วันอาทิตย์, พฤษภาคม 05, 2562

จากราชาภิเษก "ระทึก-ระทม-ระทวย" สู่ "ต้องคอยระแวง" แย่งตั้งรัฐบาล

ขนาดว่าช่วงราชพิธีราชาภิเษกนี่มีทั้งระทึก ระทม และระทวย แล้วนะ Atukkit Sawangsuk ยังบอกว่า “ต้องคอยระแวง” เพราะ “กกต. คสช. เองนั่นแหละ ทำให้ประชาชนสงบจิตสงบใจไม่ได้...

(หมายเหตุภาพ :‘ระทึก จาก MThaiNews, ‘ระทม’ จาก Bild และ ระทวย’ จาก Facebook)

คอยจับตาว่าวันที่ ๗ จะประกาศผลอย่างไร วันที่ ๘ ศาล รธน.จะรับรองสูตรพรรคเล็กไหม วันที่ ๑๑ ใครจะเป็น ส.ว.บ้าง”

“กกต.ประชุมนัดพิเศษวันอาทิตย์ (๕ พ.ค.) ๑๐.๐๐ น. จับตาการให้ใบส้ม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก่อนจะประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ๗-๘ พ.ค.นี้” thapanee eadsrichai @thapanee3miti รายงาน

เรื่องคะแนนพรรคธนาธรนี่เป็นดราม่ามาก จากที่คะแนนนครปฐมเขต ๑ แกว่งกลับไปกลับมาแล้วลงเอยอนาคตใหม่ชวดไป ๔ คะแนน กกต.จะยันอย่างไรก็มีกังขา สาวิกา​ ลิมปะสุวัณณะ @fwpnpt ตั้งปุจฉา “ยังคงสงสัยว่าใครคือผู้ชนะ
 
และการเลือกตั้งครั้งนี้ยุติธรรมแล้วจริงหรือ” เธอมีตารางให้ดูว่าในวันนับคะแนนใหม่ ๒๘ เมษา มีบัตรเพิ่ม ๑๕ ใบ (เฉพาะหน่วย ๕ เพิ่ม ๒๕ ใบ) แล้วลงเอยว่าบัตรดีหายไป ๑๔๒ แต่บัตรเสียเพิ่ม ๑๖๑ ตัวเลขเต้นได้ วิ่งสวนกันไปมาสับสน

ครั้นหลังจากที่ธนาธรเข้าพบกรรมการไต่สวนของ กกต. เรื่องมีหุ้นสื่อ ๔ ชั่วโมงแล้ว กกต.ยังไม่สามารถตอบได้ว่าเขาผิดข้อไหน หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จึงโพสต์ข้อมูลพรรคอื่นๆ ที่มีหุ้นสื่อ แต่ กกต.ไม่ติดใจอะไร ซึ่งรวมถึงกรณี ณัฐพล ทีปสุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ

ทยา กปปส. ตัวเอ้ ภรรยาคนเก่งของณัฐพล ก็ออกมาแซะว่าอนาคตใหม่พาล ท้าว่าแน่จริงก็ฟ้องสิ เพราะบริษัทที่ณัฐพลถือหุ้นนั้นแม้จะระบุวัตถุประสงค์ ๑ ใน ๑๙ ข้อว่า “ดำเนินกิจการสิ่งพิมพ์ ทำหนังสือพิมพ์ แต่ไม่ได้ทำจริง”

การนี้ ถือแถน ประสพโชค นักกิจกรรมอดีตเจ้าหน้าที่ภาคสนามของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ฉวยโอกาสตอบว่าข้ออ้างของทยาก็แบบเดียวกับข้อต่อสู้ของผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จังหวัดสกลนคร ที่ถูก กกต.ตัดสิทธิไปแล้ว

ข้ออ้างดังกล่าวก็คือ “บริษัทที่เขาถือหุ้นและเป็นเจ้าของอยู่นั้น เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ส่วนที่มีวัตถุประสงค์ระบุว่าดำเนินกิจการสื่อนั้น ก็เป็นเพียงวัตถุประสงค์ที่จดตามแบบไว้เฉยๆ ไม่ได้ทำจริง” ซึ่งศาลแย้งว่าฟังไม่ขึ้น

ถือแถนชี้ว่า “ตอนนี้นายเรืองไกร (ลีกิจวัฒนะ) ได้ร้องต่อ กกต.แล้วในกรณีของนายณัฐพล ทีปสุวรรณ จึงไม่จำเป็นที่นายธนาธรจะไปฟ้องร้องตามคำท้า แต่สิ่งที่สังคมกำลังจับตาดูก็คือ เหตุเหมือนกัน ทำเหมือนกัน และยกข้ออ้างต่อสู้เหมือนกันทุกอย่าง กกต.และศาลจะใช้มาตรฐานเดียวกันหรือเปล่า”

เท่านั้นไม่พอ แล้วยังการแต่งตั้ง สว. ที่อ้างว่า สรรหา๑๙๔ คน แต่แท้จริงก็ คสช.ตั้งเองกับมือทั้งดุ้นตามโควต้าแม่น้ำ ๕ สาย แม้แต่ที่ว่ามาจากการเลือกตั้งกันในหมู่สาขาอาชีพ ๕๐ คน คสช.เป็นผู้ตัดสินขั้นสุดท้ายว่าจะเอาใครบ้างจากรายชื่อ ๒๐๐ คน

สำหรับการประกาศรายชื่อ สว.ในวันที่ ๑๑ พฤษภาคมนั้น วันนี้ก็รู้ๆ กันแล้วว่าตัวเอ้ๆ มีใครบ้าง โดยเฉพาะรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันอย่างน้อยๆ ๖ คน อันทำให้เห็นแน่นอนว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้ไปเป็นต่อในรัฐบาลหน้า ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชากลับไปเป็นนายกรัฐมนตรี

แต่ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในผู้มีอิทธิฤทธิ์ ๒๕๐ คน ในระยะเวลานาน ๕ ปี สำหรับภาระพิเศษ “ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา” นอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ “ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ” ตามยุทธศาสตร์ คสช.

ข้อสำคัญ สว.ชุดนี้จะเป็นตัวถ่วงความเจริญของ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งได้อย่างสัมฤทธิ์ผล เพราะ “มีสิทธิยื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภาขอปลดล็อกยกเว้นการเลือกนายกฯ จากในบัญชีที่พรรคการเมืองนำเสนอ ซึ่งเป็นการเปิดทางไปสู่การมี นายกฯ คนนอก”

 
ปัญหามีเพียงว่า นายกฯ คนนอกที่วุฒิสภาจะเสนอนี้จะเป็นใครหากไม่ใช่ประยุทธ์ แม้นว่ามีเสียงลือแซดอาจมีคนนอกพระราชทาน นั่นคือองคมนตรีที่ชื่อ ดร.กบ หรือ อำพน กิตติอำพน อดีตเลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ที่ผ่านงานในทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว ๓ นายกรัฐมนตรี

อย่างไรก็ดี โดยรูปการณ์ขณะนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พรรคฝ่ายสัตยาบันไม่เอาสืบทอดอำนาจอาจจะถูกสอย และ/หรือถูกแขวน จนไม่สามารถยื่นตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคฝ่าย คสช.ได้ ทำให้ฟันธงได้แน่นอนว่า ตู่ จะกลับมา

ซึ่งน่าจะดีกว่า สำหรับพรรคการเมืองที่ประกาศไม่เอาเผด็จการ คสช. หรือที่เรียกกันว่าฝ่ายประชาธิปไตย จะได้ปักหลักฟัดกับรัฐบาลประยุทธ์ชุบตัวได้เต็มๆ หมัด ในเมื่อรู้ๆ กันหมดเปลือกแล้วว่า ไอทู้บ ๔.๐ บ่มิไก๊ ไม่มีอะไรบ้าง