ยุติธรรมลำเอียงอย่างนี้ ‘ใครจะยอม’ และไม่ควรต้องยอม สู้ได้สู้ เป็นไงเป็นกัน
ดังที่ ‘โอ๊ค’ พานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ถึงคดีเช็คกรุงไทย
“เงินก้อนเดียวกัน ส่วนหนึ่งโอนเข้าบัญชีผม
ซึ่งได้โอนคืนกลับหมดแล้ว ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด แต่เงินอีกส่วนหนึ่งโอนเข้าบัญชีคนอื่น
ถูกนำไปจับจ่ายใช้สอยอย่างสบายใจ กลับปราศจากความผิดใดๆ
แบบนี้คงไม่มีใครยอมแน่ครับ”
วันที่ ๒ เมษายน ว้อยซ์ทีวีรายงานว่า “ พานทองแท้เผยส่งเช็ค
๒ ฉบับที่มีชื่อประธานองคมนตรีและ นายทหารคนสนิท ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบ” เพื่อต่อสู้คดีที่เขาถูกฟ้องย้อนหลังในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน
กรณีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยให้แก่กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร
เช็คสองใบดังกล่าวเป็นใบนำฝากของธนาคารในชื่อของ
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป
นายทหารคนสนิทของพล.อ.เปรม ที่เชื่อว่าเป็นเงินก้อนเดียวกันกับที่ดีเอสไอกำลังเอาเรื่องพานทองแท้
แล้วไฉน “ทั้ง ปปง. และ ดีเอสไอ
จึงไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ที่มีชื่อรับผลประโยชน์”
แม้นว่า พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
แก้ต่างว่า “เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว”
ก็ตาม
ซ้ำต่อมา
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ประธานมูลนิธิรัฐบุรุษป๋าเปรม ก็พูดอย่างเดียวกันอีก
“ถือว่าเป็นเรื่องเก่า และเกิดขึ้นมานานมากแล้ว...ตนคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตรวจสอบ”
ให้ไปดูที่ พล.ท.พิศณุชี้แจงไว้แล้วว่า
“เท่าที่ทราบเจตนาของผู้บริจาคต้องการบริจาคเงินเข้ามูลนิธิรัฐบุรุษพล.อ.เปรม
แต่ในเช็คได้ใส่ชื่อของพล.อ.เปรม แต่พล.อ.เปรมก็ได้ส่งเช็คบริจาคเงินดังกล่าวต่อเข้ามูลนิธิเรียบร้อย
ซึ่งไม่ได้นำเงินมาใช้ส่วนตัว”
หากแต่นายวัฒนา
เมืองสุข เห็นว่าไม่น่าใช่อย่างนั้น “ที่พลโทพิศณุแถลงว่าเป็นการบริจาคเพื่อการกุศลนั้น
หาได้เป็นข้อยกเว้นความผิดอาญาฐานฟอกเงินไม่
เพราะการนำเช็คเข้าบัญชีคือการรับโอนหรือเปลี่ยนสภาพครบองค์ประกอบความผิดฐานฟอกเงินแล้ว
ดังเช่นที่สหกรณ์คลองจั่นได้บริจาคเงินให้กับวัดพระธรรมกาย”
นายวัฒนาแจงด้วยว่า คดีธรรมกายนั้น “ข้อยกเว้นที่จะทำให้ผู้รับเช็คไม่ตกเป็นผู้กระทำความผิดคือไม่ทราบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด
ซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของโอ๊คต่อดีเอสไอ”
ถ้าอย่างนั้นมันจะต่างกันยังไง
ในเมื่อ “เช็คที่ถูกตีมาเพื่อเข้าบัญชีผมนั้น ได้ถูกยกเลิกในวันเดียวกัน และสามารถแสดงหลักฐานได้ว่าเงินทั้งหมดได้ถูกนำไปคืนทุกบาททุกสตางค์
และคืนไปตั้งแต่เมื่อ ๑๐ กว่าปีที่แล้ว มีหลักฐานทางธุรกรรมฯชัดเจน”
นายพานทองแท้ร้อง
“หลังจากนี้ถ้ามีการกระทำอะไรที่เป็นสองมาตรฐาน
และไม่ให้ความเป็นธรรมกับผมอีก ผมคงต้องขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องตัวเองจนถึงที่สุด
ในทุกตัวบทกฎหมาย ตลอดอายุความที่สามารถจะกระทำได้
จะหาเรื่องเอาคนอื่นเข้าคุก
โดยที่เขาไม่ได้กระทำความผิด เล่นกันแรงแบบนี้ คงไม่มีใครปล่อยให้ Free Kick กันง่ายๆ ครับ”