วันพฤหัสบดี, มีนาคม 01, 2561

เสือดำ - น.ศ.ฝึกงาน - ขวานป้า 🔥 เปิดแผลเน่า “รัฐข้าราชการ”





เสือดำ - น.ศ.ฝึกงาน - ขวานป้า 🔥
เปิดแผลเน่า “รัฐข้าราชการ”

ผ่านมาร่วมเดือนแล้วคดีป่าทุ่งใหญ่นเรศวรยังไม่คืบหน้าถึงไหน ตำรวจไทยยังมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ แถมบางคดีก็ถูกยก มีข่าวลือว่าเจ้าสัวหมื่นล้าน “เปรมชัย กรรณสูต” ตอนนี้หนีไปกบดานชายแดนประเทศเพื่อนบ้านถิ่นที่เจ้าตัวคุ้นเคยมานาน

ความตายของเสือดำ กลายเป็นปฏิบัติการณ์ “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” กำลังเป็นไฟลามทุ่งจากป่าทุ่งใหญ่ลามไปถึงไร่องุ่นที่ “ชาโตว์ เดอเลย” ของตระกูลกรรณสูต บุกเบิกตั้งแต่ในยุค “หมอชัยยุทธ์ กรรณสูต” พ่อของเปรมชัย ที่อ.ภูเรือ จ.เลย เมื่อมีการขยายผลพบว่า บริษัท ซีพีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจกงสีของครอบครัวนายเปรมชัย ได้เข้าไปใช้ประโยชน์ที่ดินกว่า 6,215 ไร่ ปลูกไร่องุ่น และแมคคาดิเมีย มาตลอดตั้งแต่ปี 2547

ทั้งที่ นส 3 ก. ถูกยกเลิกไปแล้ว และยังไม่ได้รับสัมปทาน ที่ดินดังกล่าวจึงไม่มีเอกสารสิทธิ แต่บริษัทฯ ยังคงครอบครองและทำประโยชน์อยู่ จึงเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุกป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่รัฐกว่า 600 ล้านบาท

ความตายของ “เสือดำ” ได้กระชากหน้ากากเศรษฐีที่ทำผิดกฎหมายหาประโยชน์ในที่ดินของรัฐและพฤติกรรมเจ้าหน้าที่รัฐละเลยไม่บังคับใช้กฎหมาย

อีกกรณีที่เป็นผลจาก “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” นั่นคือกรณีของ “น.ส.ปณิตา ยศปัญญา” นักศึกษาจาก ม.มหาสารคาม และ “น.ส.ณัฐกานต์ หมื่นพล” อดีตลูกจ้างศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น ที่ออกมาเปิดโปงพฤติกรรมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ศูนย์ที่บังคับให้ปลอมลายเซ็นของชาวบ้าน ทุจริตการเบิกจ่ายเงินศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือคนยากไร้และผู้ป่วยเอดส์ 6.9 ล้านบาท จนนำมาสู่การตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมขยายผลดังกล่าว ล่าสุด พบยังมีศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งส่อเค้าทุจริตอีก 11 แห่งส่งผลให้ปลัดและรองปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ต้องถูกเด้งจากเก้าอี้

นี่ยังไม่นับรวมอีกหลายแห่งทั่วประเทศที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

ถ้าไม่มีน้องนักศึกษาหญิงที่ฝึกงานที่กล้าออกมาเปิดโปงเราก็คงไม่รู้ถึงพฤติกรรมการทุจริตข้าราชการในศูนย์คุ้มครองคนที่ไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น และอีก 11 จังหวัดที่เพิ่งตรวจพบ

สุดท้ายซึ่งเป็นที่ฮือฮา กรณี “ป้าทุบรถ” นางสาวบุญศรี และ นางสาวรัตนฉัตร แสงหยกตระการ ผลสะเทือนไม่เฉพาะรถปิกอัพจอดขวางประตูถูกทุบ แต่ได้ลามไปถึงตลาดทั้ง 5 แห่งที่อยู่รอบๆ มิหนำซ้ำแรงสั่นสะเทือนขยายวงกว้างถล่ม 300 ตลาดทั่วกรุงเทพฯ ที่พลอยโดนหางเลขต้องถูกเช็คบิลไปด้วย

แทบไม่น่าเชื่อว่า มีตลาดในกรุงเทพฯ เกือบครึ่งที่ไม่มีใบอนุญาต

นี่เป็นปรากฏการณ์ “เด็ดดอกไม้สะเทือนดวงดาว” อย่างแท้จริง จากเหตุการณ์เล็กๆขยายแผลให้เห็นความเน่าเฟะของระบบราชการ อย่างมิอาจปฏิเสธได้

จะว่าไปแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้ ล้วนเป็น “อุบัติเหตุ” จากเหตุการณ์หนึ่งที่ได้เปิดลามไปถึงเรื่องอื่นๆ อย่างคาดไม่ถึง

ถ้าไม่มีอุบัติเหตุกรณีที่ “เปรมชัยซุ่มยิงเสือดำ” ก็ไม่รู้ว่าบริษัทกงสีตระกูลกรรณสูตรบุกรุกป่าทำไร่องุ่นและรีสอร์ตอย่างมโหฬาร

ถ้าไม่มี “นักศึกษาฝึกงาน” ก็ไม่มีวันรู้ว่ามีการโกงศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหลายแห่งทั่วประเทศแถมมีอดีตข้าราชการผู้ใหญ่อยู่เบื้องหลัง

ถ้าไม่มี “ขวานป้า” ก็ไม่รู้ว่าบรรดาเศรษฐีเจ้าของตลาดทำผิดกฎหมายไม่มีใบอนุญาต

กรณีบุกรุกป่าที่ภูเรือ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 47 จนถึงวันนี้ผ่านมาถึง 14 ปี ผ่านรัฐบาลทั้งเลือกตั้งและรัฐบาลที่มารัฐประหารมาหลายรัฐบาลแต่กลับไม่เคยมีรัฐบาลไหนดำเนินการตามกฎหมาย

เหตุการณ์ทุจริตในศูนย์คุ้มครองขอนแก่นและอีก 11 แห่งทั่วประเทศ ไม่ใช่เพิ่งเกิดแน่ๆ ตลาดนัดที่ทำผิดกฎหมายเช่นกัน เปิดขายกันอย่างโจ๋งครึ่มมานานแล้ว แต่ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาตรวจสอบ

ไม่รู้ว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าไม่ “หรี่ตา” หรือไม่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ก็ต้องมีผลประโยชน์มาปิดหูปิดตา

ที่ยกมาเป็นแค่น้ำจิ้ม ยังมีขยะที่ซุกอยู่ใต้พรมมากมาย ยังมีภูเขาน้ำแข็งอีกหลายลูกที่อยู่ข้างล่างยังไม่โผล่ขึ้นมาให้เห็น

ผลพลอยได้จนนำไปสู่การขยายผลในวงกว้าง อาจจะเรียกว่าเป็นผลมาจาก “อุบัติเหตุ” ล้วนๆ ไม่ได้เกิดจาก “น้ำยา” ของผู้รักษากฎหมายแต่อย่างใด

อุบัติเหตุครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าตลอด 4 ปีที่รัฐบาล คสช. ที่ประกาศเป็นนโยบายสำคัญว่าจะเอาจริงกับการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นนั้นก็เป็นแค่วาทะกรรมที่สวยหรู

อุบัติเหตุครั้งนี้ ได้กระชากหน้ากากให้เห็นความเน่าเฟะระบบราชการชัดแจ๋วแหว๋วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตคอรัปชั่น เจ้าหน้าที่รัฐไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย สองมาตรฐานเข้มงวดกวดขันคนจนผ่อนปรนคนรวย

แต่ที่น่าเศร้าตลอดห้วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา “คสช.” กลับไม่เคยเอาจริงเอาจังกับการปฏิรูประบบราชการแต่อย่างใด

#ทวีมีเงิน



ทวี มีเงิน