วันอังคาร, ตุลาคม 27, 2563

เยอรมนีกับไทยไม่ไกลเลย ตามมาตรา ๑ ของกฎหมายพื้นฐาน "หากเรามีหลักฐานว่าเขากระทำการใดที่ผิดกฎหมาย เราจะดำเนินการทันที”


เยอรมนีกับไทยไม่ไกลเลย ระดับพระราชาบินไปบินมาถึงเช้าเย็นกลับได้บ่อยๆ สำหรับ ราษฎรเดินบ้างหยุดร้องเพลงชาติบ้างตั้งแต่ห้าโมงทุ่มนึงก็ถึงแล้ว ยื่นหนังสือร้องเรียนกับมือทูต วิงวอนช่วยค้นหาความจริง และปิดชุมนุมได้ก่อนสามทุ่ม

“เวลา ๒๐.๔๐ น. หลังจากตัวแทนสามคนที่เข้าไปพูดคุยกับเอกอัครราชทูต ออกมา ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ กล่าวชี้แจงกับผู้ชุมนุมถึงสิ่งที่ตนยื่นข้อเรียกร้องประกอบด้วย...(ขอบคุณรายงาน อัพเดท จาก ประชาไทเมื่อสามทุ่ม)

ขอให้ทางเยอรมันตรวจสอบว่ามีการใช้อำนาจอธิปไตยนอกเหนือราชอาณาจักรไทยจริงหรือไม่ ๒.ได้มรดกตอนอยู่เยอรมนีนั้น ส.ส.ตั้งกระทู้ถามต้องเสียภาษีมรดกเยอรมันไหม เราอยากทราบว่า...หากต้องเสีย ต้องเสียเท่าไหร่” (ด้วยงบประมาณแผ่นดิน)

และข้อสามนี่สำคัญ “รัฐธรรมนูญเยอรมันมีมาตราหนึ่ง เรื่องห้ามละเมิดสิทธิมนุษยชน ทางการเยอรมันจะตรวจสอบการละเมิดหรือไม่ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกษัตริย์ไทยต่อประเด็นนี้” อันนี้เขาหมายถึงถ้ามี “การทรมานและกระทำให้สูญหาย แก่ผู้ต่อต้านหรือกระทั่งข้าราชบริพารใกล้ชิด”

นั่นเข้าข่ายมาตรา ๑ ของกฎหมายพื้นฐานเยอรมนีที่ระบุว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จะละเมิดมิได้” แล้วยังพัวพันกับคำร้องข้อสี่ ที่มีรายงานข่าวจากสื่อเยอรมันในท้องที่ว่า มีการตั้งฮาเร็มบนชั้นสองของโรงแรมแห่งหนึ่ง ขณะประชาชนไทยต้องเผชิญกับโควิด


ผองเพื่อนราษฎรไทยอยากรู้ว่า “ข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นความจริงหรือไม่ และลักษณะการกระทำที่กล่าวนั้น ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายเยอรมันไหม” ซึ่ง ไผ่จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หนึ่งในสามตัวแทนคณะราษฎรที่เข้าไปยื่นหนังสือเขียนโพสต์เล่า

“ท่านทูตบอกว่าจะส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือรัฐสภาที่เยอรมันดำเนินการต่อ และทิ้งท้ายว่าการพูดคุยกันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี” ไผ่ยังแจ้งแก่ทูต กิยอร์ก ชมิดท์ ด้วยว่า “ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาเป็นต้นมา มีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า ๘๐ คน

มีทั้งคนที่เป็นเยาวชน คนที่สติไม่สมประกอบ และตอนนี้มีเพื่อนเรา ๘ คนที่ยังอยู่ในเรือนจำ เพราะต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ” มีการอ้างกฎหมายความมั่นคงต่างๆ ใช้กำลังและความรุนแรง อันขัดกับมาตรา ๑ ก.ม.เยอรมัน

ไม่บังเอิญที่วันเดียวกันนี้รัฐมนตรีต่างประเทศ ไฮโก ม้าส ออกมาแถลงว่า “เราจับตามองการเคลื่อนไหวของกษัตริย์ไทยมานานแล้ว และหากเรามีหลักฐานว่าเขากระทำการใดที่ผิดกฎหมาย เราจะดำเนินการทันที” เว็บเพจ ‘Act4dem’ เปิดเผย “พวกเขาจะไม่ยอมเด็ดขาด

หากมีการแทรกแซงการบริหารราชการแผ่นดินของประเทศอื่นบนแผ่นดินเยอรมันนี” ที่ซึ่งจดหมายเปิดผนึกของ ‘Fellow Thai Citizen’ ยื่นต่อสถานทูตเอยรมนีในกรุงเทพฯ ระบุว่า “ขอดูระเบียนการเดินทางเข้าออกเยอรมนีของกษัตริย์วชิราลงกรณ์”

เพื่อประเมินว่าพระองค์ทรงราชการเกี่ยวกับประเทศไทย ขณะประทับอยู่ในขอบข่ายอธิปไตยของประเทศเยอรมนีหรือไม่ โดยเฉพาะในการ “ลงพระนามอนุมัติราชกฤษฎีกาเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และงบประมาณแผ่นดิน ๒๕๖๔ เมื่อ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๓”

ไม่บังเอิญด้วยเช่นกันที่สถานทูตเยอรมนี ถนนสาธร เมื่อเช้าวันที่ ๒๖ ตุลา มีคณะ ‘People of Thailand’ โดยทนายนกเขา นิติธร ล้ำเหลือ กับพิชิต ไชยมงคล เพื่อน กปปส. ฮ้าร์ดคอร์ ของเขา เข้ายื่นหนังสือแก่ทูตเพื่อออดอ้อนว่า


มีการ “ดึงเอาสถาบันกษัตริย์มาเป็นเครื่องมือ ในการทำลายล้างระบบสังคมแบบเดิม” โดยพาดพิงถึงการชุมนุม “เร่งเร้าให้เกิดพลังลบ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของอารมณ์และความหลงใหล” แล้วปิดท้ายด้วยโวหารแบบ “ประวัติศาสตร์ได้สอนให้โลกเห็นแล้วว่า

การนำเอาลัทธิความเชื่อที่สุดขั้ว นำความเกลียดชังและอคติมาครอบงำประชาชน เพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนตน เพื่อแย่งชิงอำนาจนั้น สามารถนำไปสู่ความสูญเสียมหาศาลต่อประเทศ” เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน นี่มันจดหมายฟ้องการกระทำของใคร จากฝ่ายไหนแน่

ใช่ที่มีแฮ้สแท็กติดยอดเทร็นด์ “กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจมาก” ใช่ไหม มิน่าพอ นกเขา กลับออกมาแถลงต่อมวลชน “๙ แสนกว่าคน/เนชั่นรายงาน” (ดังที่สมาชิกใหม่เพจ LA for Democracy in Thailand รายหนึ่งแซวไว้) มีชายสวมเสื้อเหลืองยืนอยู่ข้างๆ ชูสามนิ้วแต้

(https://act4dem.net/?p=2569qMAO4o และ https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10164564944355551)