วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 01, 2561

ภาคใต้ "หมูในอวย" ของ 'หม่อมเต่า' เกษตรกร "ปาดน้ำตา" กรีดยาง


หม่อมเต่า นี่พอเป็นหัวหน้าพรรค เทือกชักติดเมือกตระบัดคำ ไม่ว่าเรื่องอะไร โอ่ ไว้ก่อน เห็น @Bussarin_PPTV ทวี้ตว่า แก “ลั่น เขตพื้นที่ภาคใต้เหมือนหมูในอวยได้อยู่แล้ว” ขนาดที่ “ชาวสวนยางน้ำตาตก ราคาฮวบ ๓ โล ๑๐๐” นี่นะ

ที่ตรัง ศูนย์รวมจิตวิญญานประชาธิปัตย์ (มั้ง) ราคาน้ำยางสดลดมาเหลือโลละ ๓๓ ถึง ๓๕ บาท แล้วยังไม่เสถียร ชาวสวนยางบ่นกันตรึมตั้งแต่ (อ.) นาโยงยันกันตัง “รายได้หดหายไปประมาณ ๗๐-๘๐% ของแต่ละวัน”

ที่บางหมาก ชาวสวนรายหนึ่งบอกว่า “อยากเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือให้ได้ที่ราคากิโลกรัมละ ๕๐๖๐ บาท ชาวสวนก็สามารถอยู่ได้” แต่อีกรายว่า “จะไม่เรียกร้องราคา ๖๐-๗๐ บาท แต่ขอให้ช่วยประกันราคาที่กิโลกรัมละ ๕๐ บาท” ก็พอ

ไอ้ที่เขาเคยให้ ๘๐ จะเอา ๑๒๐ ไม่ต้องไปพูดถึงมัน ความรุ่งเรืองในอดีตเอาไว้ทำเป็นละครย้อนยุคแล้วกัน ยุคนี้เป็นยุครอ ๒๐ ปีตามยุทธศาสตร์ คสช. ก็ต้องกินกรรมเก่ากันไปก่อน จำเพาะอย่างยิ่งในอนาคตอันใกล้ ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ทำวิจัยพบว่า

ราคายางพาราในปี ๒๕๖๒ คาดว่ายังมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน” ทั้งนี้ทั้งนั้น เหตุที่ทำให้ฟื้นยากเนื่องจาก “ต้นทุนยางพาราไทยปัจจุบันอยู่ที่ ๖๓ บาท/กก. ซึ่งแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากยังมีสต๊อกยางเก่าทั้งในประเทศและโลกรวมกว่า ล้านตัน เป็นตัวกดดัน
 
แต่ราคายางในตลาดโลกขณะนี้อยู่ที่ ๑.๗ ดอลลาร์ต่อกิโล ก็ราวๆ ๕๖ บาท ตามอัตราดอลลาร์แข็งขณะนี้ คิดคำนวณดูคร่าวๆ แล้วกันว่าจะเหลืออะไรกิน ถึงอย่างนั้นนายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ที่ทำวิจัยยังมองเห็นแสงไฟวับแวมที่ปลายอุโมงก์

ยางพาราไทยยังมีอนาคตอยู่ แต่ต้องบริหารจัดการและควบคุมให้ได้ โดยราคายางพาราที่เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราไทยจะอยู่ได้ควรจะอยู่ที่ ๗๐-๘๐ บาท/กก.” พูดแล้วเหมือนฝันนิ ชาวสวนขอแค่ ๕๐ ยังไม่รู้จะได้หรือเปล่า


ยิ่งถ้าไปอ่านรายงานของ ประชาชาติธุรกิจ เมื่อวันก่อน (๒๙ ต.ค.) ยิ่งเศร้า เศรษฐกิจใต้ดิ่งเหว “ไม่ว่าจะเป็นปาล์มน้ำมัน-ยางพารา-มะพร้าว ตลอดจนกุ้ง ต่างประสบปัญหาราคาตกต่ำมาโดยตลอด” ราคาน้ำยางสดตอนนั้นอยู่ที่ ๓๙ บาท ยางแผ่นดิบที่ ๓๘-๔๐ บาท/กก.

ส่วนปาล์มน้ำมันโลละ ๒.๖๐ ถึง ๓ บาท ก็หืดขึ้นคอ มะพร้าวน่ะ ๓ ลูกบาท ยังขายไม่หมด เพราะสต็อคตกค้างส่งออกได้น้อย ประเทศผู้ซื้อเพลามือออร์เดอร์เพราะราคาตลาดโลกตกไม่ยั้ง ภาคใต้จะหันไปพึ่งอุตสาหกรรมเลี้ยงกุ้งหรือก็งอก่องอขิง

กุ้งขาวที่นิยมเลี้ยงกันมากในภาคใต้ ครั้งหนึ่งเคยขายดิบขายดี เดี๋ยวนี้ราคาลงไปกิโลละ ๑๐ ถึง ๑๕ บาท เหลือประมาณโลละ ๑๐๒ โดยรวมเมื่อเกษตรกรและผู้ประกอบการรายได้ตกอย่างต่อเนื่อง ก็ต้องรัดเข็มขัดกัน ส่งผลให้กิจการค้าปลีกซบเซาตามไป

ประธานหอการค้าสงขลาเผยว่าค้าปลีกภาคใต้ลดลงตั้งแต่ปี ๕๘ มาโน่นแล้ว จนขณะนี้ยังเลือดไหลไม่หยุด ยอดปริมาณการค้าปลีกที่ลดไปในปีนี้ถึง ๒๕% นายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล ปลง “ทิศทางราคาสินค้าเกษตรในปี ๒๕๖๒ ผมยังไม่เห็นถึงแนวโน้มที่เป็นขาขึ้น”

เขาตั้งความหวังว่า “จากการที่รัฐบาลสนับสนุนให้มีการแปรรูปยาง แต่ปรากฏจนถึงขณะนี้เกือบ ๑ ปี ก็ยังหาดีมานด์ไม่ได้และไม่มีความคืบหน้าเลย อนาคตปี ๒๕๖๒ ผมก็ได้แต่หวังเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจากการเลือกตั้งเท่านั้น”

ที่สุราษฎร์ธานี ศูนย์กลางจักรวาลของสุเทือก กปปส. และ รปช. นายศุภพร ล่องดุริยางค์ ประธานกรรมการ บริษัท บ้านดอนปิยะกลการ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ คุยว่า “ภาวะราคาปาล์ม-ยางตกต่ำลงจะยังไม่ส่งผลกระทบกับยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า

เนื่องจากมีส่วนแบ่งการตลาดค่อนข้างมากและตัวแบรนด์มีความแข็งแกร่ง” เพียงแต่ตัวเลขจำนวนขายเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ตอนเปิดโชว์รูปใหม่ ๆ ที่ราคายางสูงกว่า ๑๐๐ บาท/กก. ขายรถได้เดือนละ ๑๐๐ กว่าคัน แต่ปัจจุบันมี ๓ โชว์รูมยอดขายรวมกันยังได้ไม่เท่า ๑ โชว์รูมในตอนนั้นเลย”

ตลาดรถมอไซค์นี่ที่เมืองคอนก็เช่นกัน จากปากคำของนางมาลี ราษฎร์อารี เจ้าของบริษัท ทุ่งสงปิยะกลการ ๑๙๙ จำกัด “ยอดขายรถจักรยานยนต์ตกมา ๑-๒ ปีแล้ว จากเมื่อก่อนสาขาเดียวขายได้วันละ ๑๐๐ คัน ตอนนี้ทั้ง ๒๓ สาขา ขายได้ไม่ถึง ๒๐ คันต่อวัน”

พวกชาวไร่ ชาวนากุ้ง ทางใต้ร้องจ๊ากแล้วไม่นิ่งเฉย อย่างที่ชุมพรนั่นโวยกันละสิ ว่ามาตรการของกรมการค้าภายในที่ออกมาช่วยแก้ปัญหาได้ไม่เต็มที่ การควบคุมปริมาณขนย้ายมะพร้าว ผลให้แค่ ๗ ตัน เนื้อแค่ ๒.๕ และมะพร้าวแห้ง ๑.๕ ตัน นั้น “รับไม่ได้”

ที่สงขลา ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งทำหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แจ้งให้ทราบความเดือดร้อน ต้นทุนสูงราคาต่ำ ซ้ำเจอโรคระบาด รายนี้จี้จี๊ดเลยละ ว่า “เราขอคำตอบจากรัฐภายใน ๓๐ วัน”


ไม่รู้ทั่นหัวหน้า คสช.จะให้ทันไหมเนี่ย เพราะมัวแต่เล่นเฟชเล่นไอจี กดผิดกดถูก สลับเอาบัญชีตัวป่วนมาตอบในบัญชีนายกฯ พัลวันอยู่นั่น ด้านลูกน้อง คนที่เป็นโฆษกกลาโหมก็มัวแต่ห่วงเรื่อง #ประเทศกูมี ทำให้เสียภาพพจน์รัฐบาล
 
หาว่าเป็นการปลุกกระแสสะท้อนความรุนแรงในสังคม ที่เอาเหตุการณ์ม็อบคลั่งชาติคลั่งสถาบันใช้เก้าอี้ตีศพนักศึกษาที่ถูกแขวนคอในกรณี ๖ ตุลามหาวิปโยค นั้นมาเป็นฉากหลัง พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ฮึ่มจะให้จัดการตรวจสอบผู้ทำเอ็มวี


เออนะ ก็เพราะพวก คสช. บ้องตื้นอย่างนี้นี่เองทำให้เพลง ประเทศกูมีพุ่งโลดเป็นไวรัล ล่าสุดนี่ผู้เข้าชมจะถึง ๒๕ ล้านอยู่รอมร่อแล้วเอ็ง