ตอนสุดท้ายแล้วสำหรับสไลด์ว่าด้วยข้อเสนอยุบ คสช.
หลังจากที่เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา พวกเราได้นำเสนอข้อเรียกร้องให้ยุบ คสช. และเปลี่ยนสถานะของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลรักษาการเพื่อเปิดทางไปสู่การเลือกตั้ง ก็ได้มีปฏิกิริยาจากบุคคลสำคัญหลายท่านใน คสช. ต่อข้อเรียกร้องดังกล่าว มีทั้งที่โต้แย้งกลับมาตรงๆ ใช้การถามค้าน หรือพยายามพูดชี้ชวนให้เชื่อว่าปัญหาไม่มีอยู่จริง ทั้งหมดนี้เพื่อหาเหตุแห่งความชอบธรรมว่าทำไม คสช. จึงสมควรต้องอยู่ต่อ
ท่านที่ติดตามเพจนี้คงจะเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้วว่า พวกเราก็ได้ตอบกลับคำโต้แย้งเหล่านี้ไปทั้งหมดแล้ว แต่สำหรับท่านใดที่ยังไม่เห็น ในสไลด์นี้เราจะรวบรวมมาให้ได้รับชมกันอีกครั้ง
ปณิธาน วัฒนายากร - ยุบ คสช. แล้วใครจะดูแลความสงบเรียบร้อย
ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ตั้งคำถามกลับมาว่า "ภารกิจหลักของ คสช. คือการรักษาเสถียรภาพ ดูแลความปลอดภัย และรักษาความเรียบร้อยของบ้านเมือง ในช่วงที่จะมีการเปิดพื้นที่มากขึ้นและจะมีการเลือกตั้ง จะต้องคิดด้วยว่าใครจะทำภารกิจเหล่านี้ และใครจะทำได้สำเร็จ"
ที่มา https://www.matichon.co.th/news/872716
พวกเราขอตอบดังนี้
ใครจะดูแลความเรียบร้อย? ก็รัฐบาลรักษาการ และหน่วยงานราชการต่างๆ ไงครับ
ประเทศไทยในเวลานี้มีกระทรวงกลาโหม มีกระทรวงมหาดไทย มีกองทัพ มีตำรวจ มี สมช. มี กอ.รมน. ฯลฯ อีกสารพัด ในยุครัฐบาลเลือกตั้งที่ผ่านมาการดูแลความสงบเรียบร้อยโดยหน่วยงานเหล่านี้ก็เป็นไปได้ด้วยดีตลอด
แล้วทำไมหน่วยงานเหล่านี้จึงจะไม่สามารถดูแลความเรียบร้อยในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ ทำไมพอเข้ายุครัฐประหารแล้วหน่วยงานเหล่านี้จึงไม่สามารถดูแลความเรียบร้อยเองได้ ต้องตั้ง คสช. ขึ้นมาอีกที (แล้วก็รับเงินเดือนเพิ่มกันไป) หน่วยงานเหล่านี้จะไร้น้ำยาไปเสียดื้อๆ เลยหรือ
ความเป็นจริงคือประเทศไทยไม่ได้มีภัยความมั่นคงอะไรที่ใหญ่หลวงถึงขนาดต้องคง คสช. ไว้ เราไม่มีปัญหากับชาติมหาอำนาจหรือประเทศเพื่อนบ้านในช่วงนี้
สาเหตุเดียวที่ทำให้ไม่เกิดความสงบ ดังเช่นในช่วงความขัดแย้งปี 2556-2557 ก็เพราะมีบางหน่วยงานของรัฐเองที่รู้เห็นเป็นใจในการก่อความไม่สงบ จงใจนำประเทศไปสู่ทางตันเพื่อที่จะเข้ามาปกครองประเทศด้วยวิธีนอกระบบ
และถ้าใครอยากให้ให้มีการเลือกตั้งเร็วๆ เขาย่อมอยากให้สถานการณ์สงบเรียบร้อย และจะไม่ก่อความไม่สงบขึ้นมาแน่ๆ เพราะรู้ดีว่านั่นจะกลายเป็นเหตุอ้างให้ คสช. เลื่อนเลือกตั้งออกไปอีก (พวกเราเองแม้จะชุมนุมแต่ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะอยู่ในความสงบเช่นกัน)
ในทางกลับกัน คนที่ไม่อยากให้เกิดการเลือกตั้งต่างหากที่จะพยายามสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ เพื่อหาเรื่องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ
พวกเราจึงอยากถามกลับไปยังคุณปณิธานว่า คุณคิดว่าผู้ที่ได้ประโยชน์จากการเลื่อนเลือกตั้ง ผู้ที่ไม่อยากให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นมากที่สุดในเวลานี้ และมีศักยภาพพอที่จะสร้างสถานการณ์ความไม่สงบเพื่อเป็นเหตุอ้างให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก คือใคร?
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - รัฐธรรมนูญมาตรา 265 กำหนดให้ คสช. อยู่ทำหน้าที่ต่อ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้ดำรงตำแหน่ง คสช. รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ รมว. กระทรวงกลาโหม ได้อ้างว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 265 ระบุว่า “ให้ คสช. ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่า ครม. ที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งครั้งแรกจะเข้ารับหน้าที่” ดังนั้น คสช. จึงต้องดำรงอยู่ต่อไป
ที่มา https://www.khaosod.co.th/politics/news_832358
เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 265 เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า คสช. ต้องทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น การที่กลุ่มคนเลือกตั้งเสนอให้ยุบ คสช. จึงเป็นไปไม่ได้
ที่มา https://www.matichon.co.th/news/874349
พวกเราขอตอบดังนี้
ทางออกง่ายๆ เลยคือแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 265 นี้เสีย
คสช. มักอ้างกฎหมายเสมอเมื่อมันเป็นประโยชน์ต่อสถานะทางอำนาจของตน (ในขณะที่ถ้ากฎหมายใดขัดขวางการใช้อำนาจของตนก็จะฉีกมันเสียดื้อๆ เลย) อ้างในทำนองว่ามันเป็นสิ่งที่มีอยู่มาตั้งแต่แรกแล้ว มันกำหนดเอาไว้อย่างนั้น จึงต้องปฏิบัติตามมัน จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 นี้ คสช. ก็ร่างขึ้นมาเองทั้งหมด เพื่อตอบสนองความต้องการและผลประโยชน์ของตัวเอง
ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปี 2560 คสช. เองก็เคยแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แม้ว่าจะผ่านการลงประชามติไปแล้วแต่ก็ยังหาช่องทางแก้จนได้ แล้วเหตุใดจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดช่องทางให้ยุบ คสช. เร็วกว่าเดิมบ้างไม่ได้
มาตราเดียวที่ต้องถูกแก้เพื่อเปิดทางให้ยุบ คสช. ได้คือมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทเฉพาะกาล ไม่ใช่บทถาวร ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จึงไม่เป็นการกระทบต่อสิทธิเสรีภาพเสรีภาพของประชาชนแต่อย่างใดเลย อันที่จริงเป็นการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วยซ้ำ เพราะนำไปสู่การยกเลิกคณะบุคคลที่มีอำนาจละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้อย่างไม่จำกัด
หากถามถึงเหตุผลของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดช่องทางให้ยุบ คสช. ก็เป็นไปตามที่พวกเราได้แถลงไปแล้วว่า เพื่อสร้างหลักประกันว่าจะไม่มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก และไม่มีการสืบทอดอำนาจของ คสช. ต่อไป
ส่วนกับคำถามที่ว่าใครจะทำหน้าที่ของ คสช. ก็เป็นไปตามที่เราได้ตอบกับคุณปณิธาน วัฒนายากร ไปก่อนหน้านี้แล้ว คือให้รัฐบาลรักษาการและหน่วยงานราชการรับผิดชอบหน้าที่เหล่านั้น
เพราะฉะนั้น เลิกอ้างกฎหมายเพื่อหวงกันอำนาจของตัวเอง คืนสิทธิในการกำหนดอนาคตของประเทศให้กับประชาชนได้แล้ว
พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง - คสช. ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง
พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. และผู้ดำรงตำแหน่ง คสช. ได้อ้างว่า คสช. ถือเป็นกลไกรัฐธรรมนูญ จึงว่ายุบไม่ได้ โดย คสช. ไม่ได้มีบทบาทในการเลือกตั้ง มีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลบรรยากาศการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยดี และยืนยันว่า คสช. ไม่ได้จะเป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้งแต่อย่างใด จะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงกลไกต่างๆ ทางการเมือง
ที่มา https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_88207
พวกเราขอตอบดังนี้
คสช. “เป็น” อุปสรรคต่อการเลือกตั้ง
เพราะ คสช. มีอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ที่ให้อำนาจในการออกคำสั่งใดๆ ก็ได้ โดยถือว่าคำสั่งนั้นชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และเป็นที่สุด นั่นหมายความว่า คสช. ยังคงถืออำนาจที่จะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ทุกเมื่อ
และแม้ว่าการเลื่อนการเลือกตั้งอาจเป็นผลมาจากมติของ สนช. คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรือการดำเนินการจากองค์กรอื่นๆ เราก็มิอาจล่วงรู้ได้เลยว่ามติ คำวินิจฉัย หรือการดำเนินการเหล่านั้นเป็นไปเพราะถูกชี้นำหรือกดดันจาก คสช. ซึ่งถืออำนาจสูงสุดไว้หรือไม่
ยิ่งเมื่อประกอบกับท่าทีของ คสช. ที่พยายามหาเสียงให้กับตนเองและขัดขวางการดำเนินการของพรรคการเมืองต่างๆ จึงน่าเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า คสช. จะพยายามใช้อำนาจที่ตนมี ไม่โดยทางตรงก็ทางอ้อม ในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก และหาช่องทางสืบทอดอำนาจให้กับตัวเอง
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องยุบ คสช. เพื่อสร้างหลักประกันเบื้องต้นว่าจะไม่มีการใช้อำนาจดังกล่าวในการแทรกแซงการเลือกตั้ง
สำหรับที่ พล.อ.อ.จอมได้กล่าวว่า คสช. ถือเป็นกลไกรัฐธรรมนูญ เราได้ชี้แจงประเด็นนี้ไปแล้วในการตอบคำถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าสามารถแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดช่องให้ยุบ คสช. ได้
สำหรับที่ พล.อ.อ.จอมได้กล่าวว่า คสช. ไม่ได้มีบทบาทในการเลือกตั้ง ยิ่งเป็นการสนับสนุนข้อเรียกร้องของเรา เพราะเท่ากับยอมรับเองว่าแม้ไม่มี คสช. ก็จัดการเลือกตั้งได้
สำหรับที่ พล.อ.อ.จอมได้กล่าวว่า คสช. มีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลบรรยากาศการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยดี เราได้ชี้แจงประเด็นนี้ไปแล้วในการตอบคำถามคุณปณิธาน วัฒนายากร ว่าภารกิจดังกล่าวสามารถให้รัฐบาลรักษาการและหน่วยงานราชการทำแทนได้
และสำหรับที่ พล.อ.อ.จอมอ้างว่า คสช. ไม่ได้จะเป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้งแต่อย่างใด จะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงกลไกต่างๆ บอกตรงๆ ว่าเราไม่สามารถเชื่อลมปากของ คสช. ที่พูดออกมาปากเปล่าทั้งที่ยังกอดอำนาจไว้กับตัวได้อีกแล้ว เพราะ คสช. โกหกประชาชนมานับครั้งไม่ถ้วน หาก คสช. จะให้เราเชื่อได้ว่าเป็นกลาง ไม่แทรกแซงจริงๆ คสช. ต้องปฏิบัติให้เห็นโดยการยุบตัวเองเสีย
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า พล.อ.อ.จอม เป็นหนึ่งในผู้ดำรงตำแหน่ง คสช. มีเงินเดือน 119,920 บาท พล.อ.อ.จอมจึงเป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์จากการดำรงอยู่ของ คสช. (และเสียประโยชน์จากการยุบ คสช.) ด้วยเช่นกัน
นี่คือบทพิสูจน์สำคัญที่จะแสดงให้เห็นว่า คสช. มีความจริงใจในการจะทำให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด และไม่คิดจะสืบทอดอำนาจเผด็จการต่อไปหรือไม่
ถ้าอยากให้มีการเลือกตั้งจริงๆ ไม่คิดสืบทอดอำนาจจริงๆ ก็พิสูจน์ให้เห็น ด้วยการยุบ คสช. เสีย
แต่ถ้าไม่ทำ ก็คงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า คสช. มีปณิธานที่จะแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้องจากเลือดเนื้อ หยาดเหงื่อ และน้ำตาของประชาชนอย่างเป็นการถาวร
สุดท้ายนี้ขอฝากกิจกรรมของพวกเราในวันเสาร์ที่ 24 มีนาคม 2561 นี้ ขอเชิญพี่น้องประชาชนทุกท่านมาร่วมแสดงพลัง ทวงสิทธิในการกำหนดอนาคตของประเทศกลับคืนมา
"รวมพลังกันอีกครั้ง เดินหน้าถอนราก คสช."
ในวันเสาร์ที่ 24 มีนาคม 2561 เวลา 16.00 น. รวมตัวกันที่สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แล้วเดินหน้าสู่กองทัพบก
#หยุดวางไข่เผด็จการ
#หยุดยื้อเลือกตั้ง
#หยุดสืบทอดอำนาจ
#ถอนรากคสช
ที่มา FB
กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group - DRG