วันเสาร์, มีนาคม 03, 2561

จับสาวรัสเซียสอนเซ็กซ์ที่พัทยา จะเป็นเครื่องบ่งชี้ ‘ที่ยืน’ ของรัฐบาลไทยภายใต้ คสช. ในสนามการเมืองโลก


เรื่องสำคัญที่ดูเหมือนสื่อไทยไม่ให้ความสนใจมากนัก แต่ว่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้ ที่ยืน ของรัฐบาลไทยภายใต้ คสช. ในสนามการเมืองโลก

และยังจะบ่งบอก น้ำยา ของกระทรวงต่างประเทศ (ในมือ บักดอน) ว่าสามารถบริหารจัดการเหตุเกิดในประเทศให้เป็นประโยชน์แก่รัฐบาลได้เพียงใด นอกเหนือจากคอยโกหกนานาชาติว่าประเทศไทยเต็มไปด้วยสิทธิมนุษยชน

หนังสือพิมพ์ข่าวสดอิงลิช รายงานไว้เมื่อสามวันก่อน (๒๘ กุมภาพันธ์) เรื่องกลุ่มสาวรัสเซียถูกจับที่พัทยา ข้อหาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตและอยู่ในประเทศโดยไม่ได้ต่อวีซ่า

งานที่สาวเหล่านั้นทำขณะถูกจับคือเป็นผู้ฝึกฝนเพศสัมพันธ์ หรือ ‘advanced sex class’ (คำศัพท์ของข่าวสด) แต่สื่อต่างประเทศบางแห่งเรียกพวกเธอว่า ‘escorts’ และ ‘sex workers’ โดยมีผู้ถูกจับเพศชายที่เป็นผู้ร่วมงานด้วย

เนื้อข่าวสำคัญที่ข่าวสดอิงลิชอ้างตอนนั้นว่าเป็น ‘exclusive’ หรือมีแห่งเดียวที่ได้ก็คือ อนาสเทเชีย วาสชูเควิช หนึ่งในสาวรัสเซียที่ถูกจับกับเพื่อนร่วมงานชาย อเล็กซานเดอร์ คิริลอฟ ให้สัมภาษณ์และส่งสารถึงสถานทูตอเมริกันว่า มีข้อมูลลึกเกี่ยวกับกระบวนการแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐเมื่อปลายปี ๕๙

ซึ่งคณะกรรมการอิสระพิเศษนำโดยรอเบิร์ต มุลเลอร์ ยื่นฟ้องชาวรัสเซีย ๑๓ คน กับองค์กรของรัสเซีย ๓ แห่งไปแล้ว ต่อจากการแจ้งข้อหากับพอล เมนาฟอร์ต อดีตผู้จัดการหาเสียงของประธานาธิบดีดอแนลด์ ทรั้มพ์ พร้อมกับผู้ช่วยของเขา ริค เกตส์ ที่เพิ่งสารภาพความผิดฐานฟอกเงินจากรัสเซียและโกหกต่อเจ้าพนักงานสอบสวน


ชาวรัสเซียทั้งสองอ้างว่า อนาสเทเชียเคยเป็นคู่นอนของมหาเศรษฐีอุตสาหกรรมอลูมินัม โอเร็ก เดริปาสก้า ซึ่งสนิทสนมกับรองนายกรัฐมนตรีเซอร์ไก ปริคอดโก และทำธุรกิจใกล้ชิดกับพอล เมนาฟอร์ต โดยเฉพาะระหว่างการหาเสียงของทรั้มพ์

คลิปการล่องเรือสำราญกับโอเร็กและเซอร์ไกของอนาสเทเชียทางอินสตาแกรม ถูกหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านประนาธิบดีปูติน อเล็กไซ นาวัลนี่ เอาไปแพร่หลายเปิดโปงเมื่อไม่นานนี้ จนทำให้ทางการรัสเซียประกาศห้ามวิดีโอดังกล่าว หลังจากมีคนเข้าไปดูแล้วกว่า ๖ ล้าน ๒ แสนราย

นสพ.เดอะนิวยอร์คไทมส์ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับเรื่องของอนาสเทเชียและอเล็กซานเดอร์เมื่อวานนี้ (๒ มีนาคม) ว่าเขียนจดหมายร้องเรียนไปยังสถานทูตอเมริกันขอลี้ภัยการเมืองไปสหรัฐ แล้วจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการแทรกแซงเลือกตั้งอเมริกาปี ๕๙ ที่อนาสเทเชียได้มาจากการล่องเรือสำราญ
 
คลิปที่ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียนำมาเปิดโปง นอกจากมีภาพของนายโอเร็กกับรองนายกฯ เซอร์ไก สนทนากันบนเรือสำราญที่อนาสเทเชียเป็นหนึ่งในโสเภณีหลายคนที่คณะท่องเที่ยวจ้างไป “เสียงคุยของทั้งสอง (ในคลิป) ถกกันถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอเมริกา”


ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ออกมาจากสถานทูตอเมริกันในกรุงเทพฯ ต่อจดหมายขอลี้ภัยของสองชาวรัสเซียกับผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวรวมสิบคน นิวยอร์คไทมส์ระบุว่าล่าสุดอนาสเทเชีย (ซึ่งใช้นามบนอินสตาแกรมว่า นาสทยา ริบก้า) เธอกำลังถูกนำตัวเข้ากรุงเทพฯ

“ย้ายไปเข้าคุกอีกแห่ง ที่กรุงเทพฯ แต่เขาไม่บอกว่าทำไม” คำร้องขอลี้ภัยของพวกเธอแจ้งว่าไม่อยากให้ถูกส่งตัวกลับไปรัสเซีย และเชื่อว่าจะต้องถูกรัฐบาลปูตินเล่นงานหนักแน่ ขณะที่ตำรวจพัทยาเปิดเผยกับนิวยอร์คไทมส์ว่าผู้ต้องหาส่วนใหญ่จะถูกส่งตัวกลับ ยกเว้นมีสี่คนที่จะถูกดำเนินคดีในประเทศไทย

ข่าวโสเภณีรัสเซียถูกจับในไทยอ้างว่ามีข้อมูลลึกเรื่องการแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐนี้ น่าจะเป็นโอกาสสร้างภาพพจน์มือปราบอาชีพของตำรวจไทยได้ นอกเหนือจากการรับไหว้อย่างนบนอบต่อผู้ต้องหาระดับเศรษฐีถ้ามีการปฏิบัติให้ทันต่อสถานการณ์การเมืองโลก

จะรีบส่งให้รัสเซีย ในเมื่อทางรัสเซียย่อมอยากได้ตัวผู้ต้องหากลับ จะได้กำกับและควบคุมไม่ให้ข้อมูลอื้อฉาวต่อรัฐบาลปูตินหลุดออกมามากกว่านี้ หรือว่าเก็บเอาไว้ดำเนินคดีเองในประเทศ เผื่อว่าทางสหรัฐอาจอยากได้
ทางสถานทูตสหรัฐในกรุงเทพฯ นั้นย่อมตกอยู่ในภาวะเจอเผือกร้อน จากการที่ผู้ร้องขอลี้ภัยอ้างว่ามีข้อมูลทางลึกสนับสนุนการไต่สวนเรื่องรัสเซียแทรกแซงการเมืองภายในของสหรัฐ ขณะเดียวกันทำเนียบประธานาธิบดีไม่ต้องการข้อมูลนี้ เพราะจะเข้าเนื้อประธานาธิบดีทรั้มพ์ยิ่งขึ้น

ว่านอกจากจะได้ประโยชน์จากการกระทำของรัสเซียในชัยชนะเลือกตั้งแล้ว ยังอาจรู้เห็นเป็นใจ (collusion) กับการแทรกแซงนั้นด้วย เนื่องจากการสอบสวนของทีมงานมุลเลอร์ขณะนี้ใกล้ตัวประธานาธิบดีเข้าไปทุกที

จากการที่ทั้งลูกชายประธานาธิบดีคนหนึ่ง และลูกเขยซึ่งเขาตั้งเป็นที่ปรึกษา เคยนัดพบปะกับนักธุรกิจรัสเซียเส้นสายของประธานาธิบดีปูติน ที่มีข้อเสนอเรื่องข้อมูลเชิงลึกเอาชนะคู่แข่งของทรั้มพ์ในช่วงเวลาการหาเสียงก่อนถึงวันเลือกตั้งเมื่อปี ๕๙ ด้วย

โดยเฉพาะจาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยประธานาธิบดีเพิ่งถูกตัดสิทธิ์รับรู้ข้อมูลวงในทำเนียบขาวไปหมาดๆ จากการที่มีธุรกิจส่วนตัวพัวพันมากหลายขณะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่ปรึกษา