พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
12h ·
[ แถลงการณ์พรรคก้าวไกล เรื่อง ความเห็นต่อคำชี้แจงของสำนักงานศาลยุติธรรม กรณีการพิจารณาและมีคำสั่งของศาลในการร้องขอประกันตัวในคดีอาญาบางคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ]
.
ตามที่เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 สำนักงานศาลยุติธรรมได้เผยแพร่ข่าวแจกสื่อมวลชน ชี้แจงกรณีที่มีการตั้งคำถามตั้งคำถามต่อการพิจารณาและมีคำสั่งของศาลในการร้องขอปล่อยชั่วคราวในคดีอาญา หรือที่เรียกกันว่าสิทธิในการประกันตัว ในคดีบางคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ว่าศาลยุติธรรมให้ความสำคัญกับสิทธิในการปล่อยชั่วคราวของผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาตลอดมา แต่การพิจารณาและมีคำสั่งศาลจำเป็นต้องพิจารณาหลักเกณฑ์ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนด ประกอบกับพฤติการณ์และความจำเป็นในแต่ละคดีซึ่งย่อมมีความแตกต่างกัน ทั้งนี้สำหรับหลักการกฎหมายและแนวปฏิบัติที่ใช้ในประเทศไทยในปัจจุบันถือว่าสอดคล้องกับหลักการสากลที่การพิจารณาและมีคำสั่งให้ปล่อยชั่วคราวเป็นกรณีที่ศาลต้องพิจารณาตามพฤติการณ์แต่ละคดีภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งในการพิจารณาพิพากษาคดีความต่างๆ ศาลยุติธรรมทุกศาลย่อมพิจารณา ให้ความสำคัญ และรับฟังเหตุผลและข้อต่อสู้ของทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกันนั้น
.
พรรคก้าวไกลมีความเห็นว่าเมื่อพิจารณาประกอบกับข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงที่ปรากฏแล้ว จึงมีข้อสังเกตต่อคำชี้แจงดังกล่าวนั้นถูกต้องสอดคล้องกับข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงหรือไม่
.
โดยในส่วนที่สำนักงานศาลยุติธรรมอ้างถึงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ซึ่งกำหนดกรณีที่ศาลอาจสั่งไม่ให้ประกันตัว หนึ่งในนั้นคือมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยจะก่ออันตรายประการอื่น โดยอ้างว่ากฎหมายมุ่งป้องกันมิให้จำเลยหรือผู้ต้องหาไปกระทำซ้ำในสิ่งที่ถูกฟ้องร้องหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดหรือกระทำความผิดอย่างอื่น พรรคก้าวไกลเห็นว่าหากศาลนำวิธีคิดดังกล่าวมาใช้โดยเหมารวมแม้กระทั่งกับคดีที่เกี่ยวข้องกับการแสดงความคิดเห็นหรือการชุมนุม ซึ่งคาบเกี่ยวกับการใช้เสรีภาพของประชาชน แทนที่จะใช้เฉพาะกับกรณีที่เป็นเหตุอันตรายโดยสามัญสำนึก เช่น การฆาตกรรม อย่างเคร่งครัดเท่านั้นแล้ว จะเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้มีการแจ้งความหรือฟ้องคดีเพื่อกลั่นแกล้งผู้เห็นต่างทางการเมือง โดยเฉพาะผู้แสดงออกซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ต่อรัฐบาล ผู้ใช้อำนาจรัฐ และสถาบันพระมหากษัตริย์ เกิดขึ้นโดยทั่วไป การแจ้งความหรือฟ้องคดีดังกล่าวมิได้มุ่งหวังถึงผลคำพิพากษา หากแต่เพียงผู้ถูกแจ้งความหรือฟ้องคดีถูกฝากขังโดยศาลไม่ให้ประกันตัวก็ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของผู้แจ้งความหรือฟ้องคดีแล้ว นี่คือการใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำร้ายผู้อื่น ซึ่งส่งจะผลให้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ถูกลดทอนความน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่งจากสาธารณชน
.
ในส่วนที่สำนักงานศาลยุติธรรมอ้างถึงกฎหมายของประเทศสหราชอาณาจักร ได้แก่ Criminal Justice and Public Order Act 1994 และ The Bail Act 1976 เพื่ออ้างว่าต่างประเทศก็ยังมีกฎหมายที่ห้ามมิให้ศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวในความผิดบางประเภท และศาลอาจไม่อนุญาตให้ประกันตัวได้หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยอาจไม่กลับมามอบตัวต่อศาล หรืออาจกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่งอีกนั้น ทว่าในเนื้อหาของ Criminal Justice and Public Order Act 1994 นั้นกำหนดว่าการห้ามมิให้ศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวนั้นให้ใช้กับความผิดฐานฆาตกรรม (Murder), พยายามฆาตกรรม (Attempted murder), ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (Manslaughter), กระทำชำเรา (Rape) หรือความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศบางประการเท่านั้น และต้องเป็นกรณีที่ผู้ต้องหา/จำเลยเคยถูกพิพากษาในความผิดดังกล่าวมาก่อนแล้วเท่านั้น ในขณะที่ The Bail Act 1976 แม้จะมีเนื้อหาของเหตุในการไม่ให้ประกันตัวที่คล้ายกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ของกฎหมายไทย แต่สหราชอาณาจักรก็มิได้มีกฎหมายห้ามวิพากษ์วิจารณ์พระมหากษัตริย์ที่มีโทษร้ายแรงเหนือกว่ากฎหมายหมิ่นประมาททั่วไป และมิได้ถือเอาเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์หรือการชุมนุมเป็นเหตุอันตรายถึงขนาดต้องไม่ให้ประกันตัว การอ้างกฎหมายดังกล่าวของสหราชอาณาจักรจึงมิได้มีความชัดเจน ในการพิสูจน์ให้เห็นว่ากฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของไทยมีความสอดคล้องกับหลักการสากลแต่อย่างใด
.
ในส่วนที่สำนักงานศาลยุติธรรมอ้างว่าในการควบคุมตัวระหว่างการพิจารณา แม้จะทำให้จำเลยหรือผู้ต้องหาถูกจำกัดเสรีภาพในการเดินทาง แต่หาได้ทำให้ถึงขั้นขาดความสามารถในการต่อสู้คดีอย่างมีนัยสำคัญ เพราะตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ฯ จำเลยหรือผู้ต้องหามีสิทธิปรึกษาและให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีแก่ทนายความของตนได้อย่างเต็มที่ และอาจปรึกษาเป็นการลับก็ได้หากมีความจำเป็นในการดำเนินคดีนั้น ปรากฏว่ามีการรายงานข้อเท็จจริงจากจำเลยและทนายความจำเลยในคดีการชุมนุม “ทวงอำนาจคืนราษฎร” เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2463 ว่าในระหว่างการพิจารณาคดี จำเลยไม่ได้รับสิทธิในการปรึกษาหารือกันในทางคดีอย่างเป็นส่วนตัวและเป็นความลับระหว่างทนายความและลูกความ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมจนสิทธิของจําเลยและทนายความถูกละเมิดแม้อยู่ในห้องพิจารณาคดี ทั้งการตรวจรายชื่อทนายความจําเลยและจําเลยที่เข้าร่วมการพิจารณาคดีอย่างเข้มงวด การทําร้ายร่างกายทนายความที่กําลังใช้สิทธิปรึกษากับจําเลยเป็นการเฉพาะตัว การยึดโทรศัพท์ของทนายความจําเลย การไม่เปิดโอกาสให้จําเลยและทนายความได้ปรึกษากันเป็นการเฉพาะตัว นอกจากนี้ยังมีความพยายามกีดกันญาติของจำเลยที่มาติดตามการพิจารณาคดีไม่ให้พบปะกับจำเลย ข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่สอดคล้องกับคำกล่าวอ้างของสำนักงานศาลยุติธรรมโดยสิ้นเชิง และเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2563 จำเลยคดีดังกล่าวจำนวน 21 ราย ได้แถลงความประสงค์ขอถอนทนายความ เนื่องด้วยกระบวนการพิจารณาคดีในศาลอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และการปฏิบัติที่ไม่เอื้ออำนวยให้จำเลยได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม ตามหลักการและเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย
.
ในส่วนที่สำนักงานศาลยุติธรรมอ้างถึงจำนวนผู้ต้องหาและจำเลยที่ได้รับการประกันตัวในปี 2563 ว่ามีถึง 217,904 คดี จากที่ยื่นคำขอมาทั้งหมด 237,875 คดี หรือคิดเป็นร้อยละ 91.26 อ้างว่าแสดงให้เห็นว่าการพิจารณาและมีคำสั่งของศาลได้ตระหนักและให้ความสำคัญต่อสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหาหรือจำเลยเสมอมา และไม่ได้เป็นการพิจารณาและมีคำสั่งไปในทางใดทางหนึ่งด้วยเหตุอื่นเหตุใดนอกเหนือจากเหตุผลตามที่กฎหมายกำหนดนั้น มีข้อสังเกตว่าสัดส่วนดังกล่าวเป็นสัดส่วนของคดีทุกประเภท ในขณะที่ประเภทคดีที่สังคมกำลังเกิดข้อกังขาต่อการพิจารณาให้ประกันตัวของศาลได้แก่คดีการกลั่นแกล้งผู้เห็นต่างทางการเมือง โดยเฉพาะคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งจนถึง ณ ขณะที่สำนักงานศาลยุติธรรมได้เผยแพร่คำชี้แจงดังกล่าว ยังมีผู้ถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาในคดีการเมืองอย่างน้อย 21 คน ในจำนวนนี้เป็นคดีมาตรา 112 อย่างน้อย 15 คน การอ้างชุดข้อมูลเชิงปริมาณดังกล่าวของสำนักงานศาลยุติธรรมจึงเป็นการอ้างข้อมูลคนละชุดกับที่สังคมต้องการรับทราบ และมิได้ช่วยพิสูจน์ให้เห็นว่าการพิจารณาและมีคำสั่งของศาลได้ตระหนักและให้ความสำคัญต่อสิทธิเสรีภาพครอบคลุมไปถึงผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองและคดีมาตรา 112 ด้วย
.
และแม้ว่าต่อมาในวันเดียวกันกับที่สำนักงานศาลยุติธรรมเผยแพร่คำชี้แจงดังกล่าว ศาลจะได้มีคำสั่งให้ประกันตัวผู้ต้องหาและจำเลยคดีการเมืองและคดีมาตรา 112 จำนวน 4 คน ซึ่งรวมถึงคุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข และคุณจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นักกิจกรรมทางการเมืองคนสำคัญด้วย ก็มิได้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าศาลได้ให้ความสำคัญกับสิทธิในการประกันตัวของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีประเภทดังกล่าวแล้ว เนื่องจากทั้งสี่คนนี้ รวมถึงผู้ต้องหาและจำเลยอีกอย่างน้อย 17 คนที่ยังถูกคุมขังอยู่ ต่างยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังไม่มีคำพิพากษาอันเป็นที่สุดว่าพวกเขามีความผิด ทั้งมิได้มีพฤติการณ์จะหลบหนี ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายอื่นใด สิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับคือการประกันตัวตั้งแต่ต้น มิใช่ต้องยอมแลกการได้รับอิสรภาพกับเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ศาลกำหนดขึ้น และอาจตีความได้ว่าเป็นการตัดสินการกระทำของจำเลยไว้ล่วงหน้า
.
ในการไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยคดีการเมืองและคดีมาตรา 112 ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการออกคำสั่งไม่ให้ประกันนั้นเป็นไปโดยไม่ได้มีฐานหรือเหตุผลตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนด เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาและจำเลยได้รับความเสียหายที่ไม่สมควรต้องรับ ถูกคุมขังเสมือนว่าถูกพิพากษาโทษจำคุกแล้ว และแม้จะได้ยื่นขอประกันตัวเพื่อใช้สิทธิในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่หลายครั้งหลายครา ก็มักได้รับคำตอบกลับเพียงว่า “ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม” การเช่นนี้ย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นอกจากนี้ยังอาจเป็นการกระทำการอันเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 อันมีโทษทางวินัยถึงไล่ออก
.
อีกทั้งยังได้เคยปรากฏข่าวเป็นที่น่าสงสัยว่าในการประชุมใหญ่ของศาลฎีกาในครั้งหนึ่งทำนองว่าการไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเป็นเพราะมีบุคคลภายนอกสั่งมา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นย่อมขัดต่อหลักความมีอิสระของผู้พิพากษาและตุลาการในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายให้เป็นไปโดยรวดเร็ว เป็นธรรม และปราศจากอคติทั้งปวง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 188 เป็นการเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการพิจารณาพิพากษาคดีของข้าราชการตุลาการอื่น หรือกระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้การพิจารณาพิพากษาคดีของข้าราชการตุลาการอื่นขาดความเป็นอิสระหรือความยุติธรรม และถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของทางราชการและจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มีโทษทางวินัยถึงไล่ออกเช่นเดียวกัน แม้จะได้มีการแถลงข่าวปฏิเสธเรื่องดังกล่าว แต่จนถึงทุกวันนี้ประธานศาลฎีกาก็ยังคงมิได้แสดงความบริสุทธิ์ใจที่จะให้ภายนอกได้ตรวจสอบถึงความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นภายในวงการตุลาการได้ นั่นจึงทำให้สังคมไม่อาจเชื่อมั่นในคำชี้แจงของสำนักงานศาลยุติธรรมที่อ้างว่าประธานศาลฎีกาได้เน้นย้ำถึงการลดการคุมขังที่ไม่จำเป็นในทุกขั้นตอนได้
.
พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้ศาลยุติธรรมหันกลับมาทบทวนการใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง ว่าในการไม่ให้ประกันตัวแต่ละครั้งที่ได้มีการออกคำสั่งไป ได้ตอบความยุติธรรมที่ทุกคนเห็นร่วมกันตามหลักความยุติธรรมที่ควรจะเป็น หรือเพียงสนองความพึงพอใจของบุคคลใด เราไม่ได้เรียกร้องให้พวกท่านต้องพิพากษาชี้ถูกชี้ผิดตามที่เราเชื่อ นั่นคือความเป็นอิสระที่พวกท่านพึงมีในการพิจารณาคดีให้ต้องตรงกับหลักกฎหมาย เราเพียงแต่ขอให้ประชาชนไม่ว่าจะคนใดๆ ก็ตามแต่ มีโอกาสได้สู้คดีในฐานะผู้บริสุทธิ์ ได้อยู่ในบ้าน ได้ใช้เวลากับครอบครัว ได้ทำมาหากิน มิใช่ต้องเป็นนักโทษล่วงหน้าเพียงเพราะเขาคือผู้เห็นต่างทางการเมือง
.
พรรคก้าวไกล
24 เมษายน 2564
.
#ก้าวไกล #แถลงการณ์ #ศาลยุติธรรม #มาตรา112
.....
.....
llllllllll-llllllllll-llllllllll-llllllllll
75 วันที่ถูกคุมขัง และ
#ครบ40วันที่เพนกวินอดอาหารประท้วง
โดยใช้ร่างกายตนเองตั้งคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมไทย
.
‘สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผิด’ และ ‘ไม่คืนสิทธิ์ประกันตัว’
จะชี้แจงด้วยเหตุผลร้อยแปดประการใด ความยุติธรรมไม่มีทางเลือกอื่น.. มีแค่ ‘มี’ กับ ‘ไม่มี’ เท่านั้น!!!
.
เพนกวินและรุ้งยังคงเดินหน้าอดอาหารประท้วงเพื่อเรียกร้องการ #คืนสิทธิประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไข และกระตุ้นมโนสำนึกของสังคมต่อความอยุติธรรมที่เห็นกันตำตา
.
ศาลเอย ท่านอย่าลืมว่า.. ‘ความยุติธรรมที่ล่าช้า ก็คือความอยุติธรรม’
.
#ปล่อยนักโทษการเมืองทุกคน
#ปล่อยเพื่อนเรา
#ยกเลิก112
75 วันที่ถูกคุมขัง และ
#ครบ40วันที่เพนกวินอดอาหารประท้วง
โดยใช้ร่างกายตนเองตั้งคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมไทย
.
‘สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผิด’ และ ‘ไม่คืนสิทธิ์ประกันตัว’
จะชี้แจงด้วยเหตุผลร้อยแปดประการใด ความยุติธรรมไม่มีทางเลือกอื่น.. มีแค่ ‘มี’ กับ ‘ไม่มี’ เท่านั้น!!!
.
เพนกวินและรุ้งยังคงเดินหน้าอดอาหารประท้วงเพื่อเรียกร้องการ #คืนสิทธิประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไข และกระตุ้นมโนสำนึกของสังคมต่อความอยุติธรรมที่เห็นกันตำตา
.
ศาลเอย ท่านอย่าลืมว่า.. ‘ความยุติธรรมที่ล่าช้า ก็คือความอยุติธรรม’
.
#ปล่อยนักโทษการเมืองทุกคน
#ปล่อยเพื่อนเรา
#ยกเลิก112