คำร้องยุบพรรคอนาคตใหม่แม้ลายลักษณ์อักษรจะยังไปไม่ถึงศาลรัฐธรรมนูญ
ก็เป็นคดีที่ต่อสู้กันแล้วในทางสาธารณะผ่านสื่อสายหลักและโซเชียลมีเดีย
หลังจากหลายต่อหลายความเห็นชี้ว่า กกต.ยื่นฟ้องไม่ตรงกฎหมาย
นั่นคือ กกต.อ้างมาตรา ๗๒ ของ
พรป.พรรคการเมือง ว่าการที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าฯ ให้พรรคกู้ ๑๙๑
ล้านบาทเป็นทุนในการหาเสียง เป็นการบริจาคเกินกว่ากฎหมายกำหนด เป็นการฟ้องที่ไม่ถูกต้อง
เพราะเงินกู้จะเป็นเงินบริจาคได้อย่างไร
การนี้พรรคเพื่อไทย
เพื่อนร่วมสัตยาบันฝ่ายค้านออกตัวประกาศยืนเคียงข้างกับพรรค อนค.ต่อสู้ในกระบวนการศาล
ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค
และประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พท.กล่าวว่า การใช้ ม.๗๒ เป็นประเด็นที่สู้ได้
วานนี้ (๑๒ ธ.ค.) กกต.ชี้แจงเพิ่มเติม
โดยนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการให้สัมภาษณ์ว่า “เห็นว่าเรื่องการกู้เงินข้อเท็จจริงยุติแล้ว
เพราะนายธนาธรและพรรคก็ยอมรับว่ามีการกู้เงินกันจริง
จึงเหลือเพียงประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย
ว่าพรรคการเมืองสามารถกู้เงินมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้หรือไม่”
นี่พูดเหมือนยังไม่แน่ใจว่าข้อกล่าวหาเข้าข่ายกฎหมายใดหรือเปล่า
แต่ต้องการจะยุบพรรคเขา จึงส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญปรุงเอง ทางที่ควร
กกต.ต้องแนบเหตุผลและข้อกฎหมายไปด้วย
อย่างไรก็ดีขณะเขียนนี่
กกต.อยู่ในระหว่างร่างคำฟ้องสำหรับส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งรองเลขาฯ
เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถส่งได้
แม้ปฏิเสธที่จะลงรายละเอียดก็อดไม่ได้ที่จะแย้มบางอย่าง นายแสวงอ้างถึง ม.๖๒
ว่า พรป.พรรคการเมืองปี
๒๕๖๐ เขียนไว้ต่างกับฉบับปี ๒๕๕๐ ซึ่ง “กำหนดรายได้อื่นไว้
ทำให้พรรคการเมืองในขณะนั้นมีการกู้ยืมเงินจากหัวหน้าพรรค
แต่จะเป็นประเภทของเงินทดลองจ่ายไปก่อน”
นายแสวงยืนกระต่ายขาเดียวในคำให้สัมภาษณ์ว่าเงินกู้กรณีนายธนาธรเป็นเงินบริจาค
เพียงแต่ไม่แน่ใจว่า “เงินกู้ที่เกินวงเงินจะถือว่าเป็นการบริจาคเกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่”
เขายกเอาข้อกฎหมายที่ห้ามนิติบุคคลบริจาคเกิน ๑๐ ล้านบาทมาข่ม
รองเลขา กกต.ยังแก้ต่างประเด็นที่ทางพรรคอนาคตใหม่แสดงข้อต่อสู้ทางสื่อสังคมไปแล้ว
ที่ว่า กกต.ลุกลี้ลุกลน รีบสรุปความชงส่งศาลรัฐธรรมนูญจัดการเลยทันที
ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง เขาบอกนี่เป็นการใช้อำนาจตามมาตรา ๙๓
“พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เปิดช่องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอความเห็น
พร้อมรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานส่ง กกต.พิจารณาได้เลย”
มิใย ปิยบุตร แสงกนกกุล บ่นดังๆ ว่า “ถ้าหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เอาเงินมาให้พรรคเลยโดยไม่ต้องกู้ทำกันได้ไหม
ทำได้อยู่แล้ว แต่เราต้องการทำให้โปร่งใส นี่กลับตาลปัตรที่สุด...กลายเป็นว่าคนที่ยิ่งโปร่งใสยิ่งถูกตรวจสอบ
ยิ่งโปร่งใสยิ่งถูกจับผิด”
เช่นกันกับโฆษกพรรคเพื่อชาติและเพื่อไทย ที่ประจานว่าพรรคฝ่ายรัฐบาลจัดโต๊ะจีนหาเงิน
ลูกพรรครุกที่ป่า หนีหมายจับเข้าสภา รวมทั้ง แถลงนโยบายไม่แจงที่มารายได้
เหล่านั้น กกต.ไปมุดรูอยู่ไหน อีกทั้ง ปปช. ศาล รธน. จะทำไงล่ะ
ถึงกระนั้นพนันกันแล้วว่า
ศาลรัฐธรรมนูญต้องตะแบงไปจนได้ ตลก.ไทยเสียอย่าง ทางหนึ่งที่เซเล็บฝ่าย
ปชต.บางรายแนะไว้ จนทำให้ Thanapol Eawsakul
แซะว่าเป็นคำให้การ “พยานฝ่ายโจทก์ในการยุบพรรคอนาคตใหม่”
จากโพสต์ของ Pravit
Rojanaphruk ว่า “ธนาธรให้พรรคตัวเองกู้ ๑๙๑ ล้าน
ถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ผมคิดว่าเสี่ยงเป็นไปได้ เพราะมันทำให้อำนาจต่อรองของธนาธรในพรรค
เมื่อเทียบกับสมาชิกผู้อื่นก็จะมากขึ้น”
อีกคนฟันธงเลยว่า “พูดอย่างตรงไปตรงมา” Pavin
Chachavalpongpun ซัด “การที่หัวหน้าพรรคให้พรรคตัวเองกู้ยืมเงิน
มันคือผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะเงินส่วนนั้นอาจนำไปสู่การสร้างอิทธิพลของหัวหน้า”
ในพรรคก็ได้
ไม่แน่ใจว่ากฎหมายพรรคการเมืองไทยห้ามหัวหน้าทุ่มเงินให้พรรคหรือเปล่า
ศาลรัฐธรรมนูญคงต้องเอาข้อเสนอของทั้งสองท่านข้างต้นไปพิจารณาแน่ๆ
ถ้าจะเทียบเลียบค่ายกับการลงสมัครแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
ผู้สมัครสามารถนำเงินของตนมาใช้ในการหาเสียงได้ ทอม สเตเยอร์ ไมเคิล บลูมเบิร์ก
และดอแนลด์ ทรั้มพ์ ทำทั้งนั้น