ข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ต่อคดีที่ น.ส.นูรฮายาตี มะเสาะ วัย ๒๓ ปีถูกพิพากษาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ฐานนำลงเรื่องย่อบทความบนเฟชบุ๊คอันเป็นการหมิ่นประมาทกษัตริย์เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ว่า
"มีระวางโทษเบื้องต้นให้จำคุก ๓ ปี แต่ลดลงกึ่งหนึ่งเหลือ ๑๘ เดือน เพราะผู้ต้องหาสารภาพ และให้การเป็นประโยชน์แก่รูปคดี" น.ส.เกาซาร อาลีมามะ ทนายความบอกกับเอเอฟพี
"เป็นไปไม่ได้ที่จะรายงานเนื้อหาของข้อความที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นความผิดดังกล่าว เพราะสื่อมวลชนที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศไทยต้องเซ็นเซอร์ตัวเอง มิฉะนั้นจะเสี่ยงต่อการกลายเป็นผู้กระทำผิดด้วยตนเอง จากการตีความกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนี้อย่างกว้างสุดกู่"
ถึงกระนั้นกฎหมายนี้ "ได้ถูกนำมาใช้อย่างเสรีตามสบาย เพื่อปิดปากการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์" และการพิพากษาคดีเลสมาเจสตีโดยลงโทษนับสิบๆ ปี ยังคงดำเนินต่อมาในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวองค์ใหม่ ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุด ๑๕ ปีต่อ ๑ กระทง
(https://sg.news.yahoo.com/blind-thai-woman-jailed-sharing-royal-insult-facebook-111442011.html)
สำนักข่าวประชาไทให้รายละเอียดเพิ่มเติมในคดีนี้ ว่าผู้ต้องโทษ "ถูกแจ้งความเอาผิดจากการโพสต์บทความของ ใจ อึ๊งภากรณ์ ผ่านแอพพลิเคชันสำหรับช่วยผู้พิการทางสายตาในการใช้เฟสบุ๊ค หลังการสวรรคตของรัชกาลที่ ๙
(https://www.facebook.com/pg/Prachatai/posts/)
จึงเป็นความน่าเศร้าซ้ำซ้อนในประเทศที่ปาวารณาจะเป็นประชาธิปไตย ไหนจะปัญหาความอยากได้อยากเป็นเจ้าขุนมูลนายต่อไปของคณะทหาร หลังจากครองเมืองด้วยการยึดอำนาจจากรัฐบาลเลือกตั้งมาเกือบสี่ปี คงจะติดใจในรสชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เผยเจตนาเบื้องลึกต่อการที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังเลือกตั้ง (ไม่ว่าจะมาถึงเมื่อไร) ว่า
"สื่อย่อมรู้คำตอบดีว่าพูดไปก็จะเป็นการตัดทาง เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ก็ถือว่าตามระบบซึ่งรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ หากพรรคการเมืองไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีกันเองได้ในสภา รัฐธรรมนูญก็เปิดช่องทางให้เสนอนายกรัฐมนตรีคนนอกได้"
ประยุทธ์อ้างว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดเช่นนี้เพื่อจะได้ไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารกันอีก "เพราะนายกรัฐมนตรีคนนอก ก็เลือกกันในสภา"
(https://www.khaosod.co.th/politics/news_694269)
ตรรกะวิบัติ สัจจะจากปากโจร ตะแบงมารเสียยิ่งกว่าศรีธนญชัยอีกน่ะ อ้างกฎหมายที่พวกตนเขียนเองเป็นว่าเล่น เขียนเสร็จก็ตีความบิดพริ้ว ตระบัดสัตย์กันได้ง่ายๆ
ดังกรณีที่ถูกนายศรีสุวรรณ จรรยา ออกมาโวยเรื่องประยุทธ์ซื้อลูกหมาบางแก้ว ๓ ตัวราคา ๒๕,๐๐๐ บาท จากจังหวัดพิษณุโลก แล้วมอบให้พี่และเพื่อน คสช. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ คนละตัวด้วยความสิเนหา
"ซึ่งอาจขัดต่อกฎหมาย ป.ป.ช.ว่าด้วยการให้หรือรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นเกิน ๓,๐๐๐ บาท" ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายให้ความเห็นว่าเลี่ยงได้ "ผมมีวิธีเอาโดยไม่ผิดกฎหมายด้วย แต่ผมไม่เปิดเผย"
นัยว่ากฎหมายที่ใช้อยู่ คือ พรบ. เกี่ยวกับ ปปช. ปี ๒๕๔๒ นั้นเก่าไปแล้ว ไม่สอดรับกับ พรป. ใหม่ว่าด้วย ปปช. ที่ลิ่วล้อ คสช.ช่วยกันชงและกำลังจะมีผลบังคับใช้
"ทั้งนี้เป็นไปตามอำนาจของ ป.ป.ช.ที่จะแก้ไขประกาศดังกล่าวโดยที่ไม่ต้องมีฝ่ายใดร้องขอ"
(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_74005)
เออแน่ะ เห็นลวดลายของ คสช. กันหรือยัง รัฐบาลก่อนๆ ในระบอบทักษิณเคยบอกว่าชอบ 'แก้ไขไม่แก้แค้น' รัฐบาลทหาร คสช. ชอบแก้ไขกฎหมาย อะไรไม่ลงรอย แก้แมร่งหมด