ศาลร้อนตัว ออกมาแถลงแก้ต่างเรื่อง ‘การไม่ให้ประกันตัว’ ผู้ต้องขังที่ยังไม่ได้เริ่มกระบวนพิจารณาคดีจำนวนหนึ่ง (อย่างมาก ๑๙ อย่างน้อย ๑๔) รวมทั้งที่ดูเหมือนมีใครสั่งมาให้เก็บไว้จนกว่า...ได้แก่เพ็นกวิ้น อานนท์ รุ้ง แอมมี่ ไม้ค์ เป็นอาทิ
อย่างที่ Khemthong Tonsakulrungruang ว่าอะนะ “ศาลจะออกหนังสือชี้แจงความยุติธรรมอีกกี่สิบฉบับก็ได้ เพราะยุติธรรมหรือไม่ คนไม่เชื่อจากหนังสือ แต่พิจารณาสรุปเอาเองตามที่ได้พบเห็น...ต่อให้ศาลปล่อยตัวแกนนำบางคนก็อาจจะสายไป”
ศาลได้เลือกใช้กระบวนยุติธรรมนอก ‘เหนือครรลอง’ อันเหมาะสมของกฎหมายไปแล้ว หลายหนหลายราย จนผู้คนจำนวนไม่น้อยซึ่งพบว่าศาลขาดความกรุณา หมดสิ้นศรัทธา เลิกเชื่อถือ และไม่คิดว่าตุลาการจะยกตนเหนือระดับปุถุชนที่เห็นแก่ตัวได้
ตราบเท่าที่ศาลจะสามารถปฏิบัติต่อผู้ถูกกล่าวหาว่าละเมิดศักดาของประมุขและแวดวง ‘สถาบันฯ’ เช่นกันกับผู้ต้องหาอื่นๆ อย่างเห็นได้แจ้งชัดและต่อเนื่อง โดยไม่ชักช้าล้าหลังเกินไป ซึ่งในขณะนี้ก็ “กำลังจะช้าไปในการกู้เกียรติภูมิของตนเองคืนมา” แล้วดัง อจ.เข็มทองว่า
การปล่อยตัว สมยศ พฤกษาเกษมสุข กับ ‘ไผ่ ดาวดิน’ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ด้วยวงเงินประกันคนละ ๒ แสนบาท อาจจะเป็นเช่นฝรั่งว่า ‘too little, too late’ ช้าไปนิดสำหรับความเสียหายต่อศักดิ์ศรีของกระบวนศาล (ในทั้งผู้ปฏิบัติและผู้สั่งการ)
เพราะสิ่งที่ศาลทำไปแล้วอย่างละเมิดและบิดเบือนหลักเกณฑ์ เป็นความผิดที่ไม่ได้มีการแก้ไขและชดใช้ ดังเหตุผลที่อธิบายได้ด้วยข้อเท็จจริง ซึ่ง ‘กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย’ ว่าไว้เป็นเปลาะๆ ปล้องๆ อย่างเช่น ป.วิอาญา มาตรา ๑๐๘/๑
เงื่อนไขนี้บ่งว่า ไม่ให้ประกันปล่อยตัวเพราะเกรงจะไปทำความผิดซ้ำ หรืออย่างอื่นอีก แสดงว่า “แค่ถูกขังก็สมประโยชน์ผู้แจ้งความ/ฟ้องแล้ว โดยเฉพาะการแจ้งความ/ฟ้องคนที่เห็นต่างทางการเมือง” ซึ่งใครก็ได้ฟ้องใครก็ได้ แค่อ้างว่าทำผิด ม.๑๑๒
เช่น แกนนำคณะราษฎรผู้ถูกกล่าวหาที่ยังถูกคุมขังขณะนี้ (ทั้งที่ยังไม่ได้ตัดสินเลยว่าผิดหรือไม่) หากผ่านไปหลายปีแล้วคดีเพิ่งเสร็จโดยผู้ต้องหาไม่มีความผิด ก็เท่ากับถูกขังฟรีเพราะมีคนไม่ชอบหน้าแกล้งฟ้อง และไม่สามารถหันกลับไปฟ้องฐานทำให้เสียหายได้
ในส่วนที่เกี่ยวกับความเป็น ‘สากล’ ของกฎหมายห้ามหมิ่นกษัตริย์ไทย สำนักงานศาลยุติธรรมยกเอากฎหมายของอังกฤษมาบังหน้าว่าเขาก็มี แต่เป็นการอ้างเกินข้อเท็จจริง เพราะฉบับปี ค.ศ.๑๙๙๔ เกี่ยวกับความยุติธรรมทางอาญาและระเบียบสาธารณะนั้น
เป็นคดีฆาตกรรมร้ายแรงหรือคดีข่มขืนล่วงละเมิดทางเพศทั้งนั้น “ไม่ได้รวมถึงคดีจากการวิพากษ์วิจารณ์หรือชุมนุม และต้องเป็นกรณีที่เคยถูกพิพากษาในความผิดนั้นๆ มาก่อนแล้ว” ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาที่ไม่ได้รับอนุญาตประกันตัวเหล่านี้ไม่เข้าข่าย
ส่วนประเด็นที่ศาลอ้างว่าการ ‘จำกัดเสรีภาพ’ ควบคุมตัวไว้ในระหว่างการพิจารณา “หาได้ทำให้ถึงขั้นขาดความสามารถในการต่อสู้คดีอย่างมีนัยสำคัญ” อันนี้ศาลตอแหลอย่างสุดๆ ตรงข้ามกับเหตุเกิดในศาลเมื่อไม่ถึงสองอาทิตย์นี่เองชนิด ‘ฝ่าตีนกับหลังมือ’
ระเบียบกรมราชทัณฑ์ที่ศาลอ้างนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ซึ่งควบคุมตัวผู้ถูกคุมขังมาฟังการพิจารณาประพฤติตรงข้ามอย่างชั่วช้า ไม่ให้ทนายได้คุยกับผู้ต้องหาเป็นส่วนตัว ไม่ให้แม่ได้พบสัมผัสลูก ไม่ให้ญาติมิตรได้เข้าฟังการพิจารณา ประดุจดังอำนาจราชทัณฑ์เหนือศาล
ส่วนข้ออ้างสถิติศาลอนุญาตประกันตัวในปี ๒๕๖๓ ถึง ๙๑.๒๖% นี่ ‘ศรีธนญชัย’ อย่างยิ่ง ไม่ผิดอะไรกับเด็กชายตู่ดื้อด้านอ้างโน่นนี่โทษแต่คนอื่น แถไปไม่ยี่หระ ศาลอาจจะทำถูกต้องเกินร้อยเมื่อปีที่แล้วหรือชาติก่อน
แต่ความเหี้ย มมหาวายร้ายขณะนี้ต่างหากที่ทำให้ประชากรเดือดร้อน และข้อสำคัญ การให้ประกันปล่อยชั่วคราวของศาล ย่อมมีกฏเกณฑ์กำกับ ห้ามทำโน่นทำนี่ ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ฯลฯ ล้วนในสิ่งที่ศาลเกรงว่าจะไปทำได้ทั้งสิ้น
จากที่ Atukkit Sawangsuk ไปขุดมาเรื่องเงินเดือนศาล ล้วนอูฟู อิ่มหมีพีมันกันทั้งนั้น ซ้ำการจะเข้าไปเป็นผู้พิพากษายังเปิดโอกาสให้แก่ชนชั้นสูง ผู้ลากมากดีได้เข้าไปมากกว่าคนธรรมดาชนชั้นกลาง “พอสอบได้ก็โดนเอาไปอบรม”
ให้อยู่ในจารีตก่อนเริ่มงานเสียอีก ฉะนี้ทัศนคติของพวกตุลาการจึงมักคร่ำครึและอยู่ในกรอบของความรุ่งเรืองยุคพ่อขุนรามคำแหง ไม่ค่อยชอบที่จะก้าวไปข้างหน้า หรือก้าวไกลไปกว่ามาตรฐานซึ่งโบราณกาลเคยทำไว้เท่าไรนัก
(https://www.facebook.com/baitongpost/posts/4007829399298859, https://www.facebook.com/democracyrestoration/posts/3740002649462558 และ https://www.facebook.com/themomentumco/posts/2682780785346942)