วันเสาร์, มีนาคม 09, 2562

ขนาดเตะตัดไปแล้วหนึ่ง ก็ยังจะเอาชนะไม่ได้เสียอีก แฉ พปชร.ต่ำร้อย ประยุทธ์ต้องลงพื้นที่พบประชาชนด่วน


ขนาดรายชื่อ สว.ที่จะส่งให้ตู่หยิบ ๑๙๔ คน พี่ป้อมจัดการเด๊ะ ทหารพรึ่บ’* แถมเตะตัดพรรคแตกแบ๊งค์พันไปได้แล้วหนึ่ง นี่ก็ยังจะเอาชนะไม่ได้เสียอีก โพลลับแฉว่าถึงอย่างไรก็ต่ำร้อย เลยต้องให้เฮียตู้ช่วยลงพื้นที่อีกหน่อย

ข่าวเปิดวานนี้ (๘ มีนา) แจ้งว่าการพักฟื้นลูกตาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่าจะหายดีแล้วจึงได้มีกำหนดการลงพื้นที่ พบปะประชาชนเพียบ เริ่ม ๑๓ มีนา สวิงประตูอีสานสองเมืองใหญ่ โคราช ขอนแก่น พอ ๑๖ มีนาขึ้นเหนือ เชียงราย ๒๐ มีนาลงใต้เมืองคอน

ไปทำงานทั้งนั้น เช่น “ติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟรางคู่” จังหวัดนครราชสีมา โถบ้านเกิดเค้าไปไม่บ่อยแต่ให้ความสำคัญกว่า ต้องให้ประชาชนได้พบตัวจริงฟังเสียงจริงสองจุด ที่อนุสาวรีย์ย่าโมและที่สนามกีฬากองทัพภาค ๒

วันเดียวกันสวิงไปขอนแก่น ก็ตรวจงานรางคู่อีกแหละ จะให้ประชาชนได้เจอสองจุดเหมือนกัน ที่สถานีรถไฟกับหน้าที่ว่าการอำเภอทับกวาง (บ้านนี้สำคัญ เพราะ คสช.เพิ่งประเคนสัมปทานขุดแร่ในป่าสงวนให้แก่ปูนซีเมนต์ไทย)

ทั้งโคราชและขอนแก่นก็บังเอิ๊นบังเอิญ พรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอชื่อตู่เป็นนายกฯ ผิดกฎหมายแต่ไม่ผิดอุดมการณ์ทหารเป็นเจ้าของประเทศ (อันนี้ใช้อุปมาอุปมัยจากที่พี่ใหญ่ คสช.บอกว่า ผบ.ทบ.เป็นเจ้าของกองทัพบกน่ะ) จัดปราศรัยใกล้เคียงกันพอดี

จากเหตุที่สี่รัฐมนตรี (ที่เพิ่งลาออก) แกนนำ พปชร. ก่อนหน้านี้คิดสาระตะแล้วต้องยกเลิกแผนให้ลุงตูบออกปราศรัยบนเวทีของพรรคช่วยหาเสียง “เพราะเกรงจะสุ่มเสี่ยงเรื่องกฏหมาย และกติกาเลือกตั้ง” เหล่าแกนนำก็เลยพากันเหงาๆ แต่เดือนนี้ไม่แล้ว ตั้งเวทีที่ขอนแก่น ๙ มีนา โคราช ๑๐ มีนา พอ ๑๓ มีนา ตู่ก็มาทั้งสองแห่ง

โน่นเหมือนกัน เชียงราย พลังประชารัฐเปิดปราศรัย ๑๑ มีนา รออีก ๕ วัน ตู่ตามไป ส่วนทางใต้ นครศรีธรรมราชใช้โมเดลเดียวกัน พปชร. เปิดปราศรัย ๑๒ มีนาเป็นน้ำจิ้มไว้ก่อน พอถึง ๒๐ มีนาตัวใหญ่มาเองลุยฮังเล


ทำไมเปลี่ยนใจง่าย ตู่หายเร็วเชียว มันมีเหตุ ข่าวว่ามีเรื่องลับยุทธศาสตร์พรรค คสช. มีการประชุมแบบอีแอบของ ทีมรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กับประธานยุทธศาสตร์และประธานหาเสียง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน

แหล่งข่าวพลายกระซิบหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจแย้มว่า มี “แกนนำทีมที่บริหารทุนในการเลือกตั้งร่วมหารือด้วย” ไม่ใช่เรื่องไรอื่นนอกไปจากตรวจสต็อคคะแนนเสียงหลังจากที่ตัดขาระบอบทักษิณไปได้แล้วหนึ่งนั่นละ

ผลปรากฏว่าพวก ส.ส.เกรดเอที่ดูดๆ มา ชัวร์ได้เข้าสภาห้าร้อยแค่ ๔๒ คน ไม่ชัวร์อีก ๒๐-๓๐ คน ตัวเลขรวมที่คาดว่าจะใช้ไปบวกต้นทุน ๒๕๐ เสียงในวุฒิสภา ตกอยู่ที่ ๗๐ คนเป็นอย่างเก่ง แบบนี้ก็ตายละซี เลยต้องมีการ “อัดฉีดในช่วงโค้งสุดท้ายทุกรูปแบบ”

ทีมวางแผนจัดแจงรื้อโปรแกรมใหม่หมด “จัดให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรคพลังประชารัฐ ร่วมหาเสียงด้วยการลงพื้นที่ตรวจราชการ เก็บคะแนนในช่วงโค้งสุดท้ายในหัวเมืองทั้ง ๔ ภาคทั่วประเทศด้วย”

ข่าวประชาชาติว่างั้น ซ้ำยังแอบไปได้ยินวงประชุมลับ “วงเล็ก วอร์รูมพรรคเพื่อไทย” เสียอีกว่าที่นั่นเขาทำโพลกันอยู่ประจำ ตัวเลขล่าสุดที่ พท.คาดว่าจะได้ ส.ส. ก็เฉียด ๒๐๐ ไม่หนี พร้อมกันนั้น “มีการประเมินเสียงของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ด้วย”

หลังจากเสียท่าพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบไปแล้ว มีพื้นที่ซึ่งไม่มีทั้งผู้สมัคร ทษช. และเพื่อไทยอยู่ ๑๐๐ เขต เชื่อว่าจะมีการเทคะแนนไปให้แก่พรรคอนาคตใหม่ ทำให้ อนค. จะได้คะแนน ตกน้ำ ราวๆ ๓๐ ที่นั่ง ส.ส.


เป็นรูปการณ์อันน่าพิศมัยไม่น้อยเลยเชียว หากพรรคฝ่ายไม่เอาคณะรัฐประหาร คสช. ทั้งหลายมัดหวายรวมกัน อย่างน้อยๆ ผนึกกำลังเป็นฝ่ายค้านที่แข็งแกร่งในปฐพีอย่างสบาย ต่อให้ประชาธิปัตย์เป็นอย่างเดิมหันไปกินส้มหล่น คสช. ก็ไม่ยั่น

*(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คัดรายชื่อผู้ที่จะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกเหลือ ๑๙๔ คน เสร็จเรียบร้อยแล้ว เต็มพรึ่บไปด้วยนายทหารเก่า ทั้ง น้องรักของรองหัวหน้า คสช.เอง เพื่อนของน้อง เพื่อนร่วมรุ่น และเด็กของนายเกลื่อน

ดูชื่อสักสี่ห้ารายเป็นกระสาย มี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ พล.อ.อ.ไพศาล สีตบุตร อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพอากาศ พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย พล.อ.อู้ด เบื้องบน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์

อดีตรองผบ.ทบ. ก็มี พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร และพล.อ.วลิต โรจนภักดี ส่วนที่เป็นรุ่นของประยุทธ์ มี พล.อ.อักษรา เกิดผล พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คู่เขยพล.อ.ประยุทธ์ ด้านสมาชิก สนช. เช่น พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป และพล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์

ยังมีกลุ่มสนิท พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เช่น พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ และพล.ร.อ.วัลลภ เกิดผล พร้อมนายทหารที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ ได้แก่ พล.อ.วีรชัย อินทุโศภน รองผบ.ทสส. พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้ช่วยผบ.ทบ.

หรือยังปฏิบัติหน้าที่อยู่เช่น พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ “ทั้งหมดไม่จำเป็นต้องลาออกจากราชการ จนกว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง...คาดว่าจะสอดคล้องกับห้วงเวลา” พอดี)