เรื่องสำคัญที่ดูเหมือนสื่อไทยไม่ให้ความสนใจมากนัก
แต่ว่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้ ‘ที่ยืน’ ของรัฐบาลไทยภายใต้ คสช. ในสนามการเมืองโลก
และยังจะบ่งบอก ‘น้ำยา’ ของกระทรวงต่างประเทศ (ในมือ ‘บักดอน’) ว่าสามารถบริหารจัดการเหตุเกิดในประเทศให้เป็นประโยชน์แก่รัฐบาลได้เพียงใด
นอกเหนือจากคอยโกหกนานาชาติว่าประเทศไทยเต็มไปด้วยสิทธิมนุษยชน
หนังสือพิมพ์ข่าวสดอิงลิช
รายงานไว้เมื่อสามวันก่อน (๒๘ กุมภาพันธ์) เรื่องกลุ่มสาวรัสเซียถูกจับที่พัทยา
ข้อหาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตและอยู่ในประเทศโดยไม่ได้ต่อวีซ่า
งานที่สาวเหล่านั้นทำขณะถูกจับคือเป็นผู้ฝึกฝนเพศสัมพันธ์
หรือ ‘advanced sex class’ (คำศัพท์ของข่าวสด) แต่สื่อต่างประเทศบางแห่งเรียกพวกเธอว่า
‘escorts’ และ ‘sex workers’ โดยมีผู้ถูกจับเพศชายที่เป็นผู้ร่วมงานด้วย
เนื้อข่าวสำคัญที่ข่าวสดอิงลิชอ้างตอนนั้นว่าเป็น
‘exclusive’ หรือมีแห่งเดียวที่ได้ก็คือ อนาสเทเชีย
วาสชูเควิช หนึ่งในสาวรัสเซียที่ถูกจับกับเพื่อนร่วมงานชาย อเล็กซานเดอร์ คิริลอฟ
ให้สัมภาษณ์และส่งสารถึงสถานทูตอเมริกันว่า
มีข้อมูลลึกเกี่ยวกับกระบวนการแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐเมื่อปลายปี ๕๙
ซึ่งคณะกรรมการอิสระพิเศษนำโดยรอเบิร์ต
มุลเลอร์ ยื่นฟ้องชาวรัสเซีย ๑๓ คน กับองค์กรของรัสเซีย ๓ แห่งไปแล้ว ต่อจากการแจ้งข้อหากับพอล
เมนาฟอร์ต อดีตผู้จัดการหาเสียงของประธานาธิบดีดอแนลด์ ทรั้มพ์ พร้อมกับผู้ช่วยของเขา
ริค เกตส์ ที่เพิ่งสารภาพความผิดฐานฟอกเงินจากรัสเซียและโกหกต่อเจ้าพนักงานสอบสวน
ชาวรัสเซียทั้งสองอ้างว่า อนาสเทเชียเคยเป็นคู่นอนของมหาเศรษฐีอุตสาหกรรมอลูมินัม
โอเร็ก เดริปาสก้า ซึ่งสนิทสนมกับรองนายกรัฐมนตรีเซอร์ไก ปริคอดโก
และทำธุรกิจใกล้ชิดกับพอล เมนาฟอร์ต โดยเฉพาะระหว่างการหาเสียงของทรั้มพ์
คลิปการล่องเรือสำราญกับโอเร็กและเซอร์ไกของอนาสเทเชียทางอินสตาแกรม
ถูกหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านประนาธิบดีปูติน อเล็กไซ นาวัลนี่ เอาไปแพร่หลายเปิดโปงเมื่อไม่นานนี้
จนทำให้ทางการรัสเซียประกาศห้ามวิดีโอดังกล่าว หลังจากมีคนเข้าไปดูแล้วกว่า ๖ ล้าน
๒ แสนราย
นสพ.เดอะนิวยอร์คไทมส์ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับเรื่องของอนาสเทเชียและอเล็กซานเดอร์เมื่อวานนี้
(๒ มีนาคม) ว่าเขียนจดหมายร้องเรียนไปยังสถานทูตอเมริกันขอลี้ภัยการเมืองไปสหรัฐ
แล้วจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการแทรกแซงเลือกตั้งอเมริกาปี ๕๙
ที่อนาสเทเชียได้มาจากการล่องเรือสำราญ
คลิปที่ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียนำมาเปิดโปง
นอกจากมีภาพของนายโอเร็กกับรองนายกฯ เซอร์ไก
สนทนากันบนเรือสำราญที่อนาสเทเชียเป็นหนึ่งในโสเภณีหลายคนที่คณะท่องเที่ยวจ้างไป “เสียงคุยของทั้งสอง
(ในคลิป) ถกกันถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอเมริกา”
ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ออกมาจากสถานทูตอเมริกันในกรุงเทพฯ
ต่อจดหมายขอลี้ภัยของสองชาวรัสเซียกับผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวรวมสิบคน นิวยอร์คไทมส์ระบุว่าล่าสุดอนาสเทเชีย
(ซึ่งใช้นามบนอินสตาแกรมว่า นาสทยา ริบก้า) เธอกำลังถูกนำตัวเข้ากรุงเทพฯ
“ย้ายไปเข้าคุกอีกแห่ง ที่กรุงเทพฯ
แต่เขาไม่บอกว่าทำไม” คำร้องขอลี้ภัยของพวกเธอแจ้งว่าไม่อยากให้ถูกส่งตัวกลับไปรัสเซีย
และเชื่อว่าจะต้องถูกรัฐบาลปูตินเล่นงานหนักแน่ ขณะที่ตำรวจพัทยาเปิดเผยกับนิวยอร์คไทมส์ว่าผู้ต้องหาส่วนใหญ่จะถูกส่งตัวกลับ
ยกเว้นมีสี่คนที่จะถูกดำเนินคดีในประเทศไทย
ข่าวโสเภณีรัสเซียถูกจับในไทยอ้างว่ามีข้อมูลลึกเรื่องการแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐนี้
น่าจะเป็นโอกาสสร้างภาพพจน์มือปราบอาชีพของตำรวจไทยได้ นอกเหนือจากการรับไหว้อย่างนบนอบต่อผู้ต้องหาระดับเศรษฐีถ้ามีการปฏิบัติให้ทันต่อสถานการณ์การเมืองโลก
จะรีบส่งให้รัสเซีย ในเมื่อทางรัสเซียย่อมอยากได้ตัวผู้ต้องหากลับ
จะได้กำกับและควบคุมไม่ให้ข้อมูลอื้อฉาวต่อรัฐบาลปูตินหลุดออกมามากกว่านี้
หรือว่าเก็บเอาไว้ดำเนินคดีเองในประเทศ เผื่อว่าทางสหรัฐอาจอยากได้
ทางสถานทูตสหรัฐในกรุงเทพฯ นั้นย่อมตกอยู่ในภาวะเจอเผือกร้อน
จากการที่ผู้ร้องขอลี้ภัยอ้างว่ามีข้อมูลทางลึกสนับสนุนการไต่สวนเรื่องรัสเซียแทรกแซงการเมืองภายในของสหรัฐ
ขณะเดียวกันทำเนียบประธานาธิบดีไม่ต้องการข้อมูลนี้ เพราะจะเข้าเนื้อประธานาธิบดีทรั้มพ์ยิ่งขึ้น
ว่านอกจากจะได้ประโยชน์จากการกระทำของรัสเซียในชัยชนะเลือกตั้งแล้ว
ยังอาจรู้เห็นเป็นใจ (collusion) กับการแทรกแซงนั้นด้วย
เนื่องจากการสอบสวนของทีมงานมุลเลอร์ขณะนี้ใกล้ตัวประธานาธิบดีเข้าไปทุกที
จากการที่ทั้งลูกชายประธานาธิบดีคนหนึ่ง
และลูกเขยซึ่งเขาตั้งเป็นที่ปรึกษา เคยนัดพบปะกับนักธุรกิจรัสเซียเส้นสายของประธานาธิบดีปูติน
ที่มีข้อเสนอเรื่องข้อมูลเชิงลึกเอาชนะคู่แข่งของทรั้มพ์ในช่วงเวลาการหาเสียงก่อนถึงวันเลือกตั้งเมื่อปี
๕๙ ด้วย
โดยเฉพาะจาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยประธานาธิบดีเพิ่งถูกตัดสิทธิ์รับรู้ข้อมูลวงในทำเนียบขาวไปหมาดๆ
จากการที่มีธุรกิจส่วนตัวพัวพันมากหลายขณะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่ปรึกษา