วันอังคาร, ตุลาคม 09, 2561

แผ่นเสียงตกร่องคดีล่าหมีขอ ให้ศรีวราห์ล้างคาว

ทั่นรองฯ หัวหน้ารัฐบาลและ คสช. มอบหมายทั่นรองฯ พิทักษ์สันติราษฎร์ ฝ่ายความมั่นคงคุมคดี หมีขอนี่ บิ๊กป้อมรับประกันซ่อมฟรี “จะไม่ซ้ำรอยคดีเสือดำ” แต่เท่าที่เห็นก็เป็นแผ่นเสียงตกร่องเสียแล้ว

ถึงจะมีคนตั้งข้อสังเกตุว่า “ดีตรงที่ จะได้เปรียบเทียบกับคดีเสือดำของนายเปรมชัย ถ้าคดีหมีขอเดินหน้าไปไวกว่าทั้งที่เกิดหลัง คดีเสือดำก็ส่อพิรุธแล้ว” (จากทวี้ต Wiroj @wirojlak)

ดูเหมือนว่าจะเป็นโอกาสที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.จะได้แก้ตัวล้างคาวจากการที่ฟอกขาวให้กับนายใหญ่อิตาเลี่ยน-ไทย เปรมชัย กรรณสูต คดีปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ยพาแก๊งออฟโร้ดลุยล่าของป่าไทรโยค คงไม่ฟาวเหมือนคดีล่าเสือดำทุ่งใหญ่อีกแน่

ถึงแม้จะ “เลือกใช้พนักงานสอบสวนชุดเดิม” กับคดีเปรมชัย “เนื่องจากเป็นคณะพนักงานสอบสวนที่มีประสบการณ์การทำคดีลักษณะนี้ จะสามารถทำคดีได้อย่างรวดเร็ว รู้ขั้นตอนเข้าใจข้อกฎหมายอยู่แล้ว” ก็ตาม

คราวนี้ทั้งที่นายวัชรชัย สมีรักษ์ ปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ย กับพวก ๑๑ คนจะถูกจับได้คาของกลาง ขาหมีขอ ๔ ชิ้น จะปฏิเสธทุกข้อหาทั้ง ๗ ข้อหา อ้างว่าลูกน้องซื้อมาจากชาวบ้าน แต่ต่อมาได้พบหลักฐานเพิ่มเติมเป็นซากกรามและขนสัตว์ ที่รอการใช้นิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบ
 
ทั่นรองฯ ตำรวจฝ่ายความมั่นคง ผู้ที่ยังต้องล้างกลิ่นปากจากการไปสั่งการผิดกาละเทสะที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนอีกกรณี แจงเป็นจะโกลนเรื่องโทษของการล่าสัตว์ป่าสงวนอย่างหมีขอ คุก ๕ ปี ปรับ ๕ หมื่น แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าฆ่าสัตว์ ก็อาจโดนข้อหาครอบครอง คุก ๔ ปี ปรับ ๔ หมื่น

ทั่นรองฯ ยังปากกล้าเหมือนเดิม “ตลก หากมาถามผมว่าหวั่นไหวกับเรื่องนี้ไหม...สำหรับผมมองว่าการทำสำนวนคดีเสือดำเป็นตัวอย่างการทำสำนวนคดีประเภทนี้ได้เลย


จากคำของทั่นรองฯ มาถึงถ้อยของอีกทั่นรองฯ เกี่ยวกับคดีล่าสัตว์ป่าสงวน ที่ต้องให้ฝ่ายความมั่นคงมาดูแลนี้ ได้ข้อเท็จจริงที่แฝงอยู่ในละอองน้ำลายฟุ้งอย่างหนึ่งว่า การอ้าง ยึดกฎหมาย ทำตามกฎหมาย ไม่มีผลประโยชน์อะไร นั้นเป็นเพียงลูบหน้าปะจมูก

เช่นเดียวกับกรณีอดีตพนักงาน ธกส. ไปร้องเรียนที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เรื่องถูกเลิกจ้างเพราะพบตัวเลขวงเงินรวมโครงการจำนำข้าวผิดปกติ พอรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วกลับถูกเก็บเงียบ พอทวงถามกลับถูกหาว่าวิกลจริต ส่งไปโรงพยาบาลจิตเวชตรวจไม่พบว่าผิดปกติ พอเธอโวยวายทางโซเชียลมีเดีย เลยโดนสั่งเลิกจ้าง

ข้อเท็จจริงปรากฏจากที่ น.ส.ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ ค้นพบก็คือ “การแจ้งหนี้ของ​ ธ.ก.ส.ผิดปกติหลายพื้นที่ โดยมีการโอนเงิน​ ๒ ครั้งให้กับเกษตรกรรายเดียว และยังนำการจ่ายเงินในโครงการมันสำปะหลังมานับรวมด้วย”
 
สิ่งผิดปกติเหล่านั้นถูกนำมาใช้กล่าวหาความผิดของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง จนท้ายที่สุดเธอต้องหนีคดี อันเป็นข้อประณามว่าขัดขืนอำนาจตุลาการ โดยมิพักตระหนักว่ากระบวนตุลาการพิพากษาความผิดจากหลักฐานที่เป็นเท็จ

พนักงานสาวผู้นี้ใช้เวลาสามปีต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมในองค์กร เพื่อขอคืนสิทธิ และ “เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง อย่าชี้นำให้เป็นประเด็นทางการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”


การร้องเรียนของอดีตพนักงาน ธกส. นี้เป็นข่าวหลายครั้งในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในการกุมอำนาจ ครองเมือง ของ คสช. อีกอย่างที่ใช้วิธีกลั่นแกล้งเพื่อปิดปาก โดยยังไม่มีการแถลงตอบโต้

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะตัวเลขข้อเท็จจริงมันฟ้อง จนเถียงไม่ขึ้น