คำว่า” 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง” ในยุคสมัยไทยรักไทย ไม่ใช่เพียงแค่คำหาเสียงเพื่อให้จำง่าย หากแต่คือยุทธศาสตร์ที่กำหนดแนวทางประเทศระยะ 8 ปีในยุคนั้น
ไทยรักไทยและทักษิณเข้ามาหลังความหักพังทางเศรษฐกิจของประเทศจากวิกฤติต้มยำกุ้ง และการบริหารที่ผิดทิศทางของรัฐบาล”ยังไม่ได้รับรายงาน”
การซ่อม 4 ปีเป็นไปในแนวทางเพิ่มศักยภาพของประชาชน ด้วยความเชื่อว่า “ชาติจะเข้มแข็ง เมื่อประชาชนเข้มแข็ง”
การจะทำให้ประชาชนเข้มแข็ง อยู่ดีกินดี วิธีปฏิบัติของรัฐบาลไทยรักไทยจึงมุ่งไปที่ “เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และขยายโอกาส”
การเพิ่มรายได้ มากับการขยายโอกาส อย่างการให้ทุนผ่านกองทุนหมู่บ้าน ทำโอทอปให้มีอาชีพ และส่งเสริมการขาย การมีอาชีพ มีการผลิต เข้าถึงทุน ผลที่ตามมาคือการหมุนเวียนของเงิน และกำลังซื้อมหาศาล
เศรษฐกิจต่อเนื่องก็ดีตามไปด้วย
ส่วนการลดรายจ่ายที่สำคัญและเป็นคุณูปการต่อสังคม เป็นสวัสดิการสำหรับประชาชนก็คือ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เปลี่ยนระบบสุขภาพของประเทศครั้งใหญ่
เหล่านี้ล้วนเป็นการเพิ่มศักยภาพประชาชนครั้งใหญ่ เพื่อปูทางไปสู่”4 ปีสร้าง”อย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดที่ว่ามา รัฐบาลไทยรักไทยทำงานภายใต้งบประมาณ 9แสน-1.2 ล้านล้านต่อปี และทำงบประมาณสมดุลครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศนี้
และสิ่งที่สะเทือนสังคมและเป็นอันตรายต่อรัฐบาลทักษิณเองก็คือ ไปทำให้ระบบราชการเปลี่ยนจาก”เป็นนาย”มา”รับใช้”ชาวบ้าน เป็นการแตะเข้าไปในอำนาจที่ใหญ่ที่สุด ที่เป็นอำนาจซ้อนรัฐนี้อยู่
จึงเป็นเหตุให้”ระบอบทักษิณ”เป็นผีร้าย ที่ต้องกำจัด
แม้กระนั้นความคิด 4 ปีสร้าง ก็ยังได้พยายามนำมาเป็นยุทธศาสตร์ในการทำนโยบายในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
ไม่ว่าจะเป็นการจะสร้างโครงข่ายคมนาคม 2 ล้านล้าน ที่จะเปลี่ยนโครงสร้างการคมนาคมพื้นฐานของประเทศครั้งใหญ่ และเป็นการกระจายความเจริญ ความมั่งคั่ง ครั้งใหญ่ของประเทศ
โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านที่จะเพิ่มศักยภาพและช่วยเรื่องน้ำอันเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญของภาคเกษตร
ซึ่งจะไปสอดรับกับการยกระดับราคาพืชผลการเกษตรอย่างจำนำข้าว ที่มีจุดมุ่งหมายจะยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนาให้เหมือนกับชาวนาญี่ปุ่นเป็นเป้าหมาย
และจะเป็นการเปลี่ยนโครงสร้าง และ ยกระดับคุณภาพชีวิตสังคมชนบทหัวเมืองครั้งใหญ่ไปด้วย
ซึ่งเรื่องพวกนี้หากเกิดขึ้น สังคมและโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศจะเปลี่ยนครั้งใหญ่ และเปลี่ยนไปตลอดกาล
และเป็นเรื่องที่”อำนาจซ้อนรัฐ”กับ”ผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ”ยอมไม่ได้
เหตุการณ์จึงเดินมาสู่ทุกวันนี้ นำพาประเทศถอยหลังไปเป็นตัวถ่วง เหมือนเป็นคนป่วยแห่ง”อาเซียน”
โครงสร้างคมนาคมใหม่ก็ไม่เกิด การบริหารจัดการน้ำก็ไม่มี ราคาข้าว ราคาพืชผลตกต่ำ
ล้วนมีที่มาที่ไป
และจะมียุทธศาสตร์ชาติกันไม่ให้ใครมาพาประเทศออกนอกเส้นทางที่ตัวเองต้องการ พร้อมกับผันพวกตัวเองไปนั่งกำกับอยู่ข้างหลังในลักษณะ”อำนาจเหนือรัฐ”
ซากปรักหักพังของประเทศ ศักยภาพของประชาชนที่ถดถอย ความสามารถของประเทศที่ลดลง
ไม่รู้ต้องใช้กี่ปีซ่อม ใช้กี่ปีสร้าง
#หรือหมดทางจะเยียวยา
Thuethan Prasobchoke added 2 new photos.
14 hrs ·
ooo
ข่าวเก่าเล่าใหม่..
ปธ.เครือสหพัฒน์ หนุนคสช.เป็นรัฐบาลอีก 2 ปี
by Phakaphong Udomkalayalux
8 มิถุนายน 2558
Voice TV
ประธานเครือสหพัฒน์ หนุน คสช. ทำหน้าที่รัฐบาลเพื่อปฏิรูปประเทศอีก 2 ปี พร้อมเสนอให้ใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศ มาลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ สนับสนุนให้ คสช. ยังคงทำหน้าที่รัฐบาลต่อไปอีก 2 ปี เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ เพราะที่ผ่านมา ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี โดยเฉพาะการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น หากมีการเลือกตั้งเร็วๆ นี้ อาจทำให้การแก้ไขปัญหาหลายด้านไม่ต่อเนื่อง
นายบุณยสิทธิ์ ยังแนะให้รัฐบาล นำทุนสำรองระหว่างประเทศ มาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและหามาตรการทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากการลดดอกเบี้ย เพราะกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว โดยสหพัฒน์จะยังไม่ปรับราคาสินค้า แม้ต้นทุนเพิ่มขึ้น รวมทั้งดูแลเงินบาทให้อ่อนค่า เพื่อสนับสนุนการส่งออก โดยเงินบาทที่เหมาะสม อยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ฯ
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ระบุ เอกชนเห็นว่าควรทำประชามติจากประชาชนว่า ให้รัฐบาลอยู่ต่อเพื่อปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง เพื่อลดแรงกดดันจากต่างประเทศ ไร้ข้อครหา โดยเรื่องที่จำเป็น คือ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและยุติธรรม รวมทั้งจัดการกับผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา 112
ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล เพื่อไม่ให้ประเทศเผชิญเหตุการณ์เดิมๆ แม้ต่างชาติมีคำถามถึงกรอบเวลาการเลือกตั้ง แต่มั่นใจว่า รัฐบาลจะมีทางออกในการบริหารบ้านเมืองที่ดีที่สุด
Voice TV
ประธานเครือสหพัฒน์ หนุน คสช. ทำหน้าที่รัฐบาลเพื่อปฏิรูปประเทศอีก 2 ปี พร้อมเสนอให้ใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศ มาลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ สนับสนุนให้ คสช. ยังคงทำหน้าที่รัฐบาลต่อไปอีก 2 ปี เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ เพราะที่ผ่านมา ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี โดยเฉพาะการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น หากมีการเลือกตั้งเร็วๆ นี้ อาจทำให้การแก้ไขปัญหาหลายด้านไม่ต่อเนื่อง
นายบุณยสิทธิ์ ยังแนะให้รัฐบาล นำทุนสำรองระหว่างประเทศ มาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและหามาตรการทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากการลดดอกเบี้ย เพราะกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว โดยสหพัฒน์จะยังไม่ปรับราคาสินค้า แม้ต้นทุนเพิ่มขึ้น รวมทั้งดูแลเงินบาทให้อ่อนค่า เพื่อสนับสนุนการส่งออก โดยเงินบาทที่เหมาะสม อยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ฯ
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ระบุ เอกชนเห็นว่าควรทำประชามติจากประชาชนว่า ให้รัฐบาลอยู่ต่อเพื่อปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง เพื่อลดแรงกดดันจากต่างประเทศ ไร้ข้อครหา โดยเรื่องที่จำเป็น คือ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและยุติธรรม รวมทั้งจัดการกับผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา 112
ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล เพื่อไม่ให้ประเทศเผชิญเหตุการณ์เดิมๆ แม้ต่างชาติมีคำถามถึงกรอบเวลาการเลือกตั้ง แต่มั่นใจว่า รัฐบาลจะมีทางออกในการบริหารบ้านเมืองที่ดีที่สุด