วันอังคาร, ตุลาคม 31, 2560

พอเสร็จงาน ปรากฏการณ์เมฆวิจิตรเปลี่ยนมาเป็น 'ควันหลง' ล่าแม่มดโรสลินน์จนต้องฟ้องร้อง

อันความรักและเทิดทูนที่พสกนิกรสโมสรสมมุติจำนวนหนึ่งมีต่อ พ่อหลวง นั้นมันช่างแกร่งกล้าเสียเหลือล้น จนเป็นแรงกระแทกกระทั้นต่ออุปสรรคขวางหน้าอย่างสะบั้น

ระหว่างช่วงงานพระราชพิธีถวายเพลิงพระเจ้าอยู่หัว ร.๙ เกิดปรากฏการณ์เมฆวิจิตรต่างๆ นานา มาบัดนี้ทรงไว้แต่พระบรมราชสรีรางคาร ปรากฏการณ์ต่างๆ นานาก็ยังไม่สิ้น แต่มาในรูปแบบใหม่ของ ควันหลง

หนึ่งนั้นบางผู้จงรักภักดีตีความการถวายความโศกาอาดูรว่า ห้ามยิ้ม ฉะนี้เมื่อดาราดังอนงค์หนึ่งนาม แอ็ฟ ลงภาพแสดงความสุขใจที่ริมฝีปาก ก็เลยเจอ “ชาวเน็ตไร้สมองจ้องล่าแม่มด”

นั่นจากสำนวนเจ้าของอวตารฉายา เบลล์ ขอบสนาม ซึ่งเติมเต็ม เม้นต์ของตนด้วยถ้อยความ “เจอสวนกลับด้วยเม้นต์นึง แบบเห็นแล้วยกนิ้วให้ว่าเฉียบขาด...”

เม้นต์นั้น ชื่อบัญชี ‘Pa Rarepare’ ย้อนให้พร้อมภาพ “มีปัญหากับรอยยิ้มหรอคะ พวกลูกสมมติหลีกทางลูกแท้ๆ ด้วยค่ะ”

อันความจงรักภักดีของบริวารซึ่งแสดงออกอย่าง surreal เหนือธรรมชาติยิ่งกว่าเจ้าตัวผู้ครอบครอง นั้นมีมาเนิ่นนานกาเล และเป็นปัจจัยหนึ่งให้สามารถแยกแยะได้อย่างชัดแจ้งว่าใครเป็นบ่าวใครเป็นนาย ใครเป็นเจ้าของใครเป็นสมบัติครอบครอง

แต่การประท้วงของชาวจังหวัดชลบุรีเมื่อคืนนี้ (๓๐ ต.ค.) บีบบังคับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลาออกจากตำแหน่งงาน ด้วยความไม่พอใจที่จัดงานถวายดอกไม้จันทน์พีธีศพรัชกาลที่ ๙ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลา ว่า “ล้มเหลว”

อาจไม่เข้าข่ายการปกป้องพระราชาธิบดีอย่างเกินเลย เสียจนทำให้พระนามาภิไธยมัวหมอง

เนื่องเพราะ “ประชาชนเป็นลม ต้องยืนต่อคิวนานหลายชั่วโมง แต่ทางจังหวัดให้ข้าราชการถวายดอกไม้จันทน์ก่อน” แม้นว่าก่อนหน้านี้ นายภัครธรณ์ เทียนไชย ได้กล่าวแสดงความรับผิดชอบ “กราบขออภัยประชาชนและขอน้อมรับทุกอย่างไว้” แล้วก็ตาม


ทว่ากรณีป้าเสื้อคลุมดำลายดอกไม้แดงเหลือง ทรงผมประดับ ทัฟเฟ็ตทาที่เกิดเรื่องต่อล้อต่อเถียงกับ รปภ. ของวัดไทยลอส แองเจลีส และกลุ่มสตรีกรรมการจัดงานถวายดอกไม้จันทน์พิธีศพจำลองในหลวงภูมิพล อันกลายเป็นกระบวนการล่าแม่มดขนานใหญ่

จนเจ้าตัวประกาศฟ้องร้องดำเนินคดีกับองค์กรและบุคคลผู้เกี่ยวข้องที่ “โจมตีทำลายบุคคลิกภาพส่วนตัว และข่มขู่มาดร้าย” ต่อตนแล้วนั้น

ทั้งที่ในเบื้องต้นน่าจะเป็นเพียงการปกป้องพระนามาภิไธย (เสียท่าอยู่หน่อยที่กระทำด้วยวิธีการ เขลาเบาปัญญา) จนกลับกลายเป็นว่าการจัดงานศพจำลองถวายแด่พระเจ้าอยู่หัวผู้ล่วงลับ แสดงถึงการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และสำคัญผิดในข้อกฎหมายแห่งสถานะของสำนักสงฆ์ไทยในสหรัฐ


ไม่ว่าจะเป็นการ ไม่ถูกกาละเทสะของบุคคลที่เป็นตัวการสำคัญในกรณีพิพาทครั้งนี้ หรือมีทฤษฎีบ่อนทำลายอยู่เบื้องลึก การที่สตรีกลุ่มหนึ่งกลุ้มรุมด่าว่า ผู้ต้องหา เป็นโสเภณี เป็นกะหรี่ นั่นเป็นการละเมิดส่วนตัวอย่างมหันต์

อาการยกสองแขนและเต้นรำเมื่อถูกรุมล้อมหนักเป็นเพียงปฏิกิริยาของบุคคล บางรายอาจปราดเข้าไปตบแทนก็ได้ บุคคลิกภาพของใครก็ของมันอย่าไปตีความตามที่ตนเองคิด เช่น บิ๊กตู่ ก็อย่าง ทรั้มพ์ ก็อย่าง จะน่ารักหรือน่าถีบอยู่ที่คุณพอใจหรือพอกันที

การอ้างความจงรักภักดีเพื่อกระทำการละเมิดเช่นนั้น ไม่ถูกต้องทั้งในแง่กฎหมาย หรือเหมาะสมด้านจริยธรรม และความจงรักภักดีต่อรัชกาลที่ ๙

ประดาผู้ที่มีความจงรักภักดีล้นพ้นเหล่านั้นน่าจะเรียนรู้ให้ซึ้งกว่านี้ ว่าเกิดอะไรขึ้น (ซ่อม) กับข้าราชบริพารใกล้ชิดของรัชกาลที่ ๑๐ ที่อ้างพระนามาภิไธยของพระองค์ไปใช้ในทางส่วนตัวให้เสื่อมเสีย ระคายเคืองเบื้องยุคลบาท

#ป้าลายดอก ผู้เป็นจุดศูนย์กลางของเหตุการณ์ ได้เขียนเฟชบุ๊คในนาม Roz Carmen แจ้งแก่เครือข่ายของตน (ได้แก่ สมาชิกรัฐสภา ผู้ตรวจการมณฑล สมาชิกสมาคมมรดกเอเซีย เป็นอาทิ) ว่าถูกจองล้างทางสื่อสังคม ด่าทอ ข่มขู่ และแสดงความอาฆาตจะเข่นฆ่า


ย่อมก่อความเสื่อมเสียแก่ชุมชนไทย-อเมริกันขึ้นได้ ไม่ว่าจะยอมรับการกล่าวหานั้นหรือไม่ ตามหลักฐานที่เจ้าตัวเก็บไว้เป็นข้อสนับสนุนในการฟ้องร้องคดี แม้กระทั่งในโพสต์ที่แจ้งไว้นี่เองก็ยังมีการต่อว่าด่าทอและใช้ถ้อยคำกักฬระให้เห็น

ผู้ใช้นาม นินจา เต่าตอบทันควันว่า “ควย” แล้วถ้าไปดูหน้าตาของบัญชีจะพบการแสดงตัวตนว่า “ฉันเกิดในรัชกาลที่ ๙”

อีกราย Arisa Wanwanเขียนว่า “ป้า หนูไม่ได้ด่าว่าเป็นโสเภณี แต่ด่าว่าเป็น กะหรี่ (แก่)...กะหรี่คะกะหรี่ อ่านดีๆ...คนสันดานแบบเมิงอะอีแก่ คำหยาบๆ ต่ำๆ เหมาะที่สุดกับเมิง อีสวะ ชั้นต่ำ ถุยยย” อันนี้ character assassination ชั้นเลว

คนนี้เขียนภาษาปะกิต “Don't try to lie.” กลับใช้ชื่อบัญชีภาษาไทยว่า ฟัคคคคคค ยูววววววไม่รู้วววเหมือนกัลลลว่าฉันใดเขาจินตนาการวาบหวิวขนาดนี้

อีกคนให้เหตุผลใช้ได้ดี ทำนองเดียวกับที่ปรากฏบนเพจของ Nick Ragan และ CSI LA รายนี้ Pin Glewis เขาโต้ข้อเขียนของเลียวนาร์ด โนแวโร สามีของโรสลินน์ คาร์เม็น ว่า “จงใจให้เกิดการแตกแยกในชุมชนไทย”

เขาชี้ว่าเธอควรจะรู้ดีเรื่อง ‘the dress code’ แต่กลับไปร่วมงานศพแต่งตัวเหมือนไปชมเค็นตั๊กกี้เดอร์บี้ (แข่งม้า)

อันนี้เพื่อความเป็นธรรม ต้องอ่านข้อเขียนของเธอด้วยในส่วนที่เป็นเหตุเป็นผลทางนิตินัย จะเห็นด้วยหรือไม่ ไม่เกี่ยว ที่อ้างว่า “ฉันไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ ไม่ได้ตั้งใจไปร่วมพิธีศพ...ต้องการจะเดินชมบรรยากาศรอบๆ แล้วจะกลับ...เมื่อ รปภ. นำเสื้อคลุมมาขอให้เปลี่ยน จึงปฏิเสธ”

การต่อล้อต่อเถียงที่ไม่ปรากฏในคลิป (ซึ่งถ่ายทำโดยฝ่ายกลุ่มกรรมการจัดงาน) มันเริ่มจากเมื่อฝ่าย รปภ.พยายามจะจัดการเปลี่ยนเสื้อคลุมให้เธอ และผู้หญิงหลายคนในกลุ่มนั้นเริ่มใช้ถ้อยคำถากถาง ตำหนิ ด่าว่าอย่างละเมิดส่วนตัวแก่เธอ

ข้อความวิพากษ์โรสลินน์และสามีอีกตอนของผู้ใช้นาม พิน เกลวิส ใส่เครื่องหมายคำพูดเน้นไว้ยิ่งน่าฟัง “การอาศัยอยู่ในประเทศเสรีไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำอะไรตามอำเภอใจได้เสมอไป

เสรีภาพมากับหน้าที่ ความรับผิดชอบ และสำคัญยิ่งขึ้นไปอีกคือการให้ความนับถือผู้อื่น” นั่นคือสิ่งที่กลุ่มกรรมการวัดฯ ที่ไปกลุ้มรุมด่าทอโรสลินน์ ลืมเอาไว้บนหิ้งบูชาที่บ้านในวันนั้น