วันอาทิตย์, พฤษภาคม 02, 2564

ราชกิจจาบอก “ประชาชนเป็นต้นเหตุหลัก” ระบาดรอบนี้ “ทยอยปิดกิจการกันอีก”


กลับมาทยอยปิดกิจการกันอีกครั้ง จากพิษโควิดรอบสาม บวกความด้อยทักษะการบริหารอย่างดักดาน ของรัฐบาล ประยุทธ์ จันทร์โอชา ห้างดังโคราช สวนเสือศรีราชา โรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเมืองชลฯ พากันร่วงผลอยตามข่าวที่ Atukkit Sawangsuk เอามาแฉ

ว่า “เป็นโดมิโน่ รอบแรกพออึด รอบสองกำลังจะฟื้นชะงักกึก รอบสามหมดแรงหมดสายป่าน หมดกำลังทำงานเสียภาษีให้ทหารซื้ออาวุธ” แล้วยังต้อง “จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ (ด้วย) ว่าการระบาดรอบสาม เป็นผลจากความหย่อนยานของประชาชน

หาได้เป็นความบกพร่องของรัฐบาลไม่” Siripan Nogsuan Sawasdee @Si_Siripan อ่าน ข้อกำหนด สถานการณ์ฉุกเฉิน ๒๙ เมษา แล้วสะอึกกับเหตุอ้าง “ประชาชนส่วนใหญ่มีความผ่อนคลาย กับสถานการณ์ควบคุมโรคที่ดีขึ้น” ชมตัวเองไว้ก่อน

แล้วค่อยชี้หน้าด่า “ไม่ค่อยระมัดระวังป้องกันตัวอย่างในช่วงต้นของการระบาด จึงทำให้โรคแพร่กระจายไปในทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร” มิน่านักร้องดังเหลืองเก่าอย่าง กรณ์ภัสสร ด้วยเศียรเกล้า หรือ แกรนด์ เดอะสตาร์จึงต้องโพล่งออกมา

“โทษทุกคน โทษทุกอย่าง แต่ไม่เคยโทษตัวเอง หมายถึงรัฐบาลค่ะ ทำงานพลาดใดๆ ก็พอเข้าใจได้ในสถานการณ์แบบนี้ ว่าบางอย่างก็เกินจะควบคุม แต่จะมีซักครั้งมั้ย ที่ออกมายอมรับความผิด ขอโทษจากใจจริง รึแสดงความรับผิดชอบใดๆ...


มันทำให้ประชาชนอย่างเรา รู้สึกสิ้นหวังจริงๆ ค่ะ” หลวงชี พระเมธีวชิโรดม ยังจะ ดจร.ทำเป็นห่วงความสุขข้าราช ระคายเคืองกับเสียงวิพากษ์ก่นว่า (ทั่นใช้คำ ด่าทอ) รัฐบาลและผู้บริหารจัดการเรื่องโควิดล่าช้า Decharut Sukkumnoed ถึงต้องเบิกเนตรว่า

ถ้างั้น “ข้อความในประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่รัฐบาลบอกว่าประชาชนเป็นต้นเหตุหลัก” ของการระบาดโควิดระลอกใหม่ “หากเป็นเช่นนั้น รัฐบาลก็คงไม่แตกต่างจาก “เม่น” ที่ชอบพุ่งหนามแหลมใส่ประชาชน ดังอุปมาอุปไมยที่ท่าน ว. กล่าวไว้”

กระนั้นการออกระเบียบควบคุมอย่างไม่เท่าเทียมกันทุกคน เช่น ต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกเคหะสถานหรืออยู่ในที่สาธารณะ ก็เห็นมีบางครอบครัวสามคนผัวเมียและลูกไม่เห็นสวมนะ แม้อย่างน้อยๆ เพื่อให้เป็นแบบอย่างอันดีก็เถอะ

การยกระดับมาตรการป้องกันและควบคุมของ ศบค.มันจะสัมฤทธิ์ผลได้หรือ ตัวอย่างรัฐมนตรีจัดรดน้ำดำหัวเอิกเกริก แล้วติดเชื้อกันไป ๕๒ คน เป็นส่วนหนึ่งของ ซูเปอร์สเปรดเดอร์ อยู่ขณะนี้ ไม่มีใครเลยออกมารับผิดชอบ ใช่ไหมทั่น สมศักดิ์ เทพสุทิน

หรือทั่น อัศวิน ขวัญเมือง เทพเจ้า กทม. แจงมาตรการขั้นสูง งดการบริโภคอาหาร ฯลฯ ในร้าน ให้จำหน่ายในลักษณะการนำกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น “และให้เปิดบริการได้จนถึงเวลา ๒๑.๐๐ น.” ปิดเวลาเดียวกับสถานออกกำลังกายประเภทต่างๆ ส่วนสวนสาธารณะปิดหมดไม่เลือกเวลา


แต่ “ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดนัดกลางคืน ตลาดโต้รุ่ง ถนนคนเดิน เปิดดำเนินการได้เวลา ๔.๐๐ – ๒๓.๐๐ น.” จึงไม่พ้นมีคนทัก อ้าว ร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่น และเฟมมิลี่มาร์ท ก็ขายอาหารนะ ข้าวกล่อง ซาลาเปา ก๋วยเตี๋ยวสำเร็จรูป

ทำไมร้านอาหารปกติจึงต้องปิดก่อนสองชั่วโมงล่ะ ร้านที่ขายเฉพาะข้าวปลาอาหารมีความเสี่ยงมากกว่าร้านสะดวกซื้อตรงไหน (จากคอมเม้นต์ของ Arthit ราษฎรที่เป็นมนุษย์ไม่ใช่ฝุ่นละอองธุลีใดๆ @bact) หลายต่อหลายคนจึงมองว่า อ๋อ สะดวกซื้อเป็นของเจ้าสัว

ผลลัพท์ so far ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มพุ่งไม่หยุด ตัวเลขวันที่ ๒ พฤษภา นี่ ๑,๙๔๐ ราย ลบล้างเทร็นด์เดิมตั้งแต่เดือนที่แล้ว ที่ว่าจำนวนผู้ติดแผ่วลง แต่จำนวนผู้ตายยังเพิ่ม วันนี้อีก ๒๑ ราย ขณะที่ช่วงครึ่งเดือนหลังของเมษายนตายไปแล้ว ๑๒๗ คน

(https://www.facebook.com/praphan.pranglaor.5/posts/1874819099362921, https://www.facebook.com/baitongpost/posts/4030272283721237 และ https://twitter.com/bact/status/1388326563234545666)