เรื่องเลวๆ ในยุคเผด็จการ คสช.
สามปีกว่ายังมีมายี่ยำอยู่ไม่ยั้ง ไม่ยอมขาดแคลน
ไม่ว่าจะเป็นความต่างระหว่างภาพถ่ายเจ้าหน้าที่การศึกษาพื้นฐานยืนเรียงตัวแช่น้ำถึงเข่าหน้าโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมภาคใต้
๑๑ จังหวัด ตั้งแต่สุราษฎร์ลงไปยังนครศรีฯ สตูล ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี
และนราฯ กับบรรดาคณะรัฐมนตรี ‘ตุ่นฮ่า’ ในชุดขาวนั่งสลอนหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ให้ฮือฮาเมื่อนักข่าวสาวๆ แซวรองนายกฯ
โสด สวมแหวนเพชร นาฬิการาคาล้าน สะท้อนแสงแดดแสบตา
หรือว่าภาพตำรวจ ๕
นายนอนตายเกลื่อนในพื้นที่ความขัดแย้งคุกรุ่นภาคใต้ ซึ่งเป็นทีมปราบน้ำมันเถื่อนที่โดนถล่มขณะกำลังนำหลักฐานการทุจริตกลับเข้าไปยังกองบัญชาการ
แล้วปรากฏว่าหลักฐานและข้อมูลสำนวนหายไปจากที่เกิดเหตุพร้อมทั้งโทรศัพท์ติดตัวของเจ้าหน้าที่ทั้ง
๕
แล้วยังภาพตลาดประชารัฐ
สำนักงานเขตบางซื่อคืนความสุขประชาชน ที่คนท้องที่บอกว่า “เปลืองงบฉิบหาย
มาสร้างภาพประกาศเป็นตลาดประชารัฐผลงานรัฐบาล
ก่อนนี้กูขายมาตั้งนานพวกแม่งไม่เห็นจะมาทำห่าอะไร...
เช้านี้วุ่นฉิบหาย มากันเป็นสิบ มาแขวนป้าย
จัดฉาก เกณแม่ค้ามาถ่ายรูป...รถติดกันไปทั้งบาง”
หรือจะเอาข่าวโด่งไม่จบ ขุดพบอาวุธสงครามกลางท้องนาที่แปดริ้ว
แรกอ้างว่าเป็นชุดเดียวกับของโกตี๋เมื่อปี ๕๗ ตอนนี้ ‘คมชัดลึก’ ให้รายละเอียดผู้ต้องหา ๕ นาย
หนึ่งในนั้นคือ จักรภพ เพ็ญแข
อดีตรัฐมนตรีรัฐบาลทักษิณที่ลี้ภัยอยู่นอกประเทศตั้งไม่รู้กี่ปีแล้ว
เพียงเพราะ ‘เจตนาเบื้องลึก’
(ขออนุญาตใช้สำนวนของตลาการศาลไทย)
อยากจะเลื่อนเลือกตั้งออกไปอีกหน่อย หรือว่าขอเวลาเพิ่มเติมยังถลุงงบประมาณไม่หมด
อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกัน
ร้อนถึงเจ้าตัวต้องร่อนสาส์นยันว่าไม่ใช่นะ
บร๊ะ “เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตัวผมเลย
ข่าวปลอมชิ้นนี้ถือเป็นความสิ้นคิดของคนออกข่าวและคนที่ไปคาบข่าวเอามาวิจารณ์ต่อมา...
จึงขอบอกไว้ให้ชัดตรงนี้ว่า
อย่ายั่วยุกันให้มากจนเกินไปนัก การลุกฮือของประชาชนไม่ใช่ของที่ไกลเกินเอื้อม
หากผู้กุมอำนาจในรัฐไทยโง่และชั่วพอ”
มาดูเรื่องดีๆ
บ้าง ที่บางท่านอ่านแล้วอาจน้ำตาซึม เรื่องส่วนตั๊ว ส่วนตัว แต่ผลกระทบทางใจมันเป็นผลิตผลมวลรวมให้เห็นว่าประชาธิปไตยที่หยิบฉวยกินได้
เป็นเช่นไร
เป็นเรื่องที่มาจากโพสต์ล่าสุดของ
ฟ้ารุ่ง ‘ปุ๋ย’ ศรีขาว ผู้สื่อข่าวหญิงผลงานติดตาจับใจประชาชน
คนละฟากกับนักข่าวหญิงนามกระเดื่องอีกคน
ที่ต่างกันทั้งรูปร่างหน้าตาและจุดยืนทางการเมือง
คุณฟ้ารุ่งเขียนถึงเรื่องบ้านเอื้ออาทรและสวัสดิการ
๓๐ บาทรักษาทุกโรค ดังนี้
“รับโฉนดจากแบงก์แร้ว 'บ้านเอื้ออาทร' บ้านหลังแรกของเรากับแม่
โครงการจากรัฐบาลทักษิณ
ครอบครัวเราซื้อก่อนที่จะมีโครงการบ้านหลังแรกในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ก็เลยไม่ได้ใช้สิทธิอะไรในยุคนายกฯปู แต่ก็ไม่เป็นไร
บ้านหลังนี้เริ่มผ่อนตั้งแต่อยู่ไทยโพสต์
ใช้ใบรับรองเงินเดือนใบแรกจากบริษัท สารสู่อนาคต จำกัด หรือ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ของป๋าเปลว สีเงิน ตอนนั้นเราเป็นนักข่าวภาคสนามสายการเมือง
เป็นการทำงานบริษัทแห่งแรกในชีวิต
ส่วนตอนรีไฟแนนซ์ใช้ใบรับรองเงินเดือนจากบริษัท มติชน จำกัด
ขณะเป็นผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ นอกจากนั้นเราได้รับความช่วยเหลือจากพี่ๆ
ที่กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
ช่วยประสานการเคหะแห่งชาติระหว่างที่ต้องเผชิญปัญหาการทำงานของเจ้าหน้าที่บางคนซึ่งต่อมาเขาได้รับผิดชอบต่อความผิดพลาดของตัวเองแล้ว
ปีนี้ปิดบัญชีเงินกู้ ในปีที่ 3
ของการเป็นพนักงานบริษัท Voice TV จำกัด
บริษัทของคุณโอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร
ความที่เป็นพนักงานบริษัท ทำให้การขอสินเชื่อเป็นไปได้
เพราะครอบครัวเราไม่มีหลักทรัพย์อะไรไปค้ำประกัน
ถ้าเป็นฟรีแลนซ์ก็คงจะลำบากกว่านี้
ถือว่าได้รับโอกาสดีๆ จากทั้ง 3
บริษัทในแต่ละช่วงชีวิตการทำงาน
บ้านหลังนี้ แม่ตัดสินใจซื้อ(กู้ร่วมกับลูก)
ด้วยวิสัยทัศน์ของแม่
แกติดตามข่าว แล้วก็นั่งมอเตอร์ไซต์กับน้าไปจองบ้านด้วยตัวเอง
ขณะที่โครงการประชานิยมแบบนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรฐานและอะไรต่างๆ
นานา แต่แม่บอกว่า นี่เป็นทางที่เป็นไปได้ที่สุดที่เราจะมี 'บ้าน' เพราะฐานะอย่างเราจะไปซื้อราคาเป็นล้าน
มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ก่อนซื้อบ้านเอื้ออาทร แม่เคยใช้สิทธิโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ตั้งแต่เราเรียนมหาวิทยาลัย
กลับปราจีนไปหาแม่ที่โรงพยาบาลคราวนั้น จำได้
แม่บอกให้รีบกลับไปนับเงินที่แม่เก็บไว้ใต้ที่นอนในห้องเช่าห้องเล็กๆ
(แม่ย้ายมาอยู่ห้องนี้ หลังจากพ่อตาย)
ตอนนั้นแม่ไม่เชื่อว่ารักษาไต ถึงขนาดต้อง ‘ผ่าตัด’
จะจ่ายด้วยเงิน 30 บาทได้จริงๆ
ก็เลยให้เรากลับไปนับธนบัตรและเหรียญว่าทั้งบ้านมีเงินอยู่เท่าไหร่
สุดท้าย หลังผ่าตัด จ่ายแค่ 30
บาทจริงๆ
นับแต่นั้นมาคงทำให้แม่เชื่อมั่นในนโยบายของรัฐบาลตระกูลชินวัตร
ไม่ว่าจะถูกยุบไปกี่ครั้งและตั้งชื่อพรรคใหม่ว่าอะไรก็ตาม
ส่วนตัวเรานับแต่เรียนจบ ทำงานมา 11 ปี เป็นพนักงานมา 3 บริษัท
ใช้เวลาประมาณ 9 ปีสำหรับการผ่อนบ้านหลังนี้ซึ่งมีเงินเก็บของแม่รวมอยู่ด้วย
ตอนแรกคิดว่าจะใช้เวลาผ่อน 30
ปีเต็มระยะเวลากู้
แต่ชีวิตก็ได้เดินมาอย่างที่คาดหมายได้บ้าง คาดหมายไม่ได้บ้าง
สิ่งดีๆ เกินคาดก็มีเยอะ
จนถึงวันนี้ที่ทำอีกหนึ่งภารกิจได้สำเร็จ
ขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ให้ความช่วยเหลือตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา”