เรือแป๊ะ คสช. พอมาใกล้ฝั่งทำท่าจะวิ่งชนสะพานเทียบเรือเสียแล้ว
เพิ่งรู้เช่นเห็นชาติว่านายท้ายบ้อท่า ขนาดพายบกยังตุปัดตุเป๋ มิน่า ลูกไล่ของตายอย่างสุเทือกยังเตรียมตัวโดด
อาจเป็นเพราะต้นตำรับ ‘เรือแป๊ะ’ ผันไปบวชอีกรอบนั่นแหละ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อาจมีศรัทธาแก่กล้าในผ้ากาสาวพัตรจึงได้เข้าโบสถ์เป็นรอบที่สอง
แต่ว่าพี่ใหญ่นักสะสมนาฬิกาคงจะสายตาไกลมองเห็นภัยอย่างที่ ‘ไทยโพสต์’
ว่าก็ได้
สื่อ ‘สีเงิน’ อ้างแค่ ‘แหล่งข่าว’ ว่าพอพรรค ‘สีฟ้า’ สกัด กปปส.ยึดพรรคได้สำเร็จ หัวหน้ายังเป็นคนเก่า
ก็มีการตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้มั่นใจว่าไม่กัดม้าร์ค
หรือเกิดงูเห่าดังเช่นที่ตนเองเคยได้อาณิสงค์ในอดีต ผลกระทบก็เลยไปเกิดกับตัวหัวหน้า
คสช.
“เกรงว่าหลังเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์มีจำนวน ส.ส.มากกว่าพรรคพลังประชารัฐ
(พปชร.) และนายอภิสิทธิ์จะไม่ยอม (ไปราบ ๑๑) อีกทั้งยังจะขึ้นเป็นคู่เทียบในตำแหน่งนายกฯ
อีกครั้ง” แหล่งข่าวของ โรจน์ งามแม้น พูดถึงภาวะการเมืองหลังเลือกตั้ง
บอกว่าความไม่พอใจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ถูก คสช.
ส่งหมอวรงค์ เดชวิกรม เข้าไปจะยึดพรรค ปชป. “เป็นอุปสรรคที่สำคัญจะทำให้ลุงตู่ไม่สามารถเป็นนายกฯ
หลังเลือกตั้ง” ดูเหมือนวงนั้นเขาไม่สนกันเลยว่า เพื่อไทย ทษช. อนาคตใหม่ และ/หรือเสรีรวมไทย
จะได้ ส.ส. บ้างไหม
เป็นเหตุให้ “ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ
และรองหัวหน้าคสช. พยายามต่อสายกับแกนนำปชป.ที่สนับสนุนอภิสิทธิ์หลายคน โดยเฉพาะนายเฉลิมชัย
ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการ” เพื่อต่อรองให้ ปชป. ไปร่วมตั้งรัฐบาลกับ คสช. โดยเสนอให้กระทรวงเกรดเอตอบแทน
เป็นไปได้ว่าเฮียตือเป็นห่วงไอตู้บจะชวดนายกฯ จบเกม คสช.
เพราะหลังจากที่พลังประชารัฐดูดแหลกไปแล้ว สองพรรคใหญ่ไม่สะทกสะท้าน ดูจากน้ำเสียงที่ออกมาสองพรรคตรงกันว่า
“คนไป คะแนนไม่ไป” ดูดได้แต่อาจม ว่างั้น
ทาง ปชป. เห็นได้จากคำสัมภาษณ์ของ นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคระดับกรรมการสรรหาผู้สมัคร
ที่มั่นใจ “คะแนนไม่ได้ไปกับตัวบุคคล
ปชป.คะแนนอยู่กับพรรค”
เพราะใช้สูตร “เก็บแบงก์ร้อยมารวมเป็นแบงก์พัน”
ในขณะที่ด้านเพื่อไทยนั้นเขาใช้ยุทธวิธี
“แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย” แล้วทำท่าจะได้ผล บางใบอาจกลายเป็นแบ๊งค์ห้าร้อยด้วยซ้ำ
ดุจดังมาดอัดกลับของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าทีมปราศรัยหาเสียงของพรรค
ที่พูดถึง “อดีต
ส.ส.เพื่อไทยย้ายไป พปชร. ก็ไปแต่ตัว แต่คะแนนไม่ได้ตามไปด้วย จะได้มาสักกี่คน
พวกหน้าชื่นอกตรม” มิหนำซ้ำการชูประยุทธ์เป็นนายกฯ ‘ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น’
“คนเห็นฝีมือแล้วเหมือนลิเก ดูไปสามรอบจะให้เล่นรอบที่สี่คนรู้หมดแล้ว”
หนักเข้าไปใหญ่ในกรณีที่ คสช. ได้สมศักดิ์ เทพสุทิน
และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นตัวดูด คนหนึ่งประธานหาเสียง อีกคนประธานยุทธศาสตร์
เฉลิมว่าพอเห็นสองคนนี้รู้เลย พปชร.เป็น ‘พลังแพ้’ และว่า “ถ้าพรรคเพื่อไทยป้องกันการโกงกับคนที่ตั้งท่าจะโกงได้
พรรคเพื่อไทยชนะขาด”
(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_152769 และ https://www.prachachat.net/facebook-instant-article/news-259807)
ดูเอาแล้วกัน กระทั่ง สุเทพ เทือกสุบรรณ ‘วัวเคยขาม้าเคยขี่’ ของ คสช. แท้ๆ ยังอดไม่ไหวต้องตั้งโต๊ะแถลงเรื่องภาวะเศรษฐกิจ เพราะไป ‘คารวะแผ่นดิน’ ถึงที่ไหน
ชาวบ้านที่เคยไปร่วมเป่านกหวีดและบริจาคธนบัตรให้ ออกมาดักรอขอคืน ‘นกหวีด’
บางรายตะโกนด่าว่าทำให้ “ไม่มีจะแดก” ดังที่แปดริ้วเมื่อวันวานขอคืนทั้งนกหวีดและถุงใส่เงินบริจาคลายธงชาติ
สุเทือกจึงต้องนำทีมนั่งแถลง “แจ้งว่าเศรษฐกิจในระดับล่างไม่ดี ค้าขายตกต่ำ
ซึ่งหากสภาพแบบนี้ยังดำรงคงอยู่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้”
อีกทั้ง “กำลังซื้อตกต่ำจนถึงขีดสุด พ่อค้าแม่ค้าขาดรายได้
ยอดขายตกต่ำกว่าครึ่ง” ซบเซาชนิดเรียกว่า ‘สาหัส’ “จึงเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องมีหน้าที่ทางการเมือง
ระดมกำลังแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง”
บางคนฟังแล้วรู้สึกว่าเห็บกระโดดอีกตัวหนึ่งแล้ว ที่จริงก็คือลูกหาบของต้นหนสละเรือเมื่อเห็นว่ามันจะวิ่งชนท่านั่นละ