วันอาทิตย์, เมษายน 25, 2564

เมื่อ "เตียง" อยู่ในภาวะวิกฤต "ทางออก" อยู่ตรงไหน?




Khaosod - ข่าวสด was live.
9h ·

เมื่อ "เตียง" อยู่ในภาวะวิกฤต "ทางออก" อยู่ตรงไหน?

เมื่อ "เตียง" อยู่ในภาวะวิกฤต "ทางออก" อยู่ตรงไหน?
ร่วมพูดคุย กับ 2 บุคลากรทางการแทพย์ "นักรบเสื้อกาวน์" ในวันที่ "โควิด" เข้าขั้นวิกฤต
- ผศ.นพ.ฉัตรชัย มิ่งมาลัยรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์
- วรรณา ปดิฐพร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์
ร่วมแชร์ประสบการณ์ และ ความเห็น ทางออก จากวิกฤตนี้ไปด้วย
- ชุติมา กุมาร อดีตผู้ป่วยโควิด ระลอกที่ 3
- ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นักการเมืองอิสระ อดีตรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปัฐพี
24 เมษายน เวลา 20.00 น.
ทาง Clubhouse และ Facebook Live ทางข่าวสด
.....


......

Noppakow Kongsuwan
18h ·

สถานการณ์โควิดในรอบนี้ มันเลวร้ายอย่างแสนสาหัสสำหรับประเทศไทย ตั้งแต่มีการระบาดมาตั้งแต่ต้นปี 2563 หรือหากนับเป็นเวลา นั่นก็คือประมาณ 1 ปี 1 เดือน เป็นอย่างต่ำ ที่เราผ่านการระบาดมา ร่วมกับประชากรทั้งโลก
.
หลายประเทศผ่านการระบาดอย่างหนักมาเมื่อปีที่แล้ว ตายรายวันหลักร้อยหลักพัน ป่วยรายวันหลักหมื่นถึงหลักแสนคน ผ่านการล็อกดาวน์แบบหลายเดือนติด ผ่านการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการ เพื่อเป็นแนวทางให้ชาวโลกได้ศึกษา และนำไปปรับใช้ให้เข้ากับสภาพสังคม ของประเทศตัวเอง เพื่อลดการระบาด และทำให้เศรษฐกิจฟื้นคืนกลับมา
.
สำหรับประเทศไทย เราผ่านการ "ระบาดใหญ่" มา 3 ครั้ง ครั้งแรกจากสนามมวยทหาร ครั้งที่สองเป็นผลจากการรับส่วยขนแรงงานต่างชาติ ครั้งที่สามจากชนชั้นสูง บรรดาผู้บริหารประเทศ และข้าราชการ จากคลัสเตอร์ทองหล่อ และรอบนี้คือรอบที่หนักที่สุด เพราะเป็นเชื้อโควิด สายพันธุ์อังกฤษ ซึ่งแตกต่างจากสายพันธุ์จีน ที่ระบาดเมื่อปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด ในแง่ของอัตราการระบาดอย่างรวดเร็ว สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยอย่างใหญ่หลวง
.
ในแง่หนึ่ง "ผู้ป่วยโควิด" ไม่ใช่ผู้ที่ทำผิด คุณป่วยและรับผิดชอบสังคม ทำตามมาตรการรักษาโรคที่เป็นสากล อาการหนักรักษาอย่างไร อาการเบากักตัวเองในรูปแบบไหน ไม่จำเป็นต้องขอโทษใคร แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้ป่วยคนหนึ่ง ผมจึงไม่โทษ "ผู้ป่วยโควิด" หรือคนทั่วไป ที่ใช้ชีวิตประจำแบบมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม (ซึ่งคนไทยทำได้ดี)
.
ในแง่ของ "ผู้ปฏิบัติงาน" ซึ่งทำงานกันอย่างหนัก ทั้งแพทย์ พยาบาล อสม. เจ้าหน้าที่ตัวเล็กตัวน้อย ต่างทำงานกันอย่างหนัก รับมือวิกฤตครั้งนี้ หลายคนทำงานจนป่วยเป็นโควิดเอง งานโหลด กะควงกะ จริงอยู่ ที่เป็น "หหน้าที่รับผิดชอบ" แต่หลายคนก็อาสาเวลาส่วนตัวมาทำเพิ่มเติม หลายคนไม่มีเบี้ยเลี้ยงอะไร พวกเขาควรได้รับคำขอบคุณ
.
.
แต่สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับผมคือ "การบริหารจัดการของรัฐบาล"
.
.
ภายใต้ความหวังที่ว่า "ผ่านมา 1 ปี" รัฐบาลไทย และข้าราชการไทย จะเรียนรู้จาก "โรค" จากหลายประเทศ "ทั่วโลก" ที่มีการระบาดอย่างหนักมาก่อนหน้านี้ ว่าเขาบริหารจัดการกันอย่างไร ทำไมสุดท้ายเขาถึงได้ประสบความสำเร็จ จากประเทศที่ระบาดหนักที่สุด กลายมาเป็นประเทศที่ยอดผู้ติดเชื้อลดลง และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเกือบปกติ เริ่มเปิดให้มีการเดินทางข้ามประเทศ ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้โดยง่าย
.
แต่ในข้อเท็จจริงคือ "ไม่เลย" รัฐบาลไทย ซึ่งผ่านสถานการณ์โควิดมา 1 ปี ผ่านการระบาดมา 3 รอบ กลับทำเหมือนว่านี่คือการระบาดครั้งแรก ทำประหนึ่งโลกนี้ไม่เคยมีโควิดเกิดขึ้นมาก่อน ทุกอย่างดูวุ่นวายยิ่งกว่าประเทศโลกที่ 3 ที่ขาดโอกาสเข้าถึงวัคซีน ทั้งๆที่เรามีโอกาสหลายครั้ง ที่ได้วัคซีนเร็วกว่าเพื่อน แต่รัฐบาลก็มีความ "ตั้งใจ" ที่จะผูกขาดเพียงเจ้าเดียวถึงสองเจ้า จนกระทั่งต้องให้คนอย่าง "ทักษิณ ชินวัตร" หรือคนอย่าง "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" มาหยามหน้า "รัฐบาล และชนชั้นนำ" เรื่องการนำเข้าวัคซีน ถึงจะยอมปลดล็อกให้มีการนำเข้าวัคซีนหลายยี่ห้อ เพราะกลัวเสียหน้า ซ้ำร้ายที่เป็นปัญหาหนักกว่าเรื่องวัคซีน ก็คือ "วิกฤตเตียง" สำหรับการรักษาพยาบาล รวมถึงวิกฤต ICU มีการใช้เส้นสายในการลัดคิวขอรับการรักษา มีคนที่ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและรับผิดชอบตัวเองและสังคมจำนวนหนึ่ง ป่วยโควิด นอนรอบริการจากรัฐ บางคนเสียชีวิตคาบ้าน และทำท่าจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ "ตั้งการ์ดสูง" กว่าผู้มีอำนาจ เผลอๆอาจจะใช้ชีวิตมีความความรับผิดชอบกว่า "ผู้ได้รับอภิสิทธิ์" ในการรักษา ด้วยซ้ำไป
.
ซ้ำร้าย รัฐบาล และ ศบค. มีท่าที่ทุกครั้ง เมื่อประชาชนวิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการของรัฐบาล ก็จะโบ้ยไปว่าเป็นการด่าบุคลากรทางการแพทย์ และอาสาสมัครที่เป็นผู้ปฏิบัติงานในภาวะวิกฤต ทั้งๆที่ในข้อเท็จจริง ไม่มีใครด่าหมอ หรือคนเหล่านี้ เขาวิจารณ์ระบบอันห่วยแตก และการบริหารจัดการของรัฐที่ล้มเหลวจนวิกฤต รวมถึงยังชี้หน้าสั่งสอนประชาชนว่า "การ์ดอย่าตก" ทั้งๆที่พวกเราไม่เคยการ์ดตก แมสก์ซื้อเอง แอลกอฮอล์ก็ควักตังซื้อเอง บางทีตรวจโควิดก็จ่ายเอง วัคซีนถ้ามีก็จะซื้อฉีดเองซ้ำ เรียกได้ว่า "ยกการ์ดสูง" จนจะงัดเบ้าหน้าหล่อๆของพวกคุณได้อยู่แล้วด้วยซ้ำไป
.
.
ผมมองหลายๆประเทศ ที่เขามี "ผู้นำที่เก่ง" และ "ระบบที่ดี ซึ่งตรวจสอบ และ ตั้งคำถามได้" ที่เริ่มทยอยกู้วิกฤตโควิด และกำลังจะพลิกฟื้นกลับมาเป็นโอกาสให้คนกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง จากนั้น ก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า
เราต้องกับความมืดมน ที่มองไม่เห็นแสงสว่างนี้ไปอีกนานเท่าไหร่กัน?
อีกนานเท่าไหร่กัน...??
พระสยามเทวาธิราช ในฐานะคนนับถือเธอกันทั้งประเทศ เธอช่วยตอบคำถามนี้ของฉันหน่อยก็ได้....