วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 09, 2562

ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. พลังประชารัฐ เตะหมูเข้าปากกันเป็นทอดๆ จะตั้งรัฐบาล ๒๕๖ เสียงแน่ะ


เห็นฤทธิ์ กกต.ไหมล่ะ ในที่สุดก็ใช้ลมใต้ปีกศาลรัฐธรรมนูญประกาศจำนวนที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบให้ท้ายพรรคพลัง คสช.เอาไปอ้างตีขลุมจะจัดตั้งรัฐบาล ๒๕๖ เสียงเลยเชียวละ

หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (๒๕๖๑) “มาตรา ๑๒๘ ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๑” กกต.ก็จัดการประกาศรายชื่อพาร์ตี้ลิสต์ ๑๔๙ คนตามที่ต้องการ

โดยใช้ทฤษฎี ส.ส.เอื้ออาทรจัดให้ ๑๑ พรรคจิ๊บจ้อยได้ ส.ส.กันไปรายละ ๑ คน จนทำให้คำอ้างของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่ารวมเสียง ส.ส.ได้ ๒๕๖ แล้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาล สมจริงขึ้นมาทันที โดยที่เหมารวมพรรครอส้มหล่น เช่น ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา และชาติพัฒนาเข้าไปเลย

ดูจากตัวเลขจำนวนที่นั่งรวม ส.ส.สองชนิดตามที่ Phumtham Wechayachai @phumtham รวมไว้ “ฝ่าย ปชต. ๒๔๕ ที่นั่ง (มี พท./อนค./สรท./ปชช./ศกม./พช./พลท.) ฝ่ายหนุนสืบทอดอำนาจ ๑๓๘ ที่นั่ง (มี พปชร./รปช./ปชร. บวกกับกลุ่มพรรคเล็ก)

บวกกับส่วนที่เลขาฯ เพื่อไทยเรียกว่าฝ่ายนิ่ง ซึ่งมี ปชป. ๕๒ ที่นั่ง ภท. ๕๑ ที่นั่ง ชทพ. ๑๐ ที่นั่ง และ ชพน. ๓ ที่นั่ง รวม ๑๑๖ ที่นั่งแล้วได้ ๒๕๔ ก็เฉือนฝ่ายประชาธิปไตยไปได้อย่างฉิวลิ่วละล่องแล้ว (แม้จะยังงงว่าอีกสองที่นั่งที่ อุตตม สาวนายน อ้างมาจากไหน)

 
ถึงจะมีปาฏิหาริย์อันใดให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้เพิ่มมาอีกสองเสียง เนื่องจากรอ กกต.ใช้สูตรวิเศษคำนวณรอบสุดท้ายเพื่อให้จำนวน ส.ส.ครบ ๕๐๐ คน ซึ่งขณะนี้มีแค่ ๔๙๘ (แบ่งเขต ๓๔๙ บัญชีรายชื่อ ๑๔๙) ก็ตาม ย่อมไม่มีความหมาย

(ลงลึกรายละเอียดกันได้จากสองข่าวนี้ http://www.thairath.co.th/news/politic/1563801 และ https://www.voicetv.co.th/read/NGxqDh-U)

ประเด็นสำคัญยังอยู่ที่ฝ่ายประชาธิปไตยกำลังถูกปล้นกลางวันแสกๆ ในเมื่อบรรดาพรรคจ้อย ๑๑ ราย ส่วนใหญ่คะแนนดิบได้เพียง ๓ หมื่นกว่าๆ ไม่ได้เกณฑ์คะแนน สส.พึงมี ๗ หมื่น ๑ พัน ดูเหมือนจะมีพรรคเดียวที่ได้เฉียดฉิว ๖ หมื่น ๙ พันคะแนนก็คือ พลังปวงชนไทย

เห็นด้วยกับข้อวิจารณ์ของ Atukkit Sawangsuk ต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ กกต.เอาไปเหมาแจกที่นั่งพรรคสอบตกเป็นคำวินิจฉัยที่ปราศจากการให้เหตุผล ไม่มีคำอธิบายแม้แต่น้อย ไม่อธิบายว่าการที่พรรคได้ ส.ส.เศษคนกลายเป็นหนึ่งคน มันไม่ขัดรัฐธรรมนูญอย่างไร

ในเมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ห้ามได้ ส.ส.เกินจำนวนพึงมี” ดังที่พรรคเพื่อไทยแถลงแย้ง ยกบทบัญญัติมาตรา ๙๑ มาแจงให้เห็นว่า “ในการจัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดมี ส.ส.เกินจำนวนที่จะพึงมีได้”
 
ข้อกล่าวหาที่ว่า กกต.ดำเนินการไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและ พรป.เลือกตั้ง เข้าข่ายเป็นการ จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อ รธน. สมควรยิ่งที่พรรคเพื่อไทย “จะใช้ช่องทางดำเนินการตามกฎหมายต่อ กกต.” ที่จะทำได้ต่อไป

แล้วยังการตั้ง สว. ๒๕๐ คนที่จะมีการประกาศรายชื่อภายในสองสามวันนี้ แต่ปรากฏว่ามีข่าวปล่อยออกมาเพื่อให้พวกที่ตั้งตารอไม่ผิดหวังในภายหลัง กลายเป็นความวุ่นวายในหมู่สมุน คสช.กันเองเสียอีก “แย่งเก้าอี้กันฝุ่นตลบ”

เมื่อวันที่ ๗ พ.ค.มีการประชุมลับวิป สนช. ข่าวว่าผู้สมัครของ พปชร.ที่สอบตกก็อยากไปเป็น สว.ต่อเหมือนกัน ขณะที่สมาชิก สนช.พากันลาออกเตรียมรอรับประกาศรายชื่อ ๑๙๔ คนตอนนี้เพิ่มเป็น ๗๐ คนแล้ว

บวกโควต้า สปท.และ สปช.อีกราว ๒๐ คน กับที่เลือกกันเอง ๒๐๐ ไปให้หัวหน้า คสช.หยิบเหลือ ๕๐ คน นอกนั้นจะเป็น “สัดส่วนสำหรับคนหน้าใหม่ ซึ่งเป็นข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือน ที่กำลังจะเกษียณอายุอีกจำนวนหนึ่ง”

นัยว่ากลุ่มหลังสุดนี่ “ความจำเป็นต้อง ได้รับแต่งตั้งเป็น ส.ว. เพื่อเป็นการเกลี่ยตำแหน่งให้ลงตัว รอฤดูกาล แต่งตั้งโยกย้าย ช่วงปลายปีด้วย” เช่นเดียวกับพวกรัฐมนตรีในรัฐบาล ตู่ ชุดนี้เตรียมตัวไปรับตำแหน่งต่อกันอีกเกือบ ๒๐ คน

รวมความว่าตำแหน่งการเมืองฝ่ายนิติบัญญัตินี่เป็นสมบัติผลัดกันชมไว้แจกพวกลูกน้อง สมุน และลิ่วล้อ คสช.กันปรีดา เพราะว่า คสช. เตรียมการไว้เนิ่นๆ ตั้งแต่ให้ มีชัยเขียน รธน. โน่นแล้ว

“บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ได้ระบุไว้ว่า แก่ผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา” ที่โวยๆ กันว่ารัฐมนตรีเพิ่งลาออกมาเป็น สว.ได้ไง ในเมื่อมีข้อห้ามรัฐมนตรีไปเป็น สว.เว้นแต่จะพ้นตำแหน่งมาแล้ว ๕ ปีนั้น ใช้ไม่ได้กับการแต่งตั้งครั้งนี้

มีบทเฉพาะกาลสอดไส้ไว้ในมาตรา ๒๖๙ () ว่า “ในสภาวาระแรกที่จะถึงนี้ มิให้นำความในมาตรา ๑๐๘ ข. ลักษณะต้องห้าม (๖) ในส่วนที่เกี่ยวกับการเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาบังคับใช้”


พูดไปทำไรมี ที่จริงเขาปล้นมาตั้งแต่ตอนยึดอำนาจนั่นละ เพียงแต่ว่าประชาชนเสียรู้ (หรือไม่ก็เสียท่า) ที่โหวตผ่านรัฐธรรมนูญฉบับ ยัดไส้ ให้ด้วย ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สิ้นหวัง อย่างที่ ธนาพล บก.ฟ้าเดียวกันว่า

ตราบเท่าที่ช่วยกันฟ้อง ประจาน และคัดค้าน เป็นก้างติดคอพวกเผด็จการเจ้าเล่ห์ เหี้ย ม (เกรียม) และตอแหล ให้มันต้องขยอกออกมาได้บ้างก็ยังดี