วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 04, 2561

แว่วว่า 'เพื่อไทย' งัด 'ดาบนี้คืนสนอง' คสช. จะตั้งพรรคสำรองสู้ กม.เลือกตั้ง


ถึงคราวพรรคเพื่อไทยขยับบ้างละ เมื่อ ๓ ตุลา มีการประชุมสมาชิกเพื่อลงมติข้อบังคับของพรรค เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายเลือกตั้งใหม่ เนื้อหาในคำประกาศอุดมการณ์ ๙ ข้อไม่มีอะไรใหม่

ยึดมั่นประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุข เศรษฐกิจเสรี สังคมเสมอภาค สร้างความปรองดอง เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ชูเสรีภาพและความเสมอภาคของประชาชน ร่วมมีบทบาทในประชาคมโลกและเคารพพันธะกรณีระหว่างประเทศ

ข้อที่ดูเหมือนจะใหม่ หรืออาจจะเป็นเพราะใช้ถ้อยคำที่ดู ใหม่ก็คือต้องการระบบการเมืองที่เป็น “รัฐประชาชน มิใช่รัฐราชการ” ดังที่ปรากฏในคำขวัญใหม่ภายใต้ชื่อพรรคว่า “หัวใจคือประชาชน”

การประชุมคราวนี้มีแกนนำสำคัญพร้อมหน้า วิโรจน์ (เปาอินทร์) สุดารัตน์ (เกยุราพันธุ์) เฉลิม (อยู่บำรุง) เสนาะ (เทียนทอง) ชูศักดิ์ (ศิรินิล) วัฒนา (เมืองสุข) จาตุรนต์ (ฉายแสง) และปลอดประสพ (สุรัสวดี) ยกเว้นสาย เจ๊แดงที่ย้ายไปเป็นพรรคเพื่อธรรม โดยเฉพาะ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี

มีการต้อนรับสมาชิกใหม่ ๑ คน ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ที่ย้ายมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา ส่วนอดีต ส.ส.สระแก้ว ๒ คน หลานแท้ๆ ของประธานที่ปรึกษาพรรค ฐานิสร์ เทียนทอง และตรีนุช เทียนทอง ยื่นใบลาจะไปอยู่กับพลังประชารัฐ ย่อมไม่มาร่วมประชุม
 
ทางด้าน ป๋าเหนาะ บอกถึงจะเสียใจก็ไม่ยั่น ประกาศจะส่งลูกชายและหลานเขยลงสมัครชิงที่นั่งในสภาของจังหวัดที่เคยเป็นของตระกูลให้อยู่ในก๋วนป่าต่อไปให้จงได้ ทำให้บรรยากาสเลือกตั้งสระแก้วท่าจะสนุกด้วย ศึกสายเลือด


จะสนุกแค่ไหนผลรวมออกมาแต่ละพรรคล้วนจะได้เป็น เบี้ยหัวแตกตามเงื่อนกฎหมายที่ คสช. สั่งให้ทีม มีชัย (ฤชุพันธุ์) ผูกปมเอาไว้แน่นหนา (ทั้งที่ไม่รู้จักกันนี่นะ ปู่กับตู่) แต่พรรคลิ่วล้อ คสช. ทั้งหลายไม่ยั่น

พรรคสมคิด (พปชร.) เอย พรรคเทือก (รปช.) เอย พรรคไพบูลย์ (ปชปร.) เอย พรรคคุณปลื้ม (พช.) เอย เผลอๆ พรรคศิลปอาชา (ชทพน.) อีกด้วย น่าจะมีแผน สำรองโมเดลเตรียมไว้แต่ต้นแล้ว มิน่าถึงได้มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยงัดสูตร ดาบนั้นคืนสนองออกมาสู้

มติชนออนไลน์อ้างแหล่งข่าวจากภายในพรรคเพื่อไทย ว่ามีแนวคิดที่จะตั้งพรรคสำรองขึ้นมาอีกพรรคหนึ่ง นอกเหนือจาก เพื่อธรรมที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาฯ พท.ปฏิเสธเสียงแข็งแล้วว่าไม่ใช่นอมินี คนละพรรคคนละส่วน แม้จะมีทางโน้นมาทางนี้ไป สลับกันบ้างเป็นธรรมดา

เหตุผลแท้จริง “เพื่อเป็นการแก้เกมส์จากกรณีที่กฎหมายเลือกตั้งบีบให้ถ้าได้ส.ส.เขตมาก จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยลง” จึงต้องมีการแยกพรรค กระจายคน โดยให้คนที่มีชื่อเสียงของพรรคออกไปอยู่พรรคที่สาม แม้จะเป็น ส.ส.สอบตกก็ไม่เป็นไร

เมื่อคนเห็นชื่อเห็นหน้าจะรู้ทันทีว่าต้อง แยกกันเดิน ร่วมกันตี แน่ๆ แต่แกนนำเก่า ๘ คน กับอีก ๔๐ อดีต ส.ส. จะยังคงอยู่ที่พรรคเดิมเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เนื่องจากบางคนมีคดีความค้างคาอยู่กับคณะรัฐประหาร และบางคนยังมีปัญหา

เป้าหมายของพรรคใหม่อยู่ที่ไปฟัดกับพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่เหนียวแน่นของคู่กัดในภาคกลาง แต่จะไม่ส่งผู้สมัครในภาคเหนือและอีสาน เพราะฐานเสียงดีอยู่แล้ว

ถึงอย่างไรแหล่งข่าวบอกว่า “เรื่องนี้ยังเป็นเพียงแนวคิด ยังไม่มีการเริ่มขยับดำเนินการอย่างชัดเจน เพราะคงจะต้องหารือกันอย่างจริงจังก่อน”


แม้จะแค่แนวคิดก็ทำให้การเลือกตั้งที่ว่าจะมีในเดือนกุมภาปี ๖๒ นี้เริ่มจะ มะรุมมะตุ้มเสียแล้ว ศึกสายเลือดนั่นพอทำเนา สงครามตัวแทนนี่ไม่เบาเลย ไหนจะสงครามกองโจรของพวกประชารัฐ ไหนจะวิชามารของพรรค กปปส. หมอวรงค์อีกต่างหาก

เสร็จแล้วสิ่งที่ คสช. ให้ลิ่วล้อวางเงื่อนงำกฎหมายบ่อนทำลายพรรคการเมืองเก่า เพื่อที่พวกตนจะได้เข้าไปแทรกและสวมรอยโดยง่าย กลับกลายเป็นบ่วงผูกคอ คสช. นั่นเอง คอยดูสิ

ไม่ช้าจะได้เห็นบางคนที่ยึดอำนาจแล้วเหลิงอยากอยู่ต่อนานๆ จะต้องใช้แขน (หรือไม่ก็แข้ง) ก่ายหน้าผาก บ่นให้อาจารย์ที่บ้านฟัง รู้งี้ยึดเสร็จแล้วรีบๆ ไปเสียก็ดี