วันอาทิตย์, ตุลาคม 25, 2563

พวกคิดไม่พ้นสูตรเดิม



Atukkit Sawangsuk
5h ·

มิตรสหายบางส่วนจินตภาพว่า นับแต่นี้ พวกเสื้อเหลืองอันธพาลจะไล่ทำร้ายนักเรียนนักศึกษา
ถึงที่สุด จะปลูกม็อบเสื้อเหลืองมาล้อมม็อบคณะราษฎรในธรรมศาสตร์ แล้วตำรวจทหารใช้กำลังเข้าสลาย
โอ้ คิดไม่พ้นสูตรเดิม หนึ่ง คิดว่าเขาจะใช้อำนาจใช้ความโหดร้ายอย่างไรก็ได้ไม่ต้องแยแสใคร
สอง คิดว่าม็อบคนรุ่นใหม่สมัยนี้จะต้องสู้แล้วจบแบบเดิม (นึกภาพหม้อแกงเข้าไว้)
:
ข้อแรก ถ้าเขาไม่ต้องแยแสใครป่านนี้อานนท์รุ้งเพนกวินคงติดเชื้อในกระแสโลหิต
มันมีขีดคั่นเหมือนกันเช่นต้องใช้อำนาจศาล อ้างกฎหมาย (แล้วก็ทำให้กฎหมายย่อยยับไป)
การใช้อันธพาลการเมือง ไม่ใช่ว่าพวกนี้สามารถทำตามอำเภอใจ ไม่โดนสังคมรุมด่า
สังคมไทยไม่ใช่ 44 ปีก่อน สังคมปัจจุบันเกลียดอันธพาล แบบพวกขับปาดหน้าหาเรื่อง แบบแก๊งงานบวช
ยิ่งอ้างอภิสิทธิ์ยิ่งถูกประณาม ยิ่งกร่างยิ่งทัวร์ลง
พวกนี้ใช้ได้ในการข่มขู่ แต่ลองใช้กำลังอีกสักครั้งสองครั้ง ก็จะเสียไปถึงเจ้าของหมา
:
พูดอย่างนี้ไม่ได้มองโลกแง่ดีว่าเขารู้จักยับยั้งชั่งใจ
แต่เขาก็เจอกระแสต้านจนต้องถอย
เช่นสลายม็อบ 16 ตุลาก็โดนต้าน ฉุกเฉินร้ายแรงก็ต้องเลิกเพราะหมดความหมาย
ยิ่งทำจะย่ิงโดนต้านมากขึ้นทุกที
สังคมแม้กลัวก็มีวิธีแสดงออก ไม่ใช่จะยอมให้ทำตามอำเภอใจเสียหมด
:
เช่นเดียวกับรัฐประหาร
ทำไมไม่ทำรัฐประหารเสียล่ะ เขาก็รู้เหมือนกันว่ารัฐประหารยิ่งแย่
รัฐประหารถ้านองเลือด โลกจะบอยคอตต์ เดือดร้อนตั้งแต่เจ้าของอำนาจถึงกลุ่มทุน
จึงต้องหาทางบีบกดภายใต้ระบอบประชาธิปไตยปลอม
:
ข้อสอง ในด้านม็อบคนรุ่นใหม่
มีจุดเด่นทั้งความเข้มแข็งในจุดยืน และภาพลักษณ์
ชุมนุมโดยสงบ มีความรับผิดชอบ มีวินัย แรงในเนื้อหาแต่ไม่ใช้ท่าทีก้าวร้าวคุกคาม (ผิดที่สายตา)
ขณะเดียวกันยังมีอารมณ์ขัน กวนโอ๊ย ซิกแซ็ก สร้างสรรค์
มีม็อบไหนบ้างวะ ตั้งฉายารถเข็นว่า CIA อ้าแขนรับเป็นส่วนหนึ่งของม็อบอย่างครึกครื้น
ยิ่งเป็นม็อบไม่มีแกนนำ ก็ยิ่งสร้าง Solidarity สร้าง Empathy ร่วมแรงร่วมใจกัน
นัดกันไม่ถึงชั่วโมงก็มาเป็นหมื่นๆ มีการ์ดอาสา มีเด็กตั้งแถว มีอาสาเก็บขยะ
คืนวันที่ 21 คือจุดพีค อยู่กับที่ว่ายากแล้ว นี่เดินไปถึงทำเนียบอย่างเป็นระเบียบ คนมามากขึ้นๆ
เป็นปรากฏการณ์น่าทึ่ง ไม่เคยเกิดมาก่อนในสังคมไทย
แต่พวกไดโนเสาร์เอาหนังโบราณ Children of The Corn มาอ้างว่าเด็กถูกกดปุ่ม
:
เราไม่เคยเห็นพลังคนรุ่นใหม่ที่กว้างขวางอย่างนี้มาก่อน
เพจหนังเพจเพลงล้อเก่งมากกล้ามากเต็มไปหมด
โฟกัสกลายเป็นเจียมธีรสกุลอย่างอึ้งทึ่งเซอร์ไพรส์
บัณฑิตธรรมศาสตร์ไม่รับปริญญาเกินกว่าครึ่ง (ที่เหลือส่วนหนึ่งอาจเพราะสอบติดราชการ)
เขาจะกดคนทั้งเจเนอเรชั่น ตั้งแต่อายุ 14-15 ไปถึง 3 นำหน้า ได้อย่างไร
คนรุ่นนี้รู้จักพลิกแพลง รู้จักสู้ รู้จักสับขาหลอก แสบเกินกว่าจะปราบได้
:
นี่พูดเกินบทความที่เขียนไว้ก่อน
ในบทความตั้งใจเน้นว่า คนรุ่นใหม่ที่ออกมาม็อบคืออนาคตของประเทศ
มีเจตจำนงแรงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ถ้าพลังนี้เติบโตขึ้นๆ จะเกิดการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่
ปฏิรูปการเมืองแบบไม่ถอยหลังไปอีกเลย
เพราะถ้าพูดจริงๆ ที่บางคนเรียกว่าม็อบ "ลูกสลิ่ม" ก็คือลูกคนชั้นกลางในเมือง (แม้บางคนไม่ใช่สลิ่ม)
คนชั้นกลางในเมืองสอนลูกอย่างไร
อ.อรรถจักร์เขียนไว้ ก็คือสิ่งที่ชนชั้นนำไทยพร่ำสอนจริยธรรมสังคม
"ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัวผัวเดียวเมียเดียว ความไม่คดโกง ความซื่อสัตย์สุจริต ความเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวม ความไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาสิ่งที่เป็นทรัพย์สินของส่วนรวมมาเป็นของตนเองอย่างปราศจากความละอาย ฯลฯ"
อ.กนกรัตน์ก็กล่าวไว้ว่า คนชั้นกลางที่แม้เป็นสลิ่ม ก็อยากให้ลูกรู้จักคิดวิเคราะห์ เพราะรู้ว่าโลกยุคต่อไปถ้าไม่รู้จักคิดด้วยตัวเอง ก็อยู่ไม่รอด
พอเจอลูกเป็นอย่างนี้ก็อึ้งไป แต่ยอมรับ แม้ไม่เห็นด้วยหรือกลัวลูกเป็นอันตราย
:
สิ่งที่คนรุ่นพ่อแม่พร่ำสอนลูก หรือชนชั้นนำเคยอบรมพร่ำสอนคนไทยนั่นแหละ
ย้อนมาหาตัวเอง ด้วยพฤติกรรมทุกอย่าง ทั้งตัวบุคคล ทั้งระบบ
ทั้งการปล้นชิงอำนาจไปจากประชาชน โกงอำนาจ กติโกง เอานักการเมืองเลวมาเป็นฐาน
คนรุ่นพ่อแม่กลืนน้ำลายตัวเอง อ้างเหตุต่างๆนานามายอมรับ
แต่คนรุ่นใหม่ไม่ยอมรับ เห็นถึงก้นบึ้ง
คนรุ่นพ่อแม่ที่เป็นสลิ่ม อ้างอยากได้การเมืองดี ไม่โกงกิน ปฏิรูปประเทศ
คนรุ่นใหม่ก็ต้องการอย่างนั้นไง แต่ไม่เอารัฐประหารตุลาการภิวัตน์ ไม่ยอมรับอำนาจอนุรักษ์นิยม อภิสิทธิ์ชน ระบบอุปถัมภ์ ที่อุ้มสมการเมืองเลว
ปรากฏการณ์ที่สั่นสะเทือนอย่างนี้เอง นักการเมืองเก่าทั้งหลายจึงหวาดกลัว ทั้งไอ้กุ๊ยทั้งแมลงสาบ ถ้าปล่อยให้พลังคนรุ่นใหม่เติบโต สูญพันธ์แน่

https://www.facebook.com/baitongpost/posts/3512614275487043