ทรงเสวยไม่กี่จานเท่านั้น ขณะที่ห้องครัวส่วนพระองค์เตรียมขนมไว้มากกว่า 400 ชนิด อาหารหรูหราอีก 4,000 ชนิดที่มีวัตถุดิบอย่าง หูฉลาม, อุ้งเท้าหมี, รังนก, เป็ด, ปลา และเนื้อ
ระเบียบเหล่านี้ถือเป็น “ธรรมเนียมของราชวงศ์” ซึ่งถูกสอนต่อกันมาว่า “อย่าโลภมากในเรื่องอาหารจะได้ไม่ถูกปลิดปลง” อันมาจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่จักรพรรดิสิ้นพระชนม์จากยาพิษแบบกะทันหัน
ระหว่างเสวยพระกระยาหาร ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดินี ขันที หรือพระสนม ก็ไม่สามารถส่งเสียงเรียกให้องค์จักรพรรดิเสวยอะไรเป็นพิเศษ ทุกคนต้องรอองค์จักรพรรดิ (ปลายราชวงศ์ชิงจักรพรรดิต้องรอพระนางซูสีไทเฮา) ขันทีอาวุโสจะเป็นผู้คุมกฎระเบียบ พร้อมเอ่ยว่า “หุบปาก” และตบหน้าผู้ละเมิดกฎ
ข้อกำหนดเพื่อรักษาความปลอดภัยเหล่านี้กลายเป็นมาตรฐานที่ปฏิบัติกันมาจนเป็นระเบียบแบบแผน และจากระเบียบเหล่านี้ทำให้แม้แต่ขันทีคนสนิทที่ถวายการรับใช้มานับ 10 ปี หรือสาวรับใช้ในวัง ก็ยังไม่รู้ว่าองค์จักรพรรดิทรงโปรดปรานอาหารชนิดไหนเป็นพิเศษ
อ้างอิง :
Wang, Laiyin. Western Kitchen, Cixi’s Private Kitchen. Chinese Imperial Cuisines and Eating Secrets. China : Panda Books, 1998
เผยแพร่เนื้อหาในระบบออนไลน์เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2561
ที่มา เวปศิลปวัฒนธรรม
Sita Wattanapak
ไกด์ที่นำชมพระราชวังต้องห้ามบรรยายไว้อย่างนี้จริงๆ อาหารชนิดใดกิน 2 คำ แล้ว จะยกออกทันที ห้ามเกิน 2 เข้าไปแล้วห้ามเดินย้อนกลับ ไม่ไหวต้องฝืนไปให้สุด เพราะรถบัสที่มาส่งเข้าประตูหน้าจะไปรอรับที่ประตูออกด้านหลัง เดินชมไปต้องพักไป นักท่องเที่ยวนั่งพักกันทุกซอกมุม
เจอเกาเหลาลูกชิ้นแชมป์นี่ ทำยังไงนะที่จะได้กินจนเต็มคราบ เป็นกรรมตกที่นั่งลำบากเหมือนกันนะเนี๊ยะ