เขียนไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้วจากการสอบข้อเท็จจริงจำเลยคดีการเมืองที่บอกว่าถูกทหารซ้อมทรมานให้รับสารภาพในค่ายทหารตามกฎอัยการศึก
—————————————
กระจ่างแจ้งแจ่มจ้าทั้งตา-ใจ
มีทหารไว้ทำไม ? อย่างใครถาม
กำแพงมืดสีหม่นไร้คนตาม
ยังคงความอาถรรพ์ในฝันร้าย
เสียงที่ไม่มีเสียงอยู่เพียงสัตว์
ร้องเรียนรัฐเงียบเงียบก็เงียบหาย
ภาพละครก่อนตื่นในคืนตาย
ก็ระบายให้เห็นเป็นเงาเงา
กระดาษอันบอบบางวางบนมือ
ถ้อยคำที่ซื่อซื่อก็แสนเศร้า
ตุลาการรับฟังเพียงชั่งเอา
ว่าเป็นเรื่องบอกเล่าก็เท่านั้น
“ ในห้องมืดยืดยาวกาลเวลา
แม้นมีตาก็ไร้ตามองหาฝัน
เป็นกับตายอยู่ใกล้ไม่ต่างกัน
ราตรีช่างเงียบงันสั่นสะท้าน
มัดมือตีนเตะตบตะปบเหยื่อ
ให้ถอดเสื้อเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน
เอาผ้าคลุมคร่อมหัวดั่งวัวงาน
แล้วราดน้ำให้อาการขาดหายใจ
กระทืบซ้ำย้ำถามตามคำบอก
สารภาพให้ออกว่าเอ็งใช่
หากดื้อดึงหัวหมอก็ช็อตไฟ
กระชากรางปืนไปให้ได้กลัว ”
ไม่เคยพบเคยพาลปานฉะนี้
หรือจะมีคนไม่พูดไปทั่ว
สารภาพทุกอันอย่างพันพัว
พอรู้ตัวก็เข่าอ่อนนอนเรือนจำ
กระบวนการอัปยศนามกฎหมาย
มืดจริงหนอเจ้านายในคืนค่ำ
นิติรัฐเมืองไทยไม่เป็นธรรม
นิติอำมะหิตสถิตแทน
ที่หัวหน้าก็เชิดหน้าเป็นผู้นำ
ที่ปากบอนก็ระยำยามขึ้นแท่น
ที่จับขังก็คุกคามอย่างงามแดน
ประชาชนแค่นแค้นทั้งแผ่นดิน
เผด็จการผ่านฟ้ามาสู่เมือง
ชุบขี้เหลืองเรืองรองเป็นทองสิ้น
กฏหมายกลายเป็นกฏหมาอันราคิน
เสียงปืนยินยึดถือเป็นขื่อแป
มือเปื้อนเลือดอุ้มลูกก็เปื้อนเลือด
มีดที่เชือดรอยช้ำจะย้ำแผล
ไม่อาจล้างให้เลือนเหมือนผ้าแพร
คงมีแต่เปื่อยเน่าก็เท่านั้น
กระจ่างแจ้งแจ่มจ้าทั้งตา-ใจ
มีทหารไว้ทำไมในอกฉัน
ประวัติศาสตร์ขาดช่วงดั่งห่วงกัน
ย่อมถึงวันไล่เฉดเผด็จการ
ขออภัยทหารดีหากมีอยู่
ที่หาญสู้ถวายหัวเป็นรั้วบ้าน
แต่หากมีแล้วชั่วช้าอย่างสามานย์
มีทหารเช่นนี้อย่ามีเลย
๑๓ มีนาคม ๒๕๕๙
ที่มา FB
อานนท์ นำภา