วันพุธ, ธันวาคม 19, 2561

"ทำไมไม่อิมพี้ชทรั้มพ์" รีพับลิกันตอบ "ผมไม่แคร์"


เมื่อต้นเดือนธันวาคม อดีตสมาชิกสภาล่างสหรัฐ (เฮ้าส์) จอห์น ดี ดิงเกลล์ ซึ่งเคยเป็นผู้แทนจากรัฐมิชิแกนนานกว่า ๕๙ ปี เขียนบทความตีพิมพ์ในวารสาร ดิ แอ๊ตแลนติค เสนอข้อคิดเห็นให้ทำการปรับเปลี่ยนกระบวนการและสถาบันทางการเมืองอเมริกันสองสามอย่าง

เขาอ้างถึงรายงานการวิจัยเรื่องการเลือกตั้งอเมริกันล่าสุดที่เพิ่งแถลงในเดือนนี้ โดยศูนย์วิจัยพิว ว่าประชาชนอเมริกันให้ความเชื่อมั่นรัฐบาลกลางว่าจะทำอะไรถูกต้องเสมอไป เพียง ๑๘ เปอร์เซ็นต์ การวิจัยทำนองเดียวกันโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ.๑๙๕๘ มีเปอร์เซ็นต์สูงถึง ๗๓

เหตุที่เป็นเช่นนั้น ส.ส.ดิงเกลล์ ชี้ว่ามีหลายปัจจัย แต่ร้ายที่สุดคือความคิดแบบ ทรั้มพ์อะไรๆ ก็ไม่ดีไปเสียทั้งนั้น สื่อมวลชนเป็นศัตรูของประชาชน เอฟบีไอตั้งหน้าแต่จะล่าแม่มด ทั้งๆ ที่ “พวกมองเห็นแต่ทฤษฎีสมคบคิดในรัฐพันลึก เป็นเพียงเสียงข้างน้อยของส่วนน้อย”

นั่นเองทำให้เขาเสนอให้ทำการปฏิรูประบบการเมืองอเมริกันสองสามอย่าง ได้แก่ ให้คนที่อายุครบ ๑๘ ปี ลงทะเบียนเลือกตั้งโดยอัตโนมัติ ยุติการทุ่มเงินหาเสียงโดยรัฐเป็นผู้จัดงบประมาณให้ และที่น่าสนใจมากคือการยกเลิกสภาสูง (ซีเนต)

เหตุผลของดิงเกลล์บอกว่า เมื่อตอนคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญใช้วิธีประณีประณอม กำหนดให้แต่ละมลรัฐมีตัวแทนในวุฒิสภาแห่งละสองคนเท่ากันนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐใหญ่ๆ อย่างแมสซาชูเส็ท ข่มเหงรัฐเล็กๆ เช่นโร้ดไอส์แลนด์ แต่ขณะนั้นมีมลรัฐแค่ ๑๔ แห่ง

เดี๋ยวนี้มี ๕๑ รัฐ พลเมือง ๓๒๕ ล้าน รัฐที่มีประชากรมากที่สุด ๔๐ ล้านคนอย่างแคลิฟอร์เนีย มากกว่ารัฐเล็กๆ ๒๐ แห่งรวมกันเสียอีก แต่แคลิฟอร์เนียมีวุฒิสมาชิกเพียงสองคนในสภาสูง เทียบกับของรัฐเล็กๆ รวมกัน ๔๐ คน

เป็นความผิดพลาดเช่นเดียวกับระบบ อิเล็คทอรอล คอลเลจ ที่มีช่องโหว่ของความไม่เป็นธรรม ก่อให้เกิดการได้เปรียบของเสียงส่วนน้อย จึงได้เห็นคนที่ได้คะแนนเลือกตั้งน้อยกว่าได้เป็นประธานาธิบดีถึงสองครั้งในรอบ ๑๘ ปีมานี้


การเลือกตั้งสองครั้งที่อ้างนั่นคือ อัล กอร์ คะแนนมากกว่าแต่ชวดตำแหน่งประธานาธิบดีในปี ๒๐๐๔ ด้วยคำตัดสินของศาลสูงสุดสหรัฐที่มีเสียงฝ่ายอนุรักษ์นิยมมากกว่า และมาในสมัยที่ดอแนลด์ ทรั้มพ์ ชนะฮิลลารี่ คลินตัน ในปี ๒๐๑๖ เพราะรัฐเล็กๆ เพียงสามสี่รัฐ และ “ความช่วยเหลือจากรัสเซีย”

เรื่อง รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐ เป็นข้อโต้เถียงของประธานาธิบดีทรั้มพ์อย่างหัวชนฝามาตลอด ๒ ปี ไม่มี้ไม่มี collusion สมคบคิดกัน ขณะที่การสอบสวนของอัยการพิเศษ รอเบิร์ต เอส มุลเลอร์ ที่สาม ก็ใกล้ตัวทรั้มพ์เข้าไปทุกที

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ไมเคิล โคเฮ็น อดีตทนายส่วนตัวของทรั้มพ์ถูกตัดสินจำคุก ๓ ปี ฐานละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับวงเงินในการหาเสียงเลือกตั้ง เลี่ยงภาษี และโกหกต่อสภาคองเกรส คำตัดสินเป็นของผู้พิพากษาศาลเขตแมนแฮ้ทตัน ที่อัยการพิเศษโอนคดีไปให้

ส่วนหนึ่งของความผิดมาจากการจ่ายเงินเป็นค่าปิดปากสตรีสองรายที่กล่าวหาทรั้มพ์มีสัมพันธ์ชู้สาวกับตน คนหนึ่งเป็นดาราหนังเอ็กซ์ อีกคนเป็นเทพีเพลย์บอย ที่โคเฮ็นจะอ้างว่าทำไปเพื่อปกป้องนาย ไม่ให้เกิดเรื่องอื้อฉาวระหว่างการรณรงค์เลือกตั้งประธานาธิบดี


แต่คดีของโคเฮ็นเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ข้อหาที่อยู่ในระหว่างเข้าด้ายเข้าเข็มว่าทรั้มพ์รู้เห็นกับการแทรกแซงเลือกตั้งโดยรัสเซียให้เป็นประโยชน์แก่ตนหรือไม่ ทางหนึ่งผ่านทางการบริจาคเงินทุนหาเสียงแก่ทรั้มพ์โดยสมาคมปืนยาวแห่งชาติ (NRA)
 
หญิงสาวชาวรัสเซียที่เป็นนักกิจกรรมสนับสนุนสมาคมปืนสหรัฐ เพิ่งยอมสารภาพต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐว่าทำการแทรกแซงทางการเมืองในหมู่สมาชิกพรรครีพับลิกัน เพื่อสร้างสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างรัฐบาลรัสเซียกับอเมริกัน

มีหลักฐานลายลักษณ์อักษรว่าเงินหาเสียงของทรั้มพ์ส่วนหนึ่งที่ เอ็นอาร์เอ บริจาคให้ ต้นทางมาจากรัสเซีย ดู https://www.motherjones.com/politics/2018/12/nra-trump-2016-campaign-coordination-political-advertising/

ในส่วนของการสอบสวนโดยทีมมุลเลอร์ว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งปี ๒๐๑๖ มากเพียงใด งานวิจัยของมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตทพบว่า ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งปี ๒๐๑๖ ‘Fake News’ ข่าวเทียมให้ร้ายต่อฮิลลารี่ เช่น เธออนุมัติขายอาวุธแก่ไอซิส หรือสันตปาปาฟรานซิสทรงสนับสนุนดอแนลด์ ทรั้มพ์

เหล่านั้นทำให้คนที่เคยลงคะแนนให้ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ในปี ๒๐๑๒ ไม่อยากโหวตให้คลินตันในปี ๒๐๑๖ และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทีมอัยการพิเศษของมุลเลอร์ สั่งฟ้องชาวรัสเซียน ๑๓ คน ที่ทำงานให้กับบริษัท ไออาร์เอ(ตัวย่อของชื่อ หน่วยงานวิจัยอินเตอร์เน็ต) ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการแทรกแซงทางโซเชียลมีเดีย สำนักงานตั้งอยู่ในเซนปีเตอร์สเบิร์ก
 
และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมากรรมาธิการสภาสูงสหรัฐเปิดเผยรายงานสองฉบับ ที่พบว่ารัสเซียได้กระทำการแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐ ด้วยการเผยแพร่ข่าวสารข้อมูลที่ก่อความเสียหายต่อผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีพรรคเดโมแครท ขณะที่สร้างความได้เปรียบแก่พรรครีพับลิกัน


รายงานฉบับหนึ่งโดยบริษัทความมั่นคงไซเบอร์ในเท็กซัส ร่วมกับนักวิจัยมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและบริษัทแคนฟีลด์ ยืนยันว่ามีปฏิบัติการของรัสเซียพยายามบิดเบือนและโน้มน้าวแนวความคิดทางการเมืองของคนอเมริกัน และสร้างความแตกแยก มาจนกระทั่งทุกวันนี้

รายงานอีกฉบับมาจากงานวิจัย โครงการโฆษณาชวนเชื่อด้วยระบบคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด อังกฤษ (นสพ.วอชิงตันโพสต์เป็นผู้เสนอข่าวรายแรก) ระบุว่าบริษัทไออาร์เอของรัสเซียที่ป่วนข้อมูลการเมืองอเมริกันทางไซเบอร์นั้น
 
เจ้าของเป็นนักธุรกิจคนสนิทของประธานาธิบดี วราดิเมียร์ ปูติน นามว่า เย็ฟเกนี่ พริโกซิน ซึ่งถูกอัยการพิเศษสั่งฟ้องพร้อมกับลูกน้องของเขาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ข้อหาเกี่ยวกับการปล่อยข่าวเทียมสนับสนุนทรั้มพ์และโจมตีคู่แข่งของเขา แม้ในพรรครีพับลิกันช่วงไพรมารี่

รายละเอียดที่ปรากฏในคำฟ้องว่าการทำงานของไออาร์เอรวมถึงการปล่อยข่าวโจมดีอัยการพิเศษ (แบบเดียวกับที่ทรั้มพ์ทวี้ต) ข่าวเทียมของรัสเซียชิ้นหนึ่งบอกว่ามุลเลอร์ร่วมมือกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง อีกชิ้นตราหน้า เจมส์ บี โคมี่ อดีต ผอ.เอฟบีไอที่ทรั้มพ์ไล่ออกเพราะไม่ยอมยุติการสอบสวนเรื่องรัสเซีย ว่าเป็น ตำรวจสกปรก


นักเขียนคอลัมน์ใน นสพ.บอสตันโกล๊บ คนหนึ่ง (บังเอิญชื่อ ไมเคิล เอ โคเฮ็น) ถามว่า “แล้วทำไมจึงไม่ impeach –ไต่สวนความผิดโดยคองเกรส ต่อทรั้มพ์” ทั้งที่หลักฐานหลายอย่างเข้าข่ายยื่นอภิปรายได้ โดยเฉพาะในข้อหา ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม’ –Obstruction of Justice

แน่นอนว่าพรรครีพับลิกันที่เป็นเสียงข้างมากในซีเนตทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ไม่เห็นผี ไม่จับผี” แม้จะชัดเจนแล้วว่าการกระทำหลายอย่างของทรั้มพ์ ไต่สวนได้ –impeachable คองเกรสมีความรับผิดชอบต้องทำ ถ้าไม่ทำก็เท่ากับโยนหลักนิติธรรมเป็นของเล่น
 
คำตอบจากผู้นำรีพับลิกันคนหนึ่ง ออริน แฮ้ทช์ กรรมาธิการยุติธรรมวุฒิสภาบอกว่า“โอเค แต่ผมไม่แคร์ ผมพูดได้อย่างเดียวว่าเขาทำงานใช้ได้ในตำแหน่งประธานาธิบดี” ส่วนอีกคน แรน พอล พูดอย่าง ไม่เดโมแครทเลยทีเดียว

“ถ้าคุณจะดำเนินคดีกับใครสักคนแล้วส่งเข้าคุกในข้อหาละเมิดกฎหมายว่าด้วยการใช้เงินหาเสียงละก็ เราจะกลายเป็นสาธารณรัฐกล้วย –Banana Republic ไปละสิ”


นี่ถ้าเปลี่ยนตัวแสดง เปลี่ยนเวทีไปอยู่ที่กะลาแลนด์ละก็ รูปการณ์และวาทกรรมไปกันได้ดีทีเดียว แปลกใจแต่ว่าไฉนจึงมี Trumpists ที่ไม่ชอบวิธีการปกครองแบบ คสช.ของประยุทธ์อยู่อีก มันหัวมงกุฎท้ายมังกรอย่างไรพิกล