วันอังคาร, ตุลาคม 31, 2560

พอเสร็จงาน ปรากฏการณ์เมฆวิจิตรเปลี่ยนมาเป็น 'ควันหลง' ล่าแม่มดโรสลินน์จนต้องฟ้องร้อง

อันความรักและเทิดทูนที่พสกนิกรสโมสรสมมุติจำนวนหนึ่งมีต่อ พ่อหลวง นั้นมันช่างแกร่งกล้าเสียเหลือล้น จนเป็นแรงกระแทกกระทั้นต่ออุปสรรคขวางหน้าอย่างสะบั้น

ระหว่างช่วงงานพระราชพิธีถวายเพลิงพระเจ้าอยู่หัว ร.๙ เกิดปรากฏการณ์เมฆวิจิตรต่างๆ นานา มาบัดนี้ทรงไว้แต่พระบรมราชสรีรางคาร ปรากฏการณ์ต่างๆ นานาก็ยังไม่สิ้น แต่มาในรูปแบบใหม่ของ ควันหลง

หนึ่งนั้นบางผู้จงรักภักดีตีความการถวายความโศกาอาดูรว่า ห้ามยิ้ม ฉะนี้เมื่อดาราดังอนงค์หนึ่งนาม แอ็ฟ ลงภาพแสดงความสุขใจที่ริมฝีปาก ก็เลยเจอ “ชาวเน็ตไร้สมองจ้องล่าแม่มด”

นั่นจากสำนวนเจ้าของอวตารฉายา เบลล์ ขอบสนาม ซึ่งเติมเต็ม เม้นต์ของตนด้วยถ้อยความ “เจอสวนกลับด้วยเม้นต์นึง แบบเห็นแล้วยกนิ้วให้ว่าเฉียบขาด...”

เม้นต์นั้น ชื่อบัญชี ‘Pa Rarepare’ ย้อนให้พร้อมภาพ “มีปัญหากับรอยยิ้มหรอคะ พวกลูกสมมติหลีกทางลูกแท้ๆ ด้วยค่ะ”

อันความจงรักภักดีของบริวารซึ่งแสดงออกอย่าง surreal เหนือธรรมชาติยิ่งกว่าเจ้าตัวผู้ครอบครอง นั้นมีมาเนิ่นนานกาเล และเป็นปัจจัยหนึ่งให้สามารถแยกแยะได้อย่างชัดแจ้งว่าใครเป็นบ่าวใครเป็นนาย ใครเป็นเจ้าของใครเป็นสมบัติครอบครอง

แต่การประท้วงของชาวจังหวัดชลบุรีเมื่อคืนนี้ (๓๐ ต.ค.) บีบบังคับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลาออกจากตำแหน่งงาน ด้วยความไม่พอใจที่จัดงานถวายดอกไม้จันทน์พีธีศพรัชกาลที่ ๙ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลา ว่า “ล้มเหลว”

อาจไม่เข้าข่ายการปกป้องพระราชาธิบดีอย่างเกินเลย เสียจนทำให้พระนามาภิไธยมัวหมอง

เนื่องเพราะ “ประชาชนเป็นลม ต้องยืนต่อคิวนานหลายชั่วโมง แต่ทางจังหวัดให้ข้าราชการถวายดอกไม้จันทน์ก่อน” แม้นว่าก่อนหน้านี้ นายภัครธรณ์ เทียนไชย ได้กล่าวแสดงความรับผิดชอบ “กราบขออภัยประชาชนและขอน้อมรับทุกอย่างไว้” แล้วก็ตาม


ทว่ากรณีป้าเสื้อคลุมดำลายดอกไม้แดงเหลือง ทรงผมประดับ ทัฟเฟ็ตทาที่เกิดเรื่องต่อล้อต่อเถียงกับ รปภ. ของวัดไทยลอส แองเจลีส และกลุ่มสตรีกรรมการจัดงานถวายดอกไม้จันทน์พิธีศพจำลองในหลวงภูมิพล อันกลายเป็นกระบวนการล่าแม่มดขนานใหญ่

จนเจ้าตัวประกาศฟ้องร้องดำเนินคดีกับองค์กรและบุคคลผู้เกี่ยวข้องที่ “โจมตีทำลายบุคคลิกภาพส่วนตัว และข่มขู่มาดร้าย” ต่อตนแล้วนั้น

ทั้งที่ในเบื้องต้นน่าจะเป็นเพียงการปกป้องพระนามาภิไธย (เสียท่าอยู่หน่อยที่กระทำด้วยวิธีการ เขลาเบาปัญญา) จนกลับกลายเป็นว่าการจัดงานศพจำลองถวายแด่พระเจ้าอยู่หัวผู้ล่วงลับ แสดงถึงการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และสำคัญผิดในข้อกฎหมายแห่งสถานะของสำนักสงฆ์ไทยในสหรัฐ


ไม่ว่าจะเป็นการ ไม่ถูกกาละเทสะของบุคคลที่เป็นตัวการสำคัญในกรณีพิพาทครั้งนี้ หรือมีทฤษฎีบ่อนทำลายอยู่เบื้องลึก การที่สตรีกลุ่มหนึ่งกลุ้มรุมด่าว่า ผู้ต้องหา เป็นโสเภณี เป็นกะหรี่ นั่นเป็นการละเมิดส่วนตัวอย่างมหันต์

อาการยกสองแขนและเต้นรำเมื่อถูกรุมล้อมหนักเป็นเพียงปฏิกิริยาของบุคคล บางรายอาจปราดเข้าไปตบแทนก็ได้ บุคคลิกภาพของใครก็ของมันอย่าไปตีความตามที่ตนเองคิด เช่น บิ๊กตู่ ก็อย่าง ทรั้มพ์ ก็อย่าง จะน่ารักหรือน่าถีบอยู่ที่คุณพอใจหรือพอกันที

การอ้างความจงรักภักดีเพื่อกระทำการละเมิดเช่นนั้น ไม่ถูกต้องทั้งในแง่กฎหมาย หรือเหมาะสมด้านจริยธรรม และความจงรักภักดีต่อรัชกาลที่ ๙

ประดาผู้ที่มีความจงรักภักดีล้นพ้นเหล่านั้นน่าจะเรียนรู้ให้ซึ้งกว่านี้ ว่าเกิดอะไรขึ้น (ซ่อม) กับข้าราชบริพารใกล้ชิดของรัชกาลที่ ๑๐ ที่อ้างพระนามาภิไธยของพระองค์ไปใช้ในทางส่วนตัวให้เสื่อมเสีย ระคายเคืองเบื้องยุคลบาท

#ป้าลายดอก ผู้เป็นจุดศูนย์กลางของเหตุการณ์ ได้เขียนเฟชบุ๊คในนาม Roz Carmen แจ้งแก่เครือข่ายของตน (ได้แก่ สมาชิกรัฐสภา ผู้ตรวจการมณฑล สมาชิกสมาคมมรดกเอเซีย เป็นอาทิ) ว่าถูกจองล้างทางสื่อสังคม ด่าทอ ข่มขู่ และแสดงความอาฆาตจะเข่นฆ่า


ย่อมก่อความเสื่อมเสียแก่ชุมชนไทย-อเมริกันขึ้นได้ ไม่ว่าจะยอมรับการกล่าวหานั้นหรือไม่ ตามหลักฐานที่เจ้าตัวเก็บไว้เป็นข้อสนับสนุนในการฟ้องร้องคดี แม้กระทั่งในโพสต์ที่แจ้งไว้นี่เองก็ยังมีการต่อว่าด่าทอและใช้ถ้อยคำกักฬระให้เห็น

ผู้ใช้นาม นินจา เต่าตอบทันควันว่า “ควย” แล้วถ้าไปดูหน้าตาของบัญชีจะพบการแสดงตัวตนว่า “ฉันเกิดในรัชกาลที่ ๙”

อีกราย Arisa Wanwanเขียนว่า “ป้า หนูไม่ได้ด่าว่าเป็นโสเภณี แต่ด่าว่าเป็น กะหรี่ (แก่)...กะหรี่คะกะหรี่ อ่านดีๆ...คนสันดานแบบเมิงอะอีแก่ คำหยาบๆ ต่ำๆ เหมาะที่สุดกับเมิง อีสวะ ชั้นต่ำ ถุยยย” อันนี้ character assassination ชั้นเลว

คนนี้เขียนภาษาปะกิต “Don't try to lie.” กลับใช้ชื่อบัญชีภาษาไทยว่า ฟัคคคคคค ยูววววววไม่รู้วววเหมือนกัลลลว่าฉันใดเขาจินตนาการวาบหวิวขนาดนี้

อีกคนให้เหตุผลใช้ได้ดี ทำนองเดียวกับที่ปรากฏบนเพจของ Nick Ragan และ CSI LA รายนี้ Pin Glewis เขาโต้ข้อเขียนของเลียวนาร์ด โนแวโร สามีของโรสลินน์ คาร์เม็น ว่า “จงใจให้เกิดการแตกแยกในชุมชนไทย”

เขาชี้ว่าเธอควรจะรู้ดีเรื่อง ‘the dress code’ แต่กลับไปร่วมงานศพแต่งตัวเหมือนไปชมเค็นตั๊กกี้เดอร์บี้ (แข่งม้า)

อันนี้เพื่อความเป็นธรรม ต้องอ่านข้อเขียนของเธอด้วยในส่วนที่เป็นเหตุเป็นผลทางนิตินัย จะเห็นด้วยหรือไม่ ไม่เกี่ยว ที่อ้างว่า “ฉันไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ ไม่ได้ตั้งใจไปร่วมพิธีศพ...ต้องการจะเดินชมบรรยากาศรอบๆ แล้วจะกลับ...เมื่อ รปภ. นำเสื้อคลุมมาขอให้เปลี่ยน จึงปฏิเสธ”

การต่อล้อต่อเถียงที่ไม่ปรากฏในคลิป (ซึ่งถ่ายทำโดยฝ่ายกลุ่มกรรมการจัดงาน) มันเริ่มจากเมื่อฝ่าย รปภ.พยายามจะจัดการเปลี่ยนเสื้อคลุมให้เธอ และผู้หญิงหลายคนในกลุ่มนั้นเริ่มใช้ถ้อยคำถากถาง ตำหนิ ด่าว่าอย่างละเมิดส่วนตัวแก่เธอ

ข้อความวิพากษ์โรสลินน์และสามีอีกตอนของผู้ใช้นาม พิน เกลวิส ใส่เครื่องหมายคำพูดเน้นไว้ยิ่งน่าฟัง “การอาศัยอยู่ในประเทศเสรีไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำอะไรตามอำเภอใจได้เสมอไป

เสรีภาพมากับหน้าที่ ความรับผิดชอบ และสำคัญยิ่งขึ้นไปอีกคือการให้ความนับถือผู้อื่น” นั่นคือสิ่งที่กลุ่มกรรมการวัดฯ ที่ไปกลุ้มรุมด่าทอโรสลินน์ ลืมเอาไว้บนหิ้งบูชาที่บ้านในวันนั้น 

ฉลาดโคตรๆๆๆๆ ครับ! “ประยุทธ์” ปิ๊งไอเดีย! แนะผู้ว่าอ่างทอง หาอาชีพประมงให้ชาวบ้านในฤดูกาลน้ำท่วม (ทำนาไม่ได้ก็หาปลามันซะเลย!)





“ประยุทธ์” ปิ๊งไอเดีย! แนะผู้ว่าอ่างทอง หาอาชีพประมงให้ชาวบ้านในฤดูกาลน้ำท่วม


30 ตุลาคม 2560
ข่าวสดออนไลน์


วันที่ 30 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจชาวบ้านที่จังหวัดอ่างทองของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะซึ่งประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ว่า เวลา 14.20 น.นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางถึง โรงเรียนวิเศษไชยชาญ มีนายวีร์รวุทธ์ ปุตระเศรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ให้การต้อนรับ และรายงานสรุปสถานการณ์ในภาพรวม ว่าปัจจุบันปริมาณน้ำเริ่มทรงและลดลงเล็กน้อยประมาณ 2-3 ซม.คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน จะเข้าสู่ภาวะปกติ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในด้านของความช่วยเหลือตนขอย้ำให้เน้นที่ประชาชนให้มากที่สุดประชาชนถือเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยขอให้มองที่ภาพรวมทั้งหมดของประเทศและจะได้แก้ปัญหาบูรณาการแก้ปัญหาในภาพรวมร่วมกัน นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้ทราบถึงเหตุผลและความจำเป็น และใช้วิทยุชุมชนหรือเสียงตามสายทำความเข้าใจ ซึ่งบางครั้งจำเป็นต้องมีการ ระบายน้ำออกมาบ้างเป็นจังหวะเวลาเพื่อไม่ให้เกิดการอั้นจองน้ำแล้วทำให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา และต้องขอขอบคุณประชาชนที่เดือดร้อนเสียสละให้เป็นพื้นที่เก็บกักน้ำ ซึ่งจุดนี้รัฐบาล มีแผนที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาไว้เรียบร้อยแล้วซึ่งก็ต้องขอขอบคุณ และขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดไปหาอาชีพเสริมในช่วงฤดูกาลน้ำท่วมให้กับประชาชนเพื่อมีรายได้ด้วย เช่นอาชีพของการประมง กำหนดเป็นโซนนิ่งโดยประสานดับกระทรวงเกษตรฯ ทั้งนี้อย่าลืมว่าความเดือดร้อนที่เกิดจากอุทกภัยครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 10-29 ต.ค.ไม่ใช่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งทั้งหมดนี้ถึง 23 จังหวัด 78 อำเภอมีประชาชนเดือดร้อนกว่า 120,000 ครัวเรือน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับปัญหาอุทกภัยในปีนี้ปริมาณน้ำถือว่าใกล้เคียงกับปี 2554 แต่การบริหารจัดการน้ำถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี ทำให้สถานการณ์ไม่รุนแรงเท่ากับปี 2554 ยืนยันว่ารัฐบาลได้ทำและแก้ปัญหาอย่างดีที่สุด รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนไม่ได้ทำฉาบฉวย

ผู้สื่อข่าวสายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับเด็กนักเรียนโรงเรียนวิเศษไชยชาญฯที่มารอรับ ว่า “วันนี้เอากำลัง เอาใจ เอาความห่วงใยมาฝากทุกคน ขอให้ทุกคนรู้ไว้ว่ารัฐบาลมีความเป็นห่วง และพร้อมเร่งให้ความข่วยเหลือ” นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวกับเด็กนักเรียนด้วยว่าต้องออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง อย่าปล่อยให้อ้วน

...

แนะแต่ละอย่างเหมือนเด็กประถม น้ำท่วมแค่จะหุงหาอาหารก็ทำไม่ได้แล้ว เครื่องมือหาปลาก็ใช่จะมีกันทุกบ้าน จะนอนบางบ้านก็ต้องนอนหลังคา ดันจะให้มาหาปลา

งั้นหากบ้านไหนไฟไหม้ก็ควรแนะนำให้เขา "ปิ้งไก่" หรือ "ทำ "ข้าวหลาม" สินะ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

มิตรสหายท่านหนึ่ง

...




จับตา... มหาโครงการกว่า 100,000 ล้าน จัดการกับน้ำ ของรัฐบาล คสช. พล.อ.ประยุทธ์




https://www.youtube.com/watch?v=k0GsBo_Wu0M

มหาโครงการกว่า 100,000 ล้าน จัดการกับน้ำ ของรัฐบาล คสช. พล.อ.ประยุทธ์

Freedom Thailand
Published on Oct 30, 2017

มหาโครงการกว่า 100,000 ล้าน จัดการกับน้ำ ของรัฐบาลทหาร เผด็จการ คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ooo

มหา โครงการ กว่า 100,000 ล้าน จัดการ กับน้ำ




คอลัมน์หน้า 3 มติชน
30 ตุลาคม 2560

คําแถลงล่าสุดอันมาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ว่าจะโดย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ไม่ว่าจะโดยนายสมเกียรติ ประจำวงษ์

สำคัญ

เพราะเป็นเรื่องของคณะทำงานวางแผนการบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งใช้เวลาประชุมต่อเนื่องยาวนานกว่า 4 ชั่วโมง

เพราะเป็นเรื่องที่อาจต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท

เป็นเพียง “แผนงาน” อันนำเสนอจากกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)

ก่อนผ่านการอนุมัติเห็นชอบจาก “ครม.”

นี่คือโครงการระดับใหญ่ ระดับยักษ์ อย่างที่เรียกกันว่า MEGA PROJECT ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าโครงการรถไฟความเร็วสูง

เป็นโครงการที่มาพร้อมกับ “อุทกภัย”

ถามว่าโครงการในระดับ มหึมา มหาศาล หรือ MEGA ระดับนี้เคยมีหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับน้ำ หรืออุทกภัย

ตอบได้ว่า มี

อย่างน้อยตอนที่มีการวางแผนและนำเสนอผ่าน “คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ” (กยน.) ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ก็กำหนดไว้ 75,000 ล้านบาท

นั่นก็เกิดขึ้นภายหลังประสบสิ่งที่เรียกว่า “มหาอุทกภัย” ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2554 เป้าหมายก็เพื่อสร้างความมั่นใจต่อ “นักลงทุน”

ทั้ง “ในประเทศ” และ “ต่างประเทศ”

ส่งผลโดยฉับพลันทันใดทำให้ทุนต่างประเทศ ไม่ว่าญี่ปุ่น ไม่ว่าสหรัฐ ชะลอการย้ายเงินทุนหรือฐานการผลิตออกไป

แล้วครั้งใหม่นี้จะเป็นอย่างไร

การเสนอแผนและโครงการครั้งใหม่ผ่านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานเข้ากับสถานการณ์อันเกี่ยวกับน้ำ 2 สถานการณ์

1 สถานการณ์อุทกภัย น้ำไหลหลาก ในเดือนตุลาคม

1 สถานการณ์ที่มีคำสั่งหัวหน้า คสช.ในเรื่อง การจัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติขึ้น

ถือได้ว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความตื่นตัว

แต่ความตื่นตัวนี้จะอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือว่าจะต้องเป็นความรับผิดชอบของสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

นี่เป็นเรื่องของ “กนช.” และเป็นเรื่องของ “ครม.”

กนช. ก็คือ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครม. ก็คือ คณะรัฐมนตรี

แม้ดูคล้ายกับจะเป็นเรื่อง “รีบด่วน” จำเป็นต้องตีเหล็กในตอนร้อน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่น่าจะเกินเดือนพฤศจิกายนอย่างแน่นอน

พร้อมกับงบประมาณกว่า 100,000 ล้านบาท

มีความเป็นไปได้ว่าสัปดาห์ปลายเดือนตุลาคม จ่อกับต้นเดือนพฤศจิกายน คำตอบในเรื่องโครงการและงบประมาณกว่า 100,000 ล้านบาทจะแจ่มชัด

แจ่มชัดโดยมติ “กนช.”

แจ่มชัดโดยมติ “ครม.” ว่า ใครคือหน่วยงานที่จะต้องรับผิดชอบต่อโครงการระดับกว่า 100,000 ล้านบาทนี้

แสงแห่งสปอตไลต์จึงฉายจับ

ฟังชาวบ้านมาบตาพุดและภาคอุตสาหกรรม หลัง ม.44 ล้มผังเมืองสามจังหวัดเพื่ออีอีซี (บีบีซี ไทย)



GETTY IMAGESคำบรรยายภาพเจ้าหน้าที่กำลังทำความสะอาดหาดของเกาะเสม็ดหลังเกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลครั้งใหญ่เมื่อปี 2556


ฟังชาวบ้านมาบตาพุดและภาคอุตสาหกรรม หลัง ม.44 ล้มผังเมืองสามจังหวัดเพื่ออีอีซี


"มันเหมือนการลักหลับชาวบ้าน แล้วชาวบ้านจะเหลืออะไรไปสู้กับเขา ความหวังของเราก็คือผังเมืองที่เพิ่งประกาศใช้ไปเมื่อต้นปีเพื่อลดผลกระทบมลพิษอุตสาหกรรม"


บุษบา ศิวะสมบูรณ์ & นันท์ชนก วงษ์สมุทร์
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย


นักเคลื่อนไหวเพื่อชุมชนชาวบ้านมาบตาพุดมองว่า การใช้อำนาจ ม.44 ของ หัวหน้า คสช. ยกเลิกกฎหมายผังเมืองสามจังหวัดภาคตะวันออก คือการซ้ำเติมชาวบ้านรอบเขตอุตสาหกรรมมที่เคยเผชิญภาวะมลพิษ ในขณะที่ รัฐบาลและภาคธุรกิจอธิบายว่านี่คือส่วนหนึ่งของมาตรการดึงดูดนักลงทุนเข้ามาเพื่อสร้างการเติบโตทางศรษฐกิจของประเทศรอบใหม่


เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตัดสินใจใช้อำนาจเบ็ดเสร็จที่มีอยู่ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ออกคําสั่ง ยกเลิกการบังคับใช้ผังเมืองของจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา และให้หน่วยงานของรัฐจัดทำแผนผังการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคขึ้นใหม่ ซึ่งทำให้เกิดเสียงวิจารณ์จากชาวบ้านและนักวิชาการถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่อาจจะตามมา

ความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับอุตสาหกรรม


"พอรู้เรื่องม. 44 ผมช็อคเลย" เฉลิมพร กล่อมแก้ว แกนนำเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกซึ่งต่อสู้เรื่องการควบคุมภาวะมลพิษจากอุตสาหกรรมมาตลอด กล่าวกับบีบีซีไทย "มันเหมือนการลักหลับชาวบ้าน แล้วชาวบ้านจะเหลืออะไรไปสู้กับเขา ความหวังของเราก็คือผังเมืองที่เพิ่งประกาศใช้ไปเมื่อต้นปีเพื่อลดผลกระทบมลพิษอุตสาหกรรม"

การต่อสู้ของเฉลิมพรเริ่มขึ้นเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว เริ่มที่การเรียกร้องเอาที่สาธารณะของชุมชนคืนมาจากกลุ่มอุตสาหกรรม จากนั้นก็ขยายมาเป็นการต่อสู้เพื่อให้มีระบบควบคุมการพัฒนาอุตสาหกรรมในเขตมาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียง เพราะชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากภาวะมลพิษที่รั่วไหลหรือปล่อยมาจากโรงงานอุตสาหกรรมเป็นอย่างมากทั้งทางอากาศ และน้ำกินน้ำใช้

สถิติของกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงปี พศ. 2550 พบว่าประชาชนในเขตมาบตาพุดและใกล้เคียงได้รับผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรมอย่างรุนแรง โดยมีอัตราป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มสูงกว่าระดับประเทศ และมีแนวโน้มสูงขึ้น อัตราป่วยโรคเนื้องอกและมะเร็ง เด็กพิการ และโครโมโซมผิดปกติแต่กำเนิดเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าในรอบ 8 ปี และกลายเป็นปัญหาเร่งด่วน ที่กระทรวงสาธารณสุข ต้องเร่งแก้ไขปัญหา โดยตั้งคณะทำงานศึกษาวิจัยหาสาเหตุการป่วยโดยเร็ว ถึงกับวางแผนย้ายรพ.มาบตาพุดออกนอกพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย



GETTY IMAGES
เด็ก ๆ ที่มาบตาพุดในชุมชนที่อยู่ติดกับโรงงานอุตสาหกรรม (แฟ้มภาพ)


"ตอนนี้ก็เลิกเก็บข้อมูล เลิกศึกษากันไปแล้ว แต่ผมแน่ใจว่าผลกระทบยังคงมีอยู่เพราะไม่มีอะไรที่ได้รับการแก้ไขเลย" เฉลิมพรกล่าว


คลิตี้: เรื่องเก่าที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของคดีสิ่งแวดล้อมชุมชน
ชี้มลพิษทางอากาศเข้าถึงเส้นเลือด ส่งผลร้ายต่อหัวใจได้


เฉลิมพรกล่าวอีกว่าการประกาศใช้ผังเมืองเมื่อเดือนมีนาคม 2560 มาจากการต่อสู้มากว่า 2 ทศวรรษ ซึ่งสร้างความอุ่นใจ ให้แก่ภาคประชาสังคม ของระยอง เพราะผังเมืองใหม่เน้นเรื่องเพิ่มพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ ลดพื้นที่อุตสาหกรรม และจัดสรรพื้นที่กันชน ไปมากกว่าที่เคยมีมาแต่เดิม ซึ่งเฉลิมพรบอกว่าเป็นความหวังที่จะทำให้เกิดการพัฒนาสมดุลระหว่างระบบนิเวศน์กับอุตสาหกรรมขึ้น

อย่างไรก็ตามกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกลับได้รับผลกระทบจากผังเมืองใหม่เป็นอย่างมาก

นายเอกรัตน์ ทองธวัช ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าได้เสนอขอให้ทางรัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปรับปรุงผังเมืองเทศบาลมาบตาพุด "ให้มีความชัดเจนโดยเร็ว" โดยให้เหตุผลว่านักลงทุนทั้งรายเก่าและรายใหม่ไม่สามารถตัดสินใจเดินหน้าลงทุนต่อไปได้ ซึ่งหากไม่มีการขยายพื้นที่สีม่วง(เขตอุตสาหกรรม) หรือปรับผังเมืองใหม่ ก็จะทำให้การลงทุนจะต้องสะดุดลง

เหตุการณ์สิ่งแวดล้อมสำคัญของมาบตาพุด

  • 2532 ก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
  • 2534 เกิดปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวนจากโรงงานปิโตรเคมีและโรงกลั่น สืบเนื่องจากพื้นที่ตั้งของโรงงานอยู่ใกล้กับชุมชน ขาดพื้นที่กันชน
  • 2548 เกิดภาวะขาดแคลนน้ำในพื้นที่ ส่งผลให้เกิดความระแวงในการแย่งน้ำใช้ระหว่างชุมชนกับภาคอุตสาหกรรม
  • 2550 จากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ทำให้องค์กรเอกชนเคลื่อนไหวรณรงค์ให้พื้นที่มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ
  • 2552 ศาลปกครองให้ระงับชั่วคราวการดำเนินงาน 76 โครงการ ในเขตอุตสาหรรมมาบตาพุดตามคำร้องของนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม
  • 2560 เดือนมีนาคม ประกาศใช้ผังเมืองฉบับใหม่ของระยองและชลบุรี
  • 2560 คสช. ออกคำสั่ง ม.44 เรื่อง ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ล้มผังเมืองที่เพิ่งประกาศ

ล้างไพ่ใหม่ด้วยม.44

คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 47/2560 ที่ประกาศออกมาเมื่อ 25 ต.ค. เรื่อง มิให้นำกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองมาใช้บังคับ และให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินในพื้นที่แถบนี้เสียใหม่ก็เท่ากับ "เป็นการล้างไพ่ใหม่หมด" ตามคำกล่าวของดร.สมนึก จงมีวศิน นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพภาคตะวันออก

ดร.สมนึกตั้งข้อสังเกตว่า คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม นั่นคือ ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เพียงเพื่อต้องการผลักดันให้โครงการในพื้นที่อีอีซีผ่านโดยเร็ว โดยไม่ได้คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนและไม่ได้คำนึงถึงกฎหมายที่มีบังคับใช้อยู่

"ทำไม คสช. ไม่ออกมาบอกว่าให้ใช้ผังเมืองเดิมไปก่อน เขาสั่งยกเลิกไปเพื่อให้กิจการต่างๆ สามารถมายื่นขอในช่วงที่ยกเลิกไปได้.....คุณหักหลักการของการมีส่วนร่วมประชาชนทิ้งไปเลย" เขากล่าว

ดร.สมนึกกล่าวว่ามีโอกาสสูงที่ คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) จะพิจารณาอนุมัติโครงการต่างๆ เพราะไม่มีผังเมืองรวมควบคุมแล้ว เช่น โครงการถมทะเลมาบตาพุดเฟส 3 มีการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสร็จแล้ว แต่ คชก. ยังไม่อนุมัติเนื่องจากอาจติดเรื่องผังเมือง


GETTY IMAGES
ชุมชนที่อยู่ที่กับโรงงานอุตสาหกรรมมักได้รับผลกระทบจากภาวะมลพิษอยู่เสมอ


"มันมีโครงการอื่น ๆ อีกเยอะที่อาจทับที่ป่า หรือที่ ๆ เขาบอกเราไม่ได้ เช่น ป่าอนุรักษ์ หรือที่อนุรักษ์สำหรับการเกษตร เพราะถ้าบอกไว้ก่อน เดี๋ยวประชาชนประท้วง และราคาที่ดินจะขึ้น แต่ในช่วงสูญญากาศเขาจะจิ้มเป้าว่าจุดไหนบ้างเป็นอะไรบ้าง" ดร.สมนึกกล่าว

นักธุรกิจขานรับกับการล้มผังเมือง


นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลมีนโยบายเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อมาศึกษาแล้วบางคนมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องผังเมืองและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เช่น ผังเมืองเดิมที่กำหนดไว้ ทำให้บางส่วนที่ต่อขยายทับพื้นที่ที่ไม่สามารถขยายได้ ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าเมื่อมาลงทุนแล้วจะติดปัญหาเหล่านี้

"การที่ คสช. ใช้มาตรการตรงนี้ปลดล็อค จะสร้างความมั่นใจนักลงทุนไทยและต่างประเทศ" นายเกรียงไกรกล่าวกับบีบีซีไทย

ทั้งนี้ อีอีซีเป็นนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในการสร้างศูนย์กลางการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษใน จ.ฉะเชิงเทรา ระยอง และชลบุรี โดยรองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง

นายเกรียงไกรกล่าวว่า มีนักลงทุนจำนวนมากจากหลายประเทศติดต่อผ่านสภาอุตสาหกรรมฯ ให้ช่วยจับคู่ทางธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจไทยด้วย เนื่องจากใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายไหม่ ไทยยังไม่มีเทคโนโลยี



อีอีซี: พรบ.อีอีซีกำลังจะตามมา


ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) กล่าวกับบีบีซีไทยว่าผังเมืออย่างเดียวงไม่ได้ดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเท่าไรนัก สิ่งที่นักลงทุนรายใหญ่ต้องการเห็นก็คือพระราชบัญญัติการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เพราะเป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่าแม้จะเปลี่ยนรัฐบาลในอนาคตแต่อีอีซียังคงอยู่ต่อไป

"คิดว่าภายในเดือนธันวาคมนี้จะออกมาเป็นกฎหมายได้" ดร.คณิศกล่าว และเสริมว่ารัฐบาลคาดว่าการลงทุนน่าจะเริ่มเข้ามาในปลายปี 2560 หรือต้นปีหน้า "น่าจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนเข้ามาได้ถึงห้าแสนล้านบาทในช่วงห้าปีข้างหน้า

ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อม ดร.คณิศชี้แจงว่าอุตสาหกรรมในอีอีซีจะไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเหมือนอุตสาหกรรมที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมไฮเทค เช่น การซ่อมแซมอากาศยาน อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ฯลฯ

"เราเชื่อว่าอีอีซีไม่ได้ทำให้สิ่งแวดล้อมเลวลงแน่นอน ที่สำคัญเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน"

อย่างไรก็ตามเฉลิมพรไม่ได้เห็นด้วยกับแนวคิดนี้เลย เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาไม่วางใจ เขาบอกว่าชาวบ้านมาบตาพุดก็ต้องสู้ต่อไปกับภาวะมลพิษกันต่อ

"ไม่รู้ต้องติดคุกกันก่อนหรือเปล่านะ แต่เราต้องหาทางคัดค้านคำสั่งให้ได้"

การใช้อำนาจปืนปูทางให้กลุ่มทุน บนความหายนะของประชาชน ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ20ปีที่จะเป็นการสืบทอดอำนาจของทหาร






ที่มา FB

ประสิทธิ์ชัย หนูนวล

ก่อนงานพระราชพิธีผมเขียนว่าจับตา คสช.จะใช้จังหวะนี้ผ่านกฎหมายสำคัญเอื้อกลุ่มทุน และมันก็เป็นจริง

พวกเขาจะใช้อำนาจปืน
ประเคนทรัพยากรของประชาชนสู่มือทุนครั้งสำคัญ

๓ปีที่เข้ามามีอำนาจนั้นประเทศสูญเสียอย่างหนัก เพราะมันเป็นการสูญเสียที่ยาวนาน ภายใต้การออกกฎหมายบังคับ
.............................

การใช้ ม.๔๔ ยกเลิกการบังคับใช้กฎหมายผังเมืองใน๓จังหวัดของตะวันออก เพื่อให้เขตเศรษฐกิจพิเศษที่กลุ่มทุนไม่กี่ตระกูลจะได้รับประโยชน์สามารถเดินหน้าได้อย่างไม่ติดขัด

มันคือการทำลายกติกาการพัฒนาประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้มันไม่เท่าเทียม การมีกฎหมายผังเมืองเป็นเครื่องมือสำคัญของการถ่วงดุล แม้ว่าประชาชนจะชนะยากก็ตามเพราะอำนาจในการอนุมัติอยู่ในมือราชการ แต่กระนั้นมันก็ยังมีช่องทางให้ประชาชนร่วมกำหนดอนาคตการพัฒนาของตนเองได้อยู่บ้าง การกระทำของ คสช.คือการทำลายกติกาสากลว่าด้วยการพัฒนา
.........................

ก่อนหน้านี้พวกเขาคือผู้รับใช้อันซื่อสัตย์ออกมาตรา ๔๔ ยกเลิกผังเมืองทั้งประเทศมาแล้วให้บางกิจการไม่ต้องอยู่ในกรอบผังเมือง การกระทำอันเลวร้ายเช่นนี้จะนำไปสู่การทำลายทรัพยากรสาธารณะที่ประชาชนใช้ร่วมกัน

ความยากจนค้นแค้นจะเพิ่มสูงขึ้นในหมู่ประชาชน ตราบเท่าที่ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ ที่ดิน ทะเล น้ำ กลายเป็นการหยิบยื่นให้กลุ่มทุน เพราะประชาชนใช้สิ่งเหล่านี้เป็นฐานชีวิตและเศรษฐกิจ

การเติบโตของจีดีพีนั้น คือการรวยของคนไม่กี่ตระกูล โดยไม่เกี่ยวข้องอันใดกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทั้งประเทศ การที่รัฐบาลทหารเข้ามานั้น ชัดเจนแล้วว่ามาเพื่อการนี้
........................

มีใครเชื่อบ้างว่า ๓ ปีแห่งการครองอำนาจนั้น ทหารระดับนายพลทั้งที่อยู่ในรัฐบาลและนอก ครม. ไม่ได้ร่ำรวยขึ้นจากการทำงานครั้งนี้
......................

วิบากกรรมของประเทศนี้จะยาวนานจากฝีมือของทหาร
พวกเขาไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องประเทศ
หากแต่ใช้อำนาจปืนปูทางให้กลุ่มทุน
บนความหายนะของประชาชน

(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=506234293102740&set=a.164562950603211.1073741827.100011485222183&type=3&theater)

...




กฎหมายผังเมืองนั้นสำคัญอย่างไร
จึงเป็นหนามตำตา คสช. และต้องใช้ม.๔๔ ฆ่าทิ้งมาแล้ว ๒ รอบ



ผังเมืองเป็นกรอบการพัฒนาของแต่ละจังหวัดว่าพื้นที่ไหนต้องอนุรักษ์ พื้นที่ไหนทำเกษตร พื้นที่ไหนทำอุตสาหกรรม พื้นที่ไหนสำหรับที่อยู่อาศัย พื้นที่ไหนสร้างตึกสูงไม่ได้ เป็นต้น มันจึงเป็นเครื่องมือแห่งการกำหนดทิศทางการพัฒนา ไม่เปิดโอกาสให้มือใครยาวสาวได้สาวเอา แน่นอน ขั้นตอนการทำผังเมืองที่ผ่านมามีข้อบกพร่อง แต่มันคือเครื่องมือที่ยังเปิดโอกาสให้คนแต่ละจังหวัดมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตการพัฒนาของแต่ละจังหวัด



กฎหมายผังเมืองนั้นกลายเป็นหนามตำตาของ คสช. ที่จะประเคนแผ่นดินและทรัพยากรให้กับกลุ่มทุน เพราะพื้นที่อนุรักษ์จะเอาไปทำลายเป็นอุตสาหกรรมนั้นไม่ได้ จึงต้องใช้ ม.๔๔ ฆ่าทิ้ง ตัวอย่างของจังหวัดกระบี่ที่กฎหมายผังเมืองไม่สามารถสร้างท่าเรือ รฟฟ.ถ่านหินได้ในพื้นที่อนุรักษ์ คสช.ออกกฎหมาย ม.๔๔ ฆ่าทิ้งมาแล้ว การที่จะทำลายแบบแผนการพัฒนาที่มีแนวโน้มว่าจะสร้างความสมดุลของทุกภาคส่วนได้นั้น ก็ต้องทำลายกฎหมายผังเมืองทิ้งไปก่อน และนี่คือ เส้นทางที่ คสช.เลือก



หาก คสช. เจตนาดีต่อประเทศชาติจริงจะต้องกลั่นกรองการพัฒนาอย่างรอบคอบ พื้นฐานที่สุดคือ ต้องทำตามกฎหมายว่าด้วย ผังเมืองและรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่ คสช.เลือกที่จะทำลายกติกาพื้นฐานทิ้ง และใช้อำนาจที่มีล้นฟ้าของตัวเอง สั่งให้ทำอะไรก็ได้ การพูดถึงศาสตร์พระราชา ศก.พอเพียง จึงกลายเป็นเพียงฉากหน้าเพื่อกระทำการอันเลวร้ายเท่านั้นเอง



การทำลายนิติธรรมแห่งการพัฒนาไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรก แต่ คสช.ทำมาตลอดตั้งแต่การเริ่มต้นรัฐประหาร เพื่อเอื้ออำนวยให้กลุ่มทุนควบคุมประชาชนผ่านนโยบายและกฎหมาย เฉพาะกฎหมายผังเมืองนั้น ออกม.๔๔ ทำลายมาแล้ว๒รอบ รอบแรกนั้นมีผลทั้งประเทศในหลายกิจการ รอบนี้มีผลต่อเขต ศก.พิเศษตะวันนอก รอบต่อไปจงเตรียมตัว



ประเทศนี้จะไม่มีกฎหมายให้ใช้อีกต่อไป
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกระบอกปืนของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=506686686390834&set=a.164562950603211.1073741827.100011485222183&type=3&theater)

...

การสถาปนารัฐใหม่ในประเทศไทยเกิดขึ้นแล้ว
ไม่ใช่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้
แต่คือ ๓ จังหวัดภาคตะวันออก

ผมนั่งอ่าน คำสั่ง คสช.๒ ฉบับ เอกสารเผยแพร่ อีอีซี
รวมถึงร่าง พรบ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ

ยอมรับว่าขมขื่น

การสถาปนารัฐใหม่นั้น เกิดขึ้นบนการเอื้อให้กลุ่มทุนบางส่วนทั้งไทยและต่างชาติได้รับอภิสิทธิ์ทุกชนิด อย่างที่คนไทยทั่วไปไม่ได้รับ มันเป็นการเขียนกฎหมายเพื่อสร้างรัฐใหม่ขึ้นมา ไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมายใดที่ใช้บังคับกับประชาชนทั่วไป

การสถาปนารัฐใหม่ภายใต้การเอื้ออำนวยทางเศรษฐกิจ บนข้ออ้างว่าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาตินั้น จะนำมาซึ่งผลร้ายอีกหลายประการต่อประเทศ

ที่เรารับรู้กันว่า การให้ต่างชาติเช่าที่ดินเป็นเวลา ๙๙ ปีนั้น เป็นความเลวร้าย ผมจะบอกว่ามันคือความเลวร้ายเพียง ๑ ใน ๑๐๐ ของการสถาปนารัฐใหม่ทางเศรษฐกิจครั้งนี้

เราเดินทางมาถึงขั้นนี้กันแล้ว
ขั้นของการสถาปนารัฐใหม่ทางเศรษฐกิจ
อยู่เหนืออำนาจทางกฎหมายทั้งปวงที่ประชาชนต้องปฏิบัติ
เราทำเช่นนี้เพื่อใคร!

ผมจะทยอยเขียนออกมาว่า ความเลวร้ายแต่ละประเด็นนั้นเป็นอย่างไร
เพื่อการพิจารณาของสังคมต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้

...




นอกจากการทำลายนิติธรรมแห่งการพัฒนาในอีอีซีแล้วมีอีก2 สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำการรับใช้ให้สำเร็จ

1.การนำน้ำซึ่งเป็นสมบัติสาธารณะที่ประชาชนใช้ร่วมกันมาสู่การจัดการของรัฐหรือเอกชนเพื่อไปรับใช้อุตสาหกรรม

2.การจัดการพันธุ์พืช เมล็ดพันธุ์ เพื่อควบคุมอิสระภาพทางอาหารของประชาชน

ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ20ปีที่จะเป็นการสืบทอดอำนาจของทหาร จะต้องควบคุมสิ่งหนึ่งให้ได้ นั่นคือ 'ทรัพยากรธรรมชาติ' ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน

...

การสถาปนารัฐใหม่ทางเศรษฐกิจ (1)

............................

นอกจากผังเมืองที่ถูกยกเลิกในเขต ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา แล้ว การเขียนผังเมืองใหม่จะเป็นไปตามการกำหนดของกรรมการนโยบาย อีอีซี และให้ จนท.ของ สนง. เขต ศก.อีอีซี เป็นเสมือนเจ้าหน้าที่ผังเมือง จะเขียนผังแบบไหนก็ตามใจกรรมการนโยบายของ อีอีซี

การดำเนินการอื่นใดที่จะสนับสนุนให้เกิดการทำงานใน อีอีซี สามารถกระทำได้ทั้งหมด แม้ว่าการดำเนินการนั้นจะอยู่ในอำนาจของกฎหมายฉบับใด หรือหน่วยงานไหนก็ตาม แต่เมื่อ อีอีซี ต้องการก็สามารถดำเนินการได้ โดยเพียงแจ้งให้ทราบเท่านั้น ตลอดจนหน่วยงานรัฐเหล่านั้นจะต้องทำหน้าที่หนุนความต้องการของ อีอีซี ด้วย

มากกว่านั้นก็คือ การดำเนินการใดสามารถให้เอกชนดำเนินการได้ด้วย เพียงแค่ได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานที่กรรมการ อีอีซี มอบหมายเท่านั้นก็เพียงพอ เอกชนนั้นก็สามารถดำเนินการใดก็ได้ แม้จะเขียนว่าให้หน่วยงานกำกับแต่ในโลกความเป็นจริงเขียนหมวดนี้ไว้เพื่ออะไร เดากันไม่ยากหรอก
...........................

หากการดำเนินการนั้นกระทบต่อสิทธิของประชาชน
ล่วงล้ำสิทธิด้านการใช้ทรัพยากรที่ดิน น้ำ ทะเล ป่าไม้
หน่วยงานทั้งหลายจะถูกกำหนดให้สนับสนุน อีอีซี
มันคือการให้ดาบอาญาสิทธิ์ อีอีซี จะเอาไปเชือดใครก็ได้
โดยที่กฎหมายและหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจเดิม ต้องสนับสนุน
...........................

เราทำเรื่องเช่นนี้ไปเพื่อใคร ?
เขต ศก.พิเศษ ต้องเป็นการส่งเสริมความสามารถพิเศษของพื้นที่ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์ ไม่ใช่ทำให้คนไทยเป็นเพียงแรงงานของทุนต่างชาติ


ประสิทธิ์ชัย หนูนวล

วันจันทร์, ตุลาคม 30, 2560

‘ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง’ เกือบทั้งนั้น รัฐบาล คสช.

คุยคำโตอย่างเคย แต่น้ำเสียงเปลี่ยนไปหน่อย ไม่ทับถมรัฐบาลที่แล้วเหมือนเก่า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพอใจสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ที่ดีขึ้นนับตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามาบริหารประเทศเมื่อปี ๒๕๕๗

เพราะความจริงประเทศไทยมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว นักลงทุนมีความเชื่อมั่น ขอเพียงทุกฝ่ายหันมาร่วมมือกัน”

คงหมายความว่าปล่อย คสช. ทำตามใจต่อไปอีกก็แล้วกัน งั้นเหรอ “และย้ำว่าไม่ใช่เพียงการประกาศให้มีการเลือกตั้งเท่านั้นที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัว” อ้อ ตรงนี้นี่เอง บอกให้อย่าเร่งเลือกตั้งนักสิ

มิน่าวันนี้ นักข่าวเจอบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พยายามจี้ถามเมื่อไหร่จะปลดล้อคพรรคการเมืองเสียที ทั่นเมิน ทำไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้น

อ้างว่าเศรษฐกิจดีแล้ว “ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ ๘๖.๗ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก ๘๕.๐ ในเดือน ส.ค. และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือนที่สองติดต่อกัน”

แถมตัวเลขงามเริด “การส่งออกของไทยในเดือน ก.ย. ๖๐ มีมูลค่าถึง ๒.๑๘ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๒๒ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๗ ติดต่อกัน”

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นคนรายงานแทนประยุทธ์ โดยนำเรื่องส่งออกข้าวมาอวด “ยอดการส่งออกตลอด ๙ เดือนที่ผ่านมา ๘.๙๗ ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๕.๒๘ และคาดว่าสิ้นปีนี้อาจส่งออกข้าวได้สูงสุดใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ ๑๑ ล้านตัน”


ไม่เท่านั้น โฆษกกระทรวงการคลังคุยบ้าง ฐานะการคลังยังแข็ง มีเงินคงคลังอยู่ในระดับเกิน ๕ แสนล้าน (๕๒๓,๗๕๘ ล้านบาท) ทั้งนี้เพราะรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล มาเป็นจำนวน ๕๒๒,๙๒๒ ล้านบาท
 
นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อ้างว่าวิธีการเช่นนี้เป็นหลักการบริหารการคลังตามปกติ เพื่อให้รัฐบาลมีเงินคงคลังไว้เป็นหลักประกันสำหรับการจับจ่ายในต้นปีที่จะมาถึง

ทำไงได้ ปีนี้รัฐบาลหาเงินเข้าคลังได้น้อยกว่าที่ คสช. จับจ่ายช้อปปิ้งถึง ๕ แสนกว่าล้านบาท (๒,๘๙๐,๕๔๕ - ๒,๓๔๘,๘๐๕ = ๕๔๑,๗๔๐ ล้านบาท) จะปล่อยให้เงินคงคลังติดลบได้ไง ต้องกู้มาอุดไว้ก่อน ไม่ต้องห่วงคลังมีวิธีหาเงินมาอุดเงินกู้อีกต่อหนึ่งไว้แล้ว

โฆษกคลังเผยไต๋ว่ากำลังจัดทำกฎหมายเกี่ยวกับการเงินการคลังฉบับใหม่ เพื่อจะล้วงเงินฝากในบัญชีธนาคารที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน ๑๐ ปีขึ้นไป

โดยจะนำเงินมาพักไว้ในคงคลัง ไม่ได้นำเงินไปใช้อย่างอื่น เพราะเป็นเงินฝากของประชาชน เมื่อเจ้าของบัญชีมีหลักฐานมาขอคืนเงิน ก็จะส่งมอบคืนให้ ปัจจุบันมีบัญชีเงินฝากที่ไม่เคลื่อนไหวในระดับหมื่นล้านบาท”

วิธีการก็คือ พวกบัญชีเงินฝากที่แช่นิ่งไม่ขยับเหล่านั้น เมื่อครบ ๑๐ จะได้รับการแจ้งเตือนให้ไปจัดการทำธุรกรรมฝาก ถอน โอน อย่างใดอย่างหนึ่งภายใน ๓ เดือนก่อนสิ้นปี เตือนแล้วยังนิ่งก็จะถูกโอนเข้าคลัง


ทำอย่างนี้คลังจะมีเงินสำรองอีกจำนวนหนึ่งที่ช่วยแก้ไขภาวะเงินคงคลังขาดดุลได้ ไม่ต้องไปกู้มาปะหรือกู้แต่น้อย ถึงต้นปีอยากจับจ่ายอะไรก็ทำได้สะดวกโยธิน

อย่างน้อยๆ ก็มั่นใจได้ว่ารายการตั้งรองเลขาธิการและที่ปรึกษาประจำตัวบรรดาสมาชิกคณะยึดอำนาจหมาดๆ อีก ๓๔ คน อัตราคนละ ๔ ซ้า ๕ หมื่นบาทต่อเดือนมีเงินคงคลังจ่ายได้อย่างคล่องแคล่ว


มือวางร่างกฎหมายอันดับหนึ่งของ คสช. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ก็ไม่ต้องมาตอบคำถามสังคมว่าไฉนต้องตั้งลูกสาวให้มานั่งเป็นเลขาฯ กินเงินเดือนเกือบ ๕ หมื่นมาตั้งแต่ปี ๕๗

แม้นว่าคำตอบไม่พ้นแบบด้านด้านขวานผ่าซากว่า ยุค คสช. เขาก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้น ระเบียบกฎหมายดั้งเดิมเป็นอย่างไรไม่มีความหมาย รัฐธรรมนูญเขายังฉีกทิ้งแล้วร่างใหม่อย่างสมใจนึกเลย นับประสาอะไรกับกฎหมายย่อยๆ
กรณีที่หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจวิเศษ ม.๔๔ ออกคำสั่งที่ ๔๗ งดใช้ระเบียบผังเมือง ๓ จังหวัดบนระเบียงตะวันออก เพื่อที่จะทำการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุดโดยไม่ต้องสำรวจสภาพแวดล้อม ไม่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อพืชผลเกษตรกรรมและธรรมชาติ

มิใยที่มีการคัดค้านโดยกลุ่มคนท้องที่ (ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง) ซึ่งรวมตัวกันเป็นองค์กรตรวจสอบ (EEC Watch) เรียกร้องให้ชาวบ้านได้เข้าไปมีส่วนร่วมกำหนดแนวทาง และระมัดระวังไม่ให้การก่อสร้างทางอุตสาหกรรมลุกล้ำสัดส่วนอันควรมีของด้านเกษตรกรรม


วีธีการบิดเบือน เจ้าเล่ห์ และฉ้อฉลเหล่านี้มันเข้าทาง ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองเกือบทั้งนั้น แม้กระทั่งปัญหาน้ำ นี่ถ้าฝนหนักและเนิ่นกว่านี้อีกนิดจนล้นแก้มลิงละก็ คงได้เห็นน้ำท่วมวัดพระแก้วกันจริงๆ

ภาพที่สลิ่มห้ามพลาด...




ภาพจาก FB Apirux Wanasathop


26 October, 2017- His Majesty The King and Her Majesty The Gyaltsuen offered last respects to His Late Majesty King Bhumibol of Thailand, during the Royal Cremation Ceremony at Sanam Luang in Bangkok.

His Majesty conveyed messages of condolence to His Majesty King Maha Vajiralongkorn of Thailand, on behalf of the people of Bhutan.




ภาพที่ 2 จาก FB 


ที่นี่ บริษัท ประเทศไทย จำกัด เหรอ?





BRIEF: มีชัยตั้งลูกสาวเป็นเลขาฯ รับเงินเดือนครึ่งแสน ไม่ผิดมาตรฐานจริยธรรมและกฎหมายสี่ชั่วโคตร?
.
หนึ่งในข่าวการเมืองของไทยที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ คือกรณีที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะสมาชิก คสช. ตั้งลูกสาว ‘มยุระ ช่วงโชติ’ มาเป็นรองเลขาธิการประจำผู้ดำรงตำแหน่งใน คสช. (พูดง่ายๆ คือเลขาฯประจำตัว) กินเงินเดือน 47,500 บาท
.
ใครเป็นคอการเมืองน่าจะย้อนระลึกได้ว่า ราวสิบปีก่อนข้อกล่าวหาที่ใช้วิจารณ์ฝ่ายการเมืองอยู่เป็นประจำ คือเรื่อง ‘สภาผัว-สภาเมีย’ หรือการตั้งเครือญาติมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรับเงินเดือนจากภาษีประชาชน ทั้งๆ ที่เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีกฎหมายห้ามแต่อย่างใด และเรื่องนี้ก็ทำต่อเนื่องกันมา ไม่ว่าจะในรัฐบาลพลเรือนหรือรัฐบาลทหาร จนช่วงต้นปี 2558 ในรัฐบาล คสช.นี้เอง ก็เคยมีเสียงวิจารณ์ สนช. และ สปช. ตั้งเครือญาติมาเป็นเลขาฯ ที่ปรึกษา คณะทำงาน นับร้อยคน กระทั่งถูกสังคมวิจารณ์ หลายคนถึงได้ทยอยลาออก โดยสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. ระบุว่า “เป็นการวางบรรทัดฐานใหม่..เป็นเรื่องของความเหมาะสม”
.
และทั้งๆ ที่การตั้งลูกสาวมาเป็นเลขาฯของมีชัย ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะทำมาตั้งแต่กลางปี 2557 แล้ว แต่เหตุที่เรื่องนี้กลายเป็นข่าว อาจเพราะอยู่ในจังหวะที่กำลังมีการพิจารณา ‘มาตรฐานทางจริยธรรม’ https://goo.gl/tg6fBG ซึ่งจะออกมาบังคับใช้กับศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระและนักการเมือง และ ‘กฎหมายสี่ชั่วโคตร’ https://goo.gl/Bkfi4K ที่จะออกมาเพื่อสกัดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
.
แต่ถามว่า การตั้งญาติมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีความผิดหรือไม่ หากพิจารณาจากเนื้อหาของร่างกฎหมายทั้งสองฉบับ – คำตอบก็คือ “ไม่” เพราะไม่มีตรงไหนกำหนดตรงๆ ว่าห้ามตั้งเครือญาติ (มีแต่ห้ามใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้เครือญาติ)
.
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ คนไทยส่วนใหญ่คิดอย่างไรกับเรื่องนี้? ถ้าทุกคนเห็นด้วย ก็แปลว่าหลังเลือกตั้งก็จะเห็นด้วยกับการที่นักการเมืองจะตั้งเครือญาติมาช่วยงานด้วยใช่หรือไม่? (และถ้าไม่เห็นด้วย ก็จะไม่เห็นด้วยไปตลอดหรือเปล่า) หรือถ้าบอกว่าให้นำ 'ความรู้ความสามารถ' มาประกอบด้วย คำถามที่ชวนคิดก็คือ แล้วทุกคนรู้จักมยุระ ช่วงโชติ แค่ไหน มีความเหมาะสมเพียงใดในการเข้ามาดำรงตำแหน่ง ที่มีเงินเดือนกว่าครึ่งแสนบาท
.
[ The MATTER เคยทำข้อมูลเรื่อง 'เครือข่ายอำนาจยุค คสช.' อยากรู้ว่ามีใครอยู่ในเครือข่ายนี้ มีแต่ทหารกับข้าราชการหรือเปล่า มีคนหน้าซ้ำๆ มากน้อยแค่ไหน ย้อนกลับไปอ่านกันได้ https://thematter.co/pulse/ncpo-network/36795 ]
.
.
ดูคำสั่ง คสช. ตั้งลูกสาวมีชัย เป็นเลขาฯมีชัย ตั้งแต่ปี 2557 – ล่าสุด

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/E/251/11.PDF (ปี 2557)

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/E/289/32.PDF (ปี 2558)

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/244/53.PDF (ปี 2559)

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/E/261/21.PDF (ปี 2560)
.
ข้อมูลส่วนอื่นๆ อ้างอิงจาก

https://www.facebook.com/iLawClub/photos/a.10150540436460551.646424.299528675550/10159585777400551

https://www.isranews.org/isranews-scoop/37313-sapa_916.html

https://www.isranews.org/isranews-news/36929-ืnews03_36929.html
.
ที่มาภาพประกอบ

https://www.thairath.co.th/media/mSQWlZdCq5b6ZLkt6GNqLl2nmbLZeTYA.jpg




The MATTER

...




ปู่ชัยเคยตำหนิและคัดค้านรัฐบาลก่อน เรื่องการให้เครือญาติ มารับตำแหน่ง เป็นสมาชิกวุฒิฯ เข้าทำนองสภาผัว-เมียและลูก

แต่มาวันนี้ ตัวเองกลับตั้งลูกสาว มาเป็นรองเลขาฯ กินเงินภาษีปชช.เกือบครึ่งแสนต่อเดือน เข้าทำนอง

ว่าแต่เขา อิเหนาทำเอง
.....................
แฉ "ลูกสาวมีชัย"โผล่นั่งตำแหน่งรองเลขาฯพ่อ
https://www.dailynews.co.th/politics/606892
.....................
"มีชัย" ลั่น !! สั่งห้ามเด็ดขาด "สภาผัว-เมีย" - หวั่นตกอยู่ภายใต้อาณัติพรรคการเมือง
http://www.tnews.co.th/contents/175848



Cherry Caviara

มารู้จัก "James Bond 007" สายข่าวความมั่นคงของ กอ.รมน.เมืองไทย





ISOC 007.....สายข่าวความมั่นคง กอ.รมน......" James Bond 007"เมืองไทย

นี่ล่ะ...เจมส์บอนด์ ของ กอ.รมน......... "เสธ.ปู้"พ.อ.ปริทัศน์ ตรีกาลนนท์ ผอ.ส่วนประสานงานข่าวร่วม สำนักการข่าว กอ.รมน.ซึ่งรับผิดชอบ กำกับดูแล งานข่าว และสร้างเครือข่ายข่าวประชาชน ของ กอ.รมน. หรือ ISOC 007 สายข่าวความมั่นคง

ดีกรีไม่ธรรมดา เป็น ตท.27 จบจาก รร.นายร้อยเยอรมัน เหล่าทหารม้า และเป็น อดีต ผู้ช่วยทูตทหารบก ไทย/ เบอร์ลิน

ล่าสุด ได้แสดงผลงานในการตรวจสอบเรื่องภาพข่าว ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ที่มีการแชร์กันในโซเชียลมีเดีย อย่างแพร่หลาย ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9
เช่น นำภาพพระราชพิธีเก็บพระอัฐิในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2558 มาแอบอ้าง หรือคลิปที่อ้างว่าเป็นพิธีลักพระศพ ซึ่งแท้ที่จริงคือ พระยานมาศสามลำคาน เป็นต้น

เพื่อให้ประชาชนหยุดเข้าใจผิดและหยุดแชร์ในสิ่งที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง

"สำนักการข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)"หรือเครือข่ายข่าว กอ.รมน.ที่มี ประชาชน ทั่วประเทศ ที่เป็นเครือข่ายมวลชน ของกอ.รมน. ที่ได้รับการฝึกอบรมเรื่องการ สังเกตุ การหาข่าว แจ้งข่าวสาร เพื่อดูแลความปลอดภัยให้ชุมชน มาตั้งแต่ปี2559

โดยข้อมูลข่าวและผู้แจ้งจะถูกปกปิดเป็นความลับ ทั้งเรื่องหมิ่นสถาบัน ฯ ผู้ค้ายาเสพติด , การก่อการร้าย,เหตุความไม่สงบ, ผู้มีอิทธิพล บ่อนการพนัน, ป่าไม้,ทรัพยากรธรรมชาติ, ค้ามนุษย์,ลักลอบเข้าเมือง

แต่ต่อมา ได้มาสนับสนุนงานด้านการข่าวสำหรับ งานพระราชพิธีฯ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

และเป็นการป้องปรามมิให้กลุ่มบ่อนทำลาย ต่อต้านสถาบันฯ ไม่ให้ ดำเนินการใดๆ อันไม่พึงประสงค์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ

ส่วนข่าว .กอ.รมน.ที่มีภารกิจกำกับดูแลงานข่าวภาคประชาชน จึงเข้ามารับผิดชอบ และได้กำหนดแนวทางบูรณาการงานข่าวของเครือข่ายข่าวประชาชน สนับสนุนการจัดพระราชพิธีฯ เพื่อเป็นข่ายงานข่าวเสริม ให้กับข่ายงานข่าวหลัก

โดยมีการจัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์เครือข่ายข่าวประชาชน โดยมี ส่วนประสานงานข่าวร่วมฯ(ปขร.สขว.กอ.รมน.) รับผิดชอบ อำนวยการ ประสานงาน กำกับดูแล การปฏิบัติงานของเครือข่ายข่าวประชาชน สนับสนุนการจัดงานพระราชพิธีฯ เป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่างมีระบบ

โดยใช้ ห้องประชุม ปขร.สขว.กอ.รมน. (วังรัตนาภา) บ้านเลขที่ ๙๖ (๒๓๐) ถ.เศรษฐศิริ แขวงตำบลถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. เป็นที่ อำนวยการ ประสานงาน กำกับดูแล

ทั้งนี้ได้จัดทำแนวทางบูรณาการเครือข่ายข่าวประชาชน ให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายมวลชนสามารถยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติงานร่วมกันได้

โดย ที่ผ่านมา ได้ กำหนดการปฏิบัติเป็น 2ห้วง คือ

ห้วงการเตรียมการ ก่อน 23 ต.ค.2560 โดย สขว.กอ.รมน. ดำเนินการประชุมเครือข่ายข่าวประชาชนเตรียมความพร้อมโดยชี้แจงให้ทราบถึงงานที่จะได้รับมอบหมายและซักซ้อมความเข้าใจต่อกิจต่างๆ ที่ต้องดำเนินการ รวมทั้ง จัดตั้ง/ทดสอบช่องทางการติดต่อสื่อสาร และประสานเตรียมการปฏิบัติกับหน่วยที่มีมวลชนที่ได้เคยร่วมปฏิบัติงานข่าว และการรักษาความปลอดภัยร่วมกันมาในกิจกรรมต่างๆ เช่น จาก สมท.กอ.รมน. กทม.และ เครือข่ายข่ายข่าวประชาชนของ สขว.กอ.รมน. เช่น กลุ่ม 007 สายข่าวความมั่นคง, กลุ่มราชสีห์ , กลุ่มจิตอาสา กทม., กลุ่มอาสากู้ภัยวชิระพยาบาล เป็นต้น

รวมถึงกับหน่วยปฏิบัติที่สามารถใช้ประโยชน์จากข่าวสาร ได้แก่ กองกำลัง รส.ที่ปฏิบัติงานดูแลโดยรอบเมรุมาศจำลองทั้ง 9จุดของ กทม.และที่แต่ละจังหวัดจัดสร้างขึ้น

ห้วงที่ 2 ดำเนินการเฝ้าระวังและรายงานข่าวสาร (ระหว่าง 24-29ต.ค.2560 หรือจนจบภารกิจ

ทั้งนี้ กำลังพลที่ปฏิบัติงานที่ศูนย์ติดตามสถานการณ์เครือข่ายข่าวประชาชน ประกอบด้วยผู้แทนผู้แทนเครือข่ายข่าวประชาชน ของ สขว.ฯ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง

โดยดำเนินการ ติดตาม ตรวจสอบ รวบรวม และรายงานข่าวสารความเคลื่อนไหวของบุคคล /กลุ่มบุคคลที่เป็นภัยคุกคามความมั่นคง ในพื้นที่การจัดพระราชพิธี และสถานที่ตั้งพระเมรุมาศจำลอง 9จุด รวมถึงในพื้นที่ต่างจังหวัด

โดยตรวจสอบข่าวสารที่เกิดขึ้นและรับรายงานจากเครือข่ายข่าวประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ

สร้างและดำรงการติดต่อสื่อสาร ประสานความสัมพันธ์กับเครือข่ายข่าวภาคประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ และกับหน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่ เพื่อการกระจายข่าวสารให้กับหน่วยปฏิบัติใช้ประโยชน์ และดำเนินการระงับเหตุได้ทันเวลา

ประสานงานด้านการข่าวกับหน่วยงานราชการที่มีเครือข่ายข่าวประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ โดยมีระยะเวลาการปฎิบัติ ถึง 29 ต.ค.2560 หรือจนกว่าจบภารกิจ

ประชาชนสามารถ ติดตามข่าวสารความมั่นคง และแจ้งเบาะแส ได้ที่ ไลน์ ไอดี @ISOC หรือ 007 สายข่าวความมั่นคง



โพสท์นี้ไม่เหมาะกับพวกนิยมทรราช




ที่มา FB

Alongkorn Cheurkit added 3 new photos.
Yesterday at 10:54am ·


#โพสท์นี้ไม่เหมาะกับพวกนิยมทรราช

นายกฯพี่ฉุน พูดทุกวันว่า รัฐคุมระดับน้ำได้แน่นอน ไม่ท่วมอย่างข่าวลือในโซเชียลที่พยายามบิดเบือนซึ่งหวังดิสเครดิตรัฐบาล ..มึงมีเครดิตด้วยเหรอครับพี่ ??

17 จว.ที่ท่วมอยู่ตอนนี้ 30เซนต์ 50เซนต์ 1เมตร 2เมตร 3เมตร นั่นแหล่ะ 17จังหวัดนี้แหล่ะที่เชื่อข่าวสารของรัฐบาล เชือ่ฟังโดยเคร่งครัด และ17จังหวัดที่กำลังท่วมหนักถึงคอบ้าง กลางๆถึงกลางตัวบ้าง เบาๆแบบท่วมแต่ตาตุ่มบ้างอยู่ทั้งหลายนี่แหล่ะ ที่รัฐบาลและนายกฯพี่ฉุน #ไม่กล้าแม้นแต่จะพูดถึงว่าท่วมอยู่นะ ..ก็ไหนว่ามึงคุมระดับน้ำได้ คุมสถานการณ์ได้ไงครับพี่ ??

บางจังหวัด เพียงถ้าแค่เสริมแนวกั้นน้ำ เสริมกระสอบทรายบางจุดที่ล่อแหลมตามคุ้งน้ำ ตามที่ลุ่มต่ำ สถานการณ์จะไม่หนักเท่าตอนนี้เลย แต่ก็ไม่ทำกัน เพราะเชื่อรัฐบาลที่พยายามบอกว่าคุมสถานการณ์ได้ น้ำไม่มาก และจะไม่ท่วม แบบที่มีข่าวลือ ก็เลยไม่ได้สั่งเตรียมการณ์รับมืออะไร ผลสุดท้ายเป็นยังไง ??

คนเป็นผู้ว่าฯ เป็นนายอำเภอ เป็นจนท.ปกครองท้องถิ่น ท่านต้องรู้จักคิดนอกกรอบ ต้องรู้จักหาข่าวสารนอกระเบียบ นอกกรอบบ้างครับ น้ำในเขื่อนมีเท่าไร น้ำในแม่น้ำเยอะมั้ย ฝนยังมีอีกมั้ย ท่านต้องรู้วันต่อวันครับ ไม่ใช่นั่งอ่านแต่ข่าวสารใบบอกหรือสำเนาที่กรมอุตุฯส่งเวียนให้อ่าน ในนั้นเค้าบอกอะไรบ้างครับ ?? มันช่วยอะไรพื้นที่ที่ท่านปกครองอยู่ได้มั้ยครับ ??

ทุกๆท่านรู้มั้ยว่า รัฐบาลเค้าตั้งหน่วยงานน้ำขึ้นมาใหม่เพื่ออะไร ?? เด๋วไม่นานจากนี้เท่าไรนัก เมื่อน้ำเข้าสู่ภาวะปกติ ทุกๆท่านจะได้เห็น #การชงแดกงบ1แสนล้านบาทไทย ในไม่ช้านี้แหล่ะ นัยคือ #เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม

อ่านถึงตรงนี้แล้วทุกๆท่านพอนึกออกหรือยัง ทำไมรัฐบาลไม่ค่อยอยากให้ข่าวเรื่อง #น้ำท่วม ตรงนั้นตรงนี้ จังหวัดนั้นจังหวัดนี้ ปล่อยให้โซเชียลมันเขียนกันไปลือกันไป โพสท์กันไป เด๋วพอสถานการณ์คลี่คลาย รัฐจะชี้ให้ประชาชนเห็นความจำเป็นของ #โปรเจคป้องกันน้ำท่วมมูลค่า1แสนล้าน นี่เองแหล่ะ ว่าพื้นที่ที่น้ำท่วม นั่นคือเหนือบ่ากว่าแรงที่รัฐจะคุมไหวหรือคุมได้ จำเป็นต้องแก้ไข..เพื่อไม่ให้ท่วมอีกวันหน้า ..

ถ้าน้ำไม่ท่วมเลย และไม่หนักเลย ไม่เยอะเลย ทุกๆท่านว่าผู้คนจะเห็นด้วยมั้ย และจะสมเหตุสมผลมั้ยครับในการชงงบประมาณเพื่อป้องกันหรือแกไขน้ำท่วมซ้ำซากนี้ ??

พวกพี่จะทำไรกัน ผมรู้ทันทั้งนั้นแล่ะครับ อยู่ที่ว่าผมจะพูดหรือไม่ก็เท่านั้นแหล่ะ นี่พี่หลายคนเค้าก็พยายามห้ามไม่ให้ผมพูดเรื่องนี้นะ แต่ผมก็เสือกดื้อด้านไม่เชื่อเค้า สมควรโดนตีนจริงๆ 🙄

น้ำมะหน้าอย่างพวกพี่เนี่ยเหรอครับ ที่จะมีสามารถคิดแก้ไขปัญหาพวกนี้ได้ตั้งแต่รากเหง้าจนถึงผลได้สำเร็จ ทุกวันนี้ผมยังคิดอยู่ทุกวันเลยนะครับว่า พวกพี่ๆทำอะไรกันเป็นมั่ง ?? ผมคิดทุกวัน คิดมา3ปีแล้ว ยังคิดไม่ออกเลยครับ ว่า3ปีที่ผ่านมานี่ พวกพีๆทำเหี้ยไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันมาแล้วบ้าง ?? 😒






19 Million Turnout for Cremation Raises Debate (The number was less than a third of the total population of about 70 million. Some people upset it wasn't higher)



People on Thursday lineup to offer Sandalwood flowers to King Bhumibol near the Sanam Luang.


19 MILLION TURNOUT FOR CREMATION RAISES DEBATE


By Pravit Rojanaphruk, Senior Staff Writer
Khaosod English
October 29, 2017


BANGKOK — Thursday’s cremation ceremony saw 19 million people participate, based on a government count of how many sandalwood flowers were offered for King Bhumibol.

More than 2.9 million people in the capital and millions more at nearly 900 locations outside Bangkok bade their final farewell to King Bhumibol by queuing to lay folded sandalwood flowers, the Interior Ministry announced Sunday. The Interior Ministry reported that another 16.2 million went through the same ceremony in 76 provinces outside Bangkok.

The number was less than a third of the total population of about 70 million, a fact met with consternation by some people upset it wasn’t higher.

Tassanee Thantawanit, a language professor at Burapha University, criticized the figure of 29 percent participation.

“Why does it have to be calculated that it’s about 29 percent? … They should have added that there are still many Thais who couldn’t make it due to various constraints, such as being hospitalised, living in elderly homes or residing in faraway places, etc.,” Tassanee wrote Saturday on Facebook, stressing that any such media reports should “stress that all Thais love the king.”

Some offered different readings of the 19 million figure in comments on a BBC Thai infographic.

“Thailand has a population of about 70 million but only 20 million are quality people. Don’t those who didn’t show up have a conscience?” user Sujittra Panyasub wrote. “Not counting small children, the sick, monks and inmates, say about 2 million, and about 2 million who live abroad, where were the other 45 million?”

In Bangkok, topping the most offerings were recorded in the Bang Na district at BITEC, a large venue normally used as a convention center. Nearly 91,000 people participated in the ceremony there.

In related stats, City Hall said it collected 339 tons of rubbish on Thursday alone. It vowed to handle the waste appropriately.

...


Source: BBC Thai

...