เมื่อวานคนซิมบับเวจับจ้องหน้าจอทีวี เพราะมีข่าวว่ามูกาเบ้ ซึ่งถูกพรรคการเมืองของตัวเอง (Zanu-PF party) ปลดจากหัวหน้าพรรค และตั้งนายเอ็มนันกากวาห์ ซึ่งอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน คาดกันว่ามูกาเบ้ ซึ่งถูกกักบริเวณพร้อมกับเมีย และถูกปลดจากหัวหน้าพรรค คงยอมประกาศลาออกแต่โดยดี แต่พลิกล็อกครับ แกไม่ยอมลาออก และยังประกาศว่าตัวเองยังเป็นประธานาธิบดีและ Commander-in-Chief “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด” อยู่ (บ้านเราเอาคำนี้มาใช้กับตำแหน่ง “ผู้บัญชาการทหารบก” ต่างจากที่อื่นในโลก) ทำไม?
น่าจะเป็นเพราะแกรู้ว่า ทหารซิมบับเวถึงจะใช้กำลังยึดอำนาจ แต่ก็ไม่กล้าประกาศว่าเป็น “รัฐประหาร” เพราะมันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เป็นสิ่งที่ชาวโลกไม่ยอมรับ ผู้นำสหภาพแอฟริกา (African Union) ประกาศไม่ยอมรับ “รัฐประหาร” ชัดเจนตั้งแต่วันแรก ๆ (http://bit.ly/2zRWSjb) มูกาเบ้คงรู้เรื่องนี้ดี ถึงยังกล้าขัดขืนคำสั่งของทหาร เพราะฝ่ายทหารที่นำโดยนายเอ็มนันกากวาห์เอง ต้องการให้นายมูกาเบ้ลาออกเอง ก็อย่างที่ Time วิเคราะห์ (http://ti.me/2hCX2R9) มันเป็นไปเพียงเพื่อรักษา “ภาพที่ถูกต้องตามกฎหมายของการเปลี่ยนผ่านอำนาจ“ (a veneer of legality in the political transition) เอาไว้เท่านั้นเอง ทหารจึงยังไม่หักหาญออกคำสั่งปลดมูกาเบ้
ความจริงทหารซิมบับเวควรมาดูงานเมืองไทย ผู้นำทหารไทยยึดอำนาจปุ๊บก็สั่งล้างไพ่หมดเลย สามปีผ่านไปก็ยังออกคำสั่งเป็นว่าเล่น ไม่ได้มีความละอายแก่ใจเลย สิบปีเมืองไทยมีรัฐประหารตั้งสองครั้ง เป็นที่ภาคภูมิใจมาก และจะถือเป็นพัฒนาการขั้นสูงขึ้นมาอีกหน่อย ก็ต้องให้ “ศาล” รับรองด้วย แต่ก็นะ อะไรที่มันเน่า ๆ เหม็น ๆ มันก็เหมือน ๆ กัน จะเรียกว่าตุลาการภิวัตน์ จะเรียกว่า “รัฐประหาร” มันก็ไม่ต่างกันมากสักเท่าไร คนเขายี้กันทั้งนั้น (ยกเว้น “สลิ่ม” แบบในรูป) ว่ามั้ย?
Pipob Udomittipong
16 hrs ·