วันอาทิตย์, กันยายน 10, 2560
ผลงานสุดแซ่บ!!! 3 ปี ปราบโกง อันดับร่วงที่ 101 ของโลก!!! - "เอาเลยครับ...ไม่ต้องเหนียม "ใครเห็นว่า คสช.ทำให้ประเทศเจริญ ขอให้เลือกประชาธิปัตย์
ผลงานสุดแซ่บ!!! 3 ปี ปราบโกง อันดับร่วงที่ 101 ของโลก!!!
BY BOURNE ON SEPTEMBER 9, 2017
ispace thailand
ตลอดระยะเวลานับตั้งแต่รัฐบาลคสช. ยึดอำนาจเข้ามาบริหารประเทศ นอกเหนือจากคำพูดคุ้นหูเรื่องการคืนความสุข และการปฏิรูปประเทศแล้ว สิ่งที่เราได้ยินมาโดยตลอดคือการปราบปรามการทุจริต และคอรัปชั่นในประเทศไทย ซึ่งนับตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาล คสช. ได้ดำเนินการปราบโกงอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกับนักการเมืองบางกลุ่ม แต่ผลสำเร็จของการปราบปรามการคอรัปชั่นของ คสช. นั้นได้ผลจริงๆมากน้อยแค่ไหน?
เรื่องนี้สถิติ CORRUPTION PERCEPTIONS INDEX ซึ่งเป็นการจัดอันดับความโปร่งใสและการคอรัปชั่นในประเทศต่างๆทั่วโลก ของ Transparency International องค์กรระหว่างประเทศที่ทำหน้าที่รณรงค์เรื่องความโปร่งใส และต่อต้านการคอรัปชั่น มีข้อมูลที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ข้อมูลของ Corruption Perceptions Index ในปี 2559 นั้นระบุว่าประเทศไทยได้รับคะแนนเรื่องความโปร่งใสที่ 35 คะแนน ถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่นสูงที่สุดเป็นอันดับ 101 จาก 176 ประเทศทั่วโลก และหากวัดเฉพาะในอาเซียน ประเทศไทยมีคะแนนด้านความโปร่งใสและการทุจริตดีกว่าแค่ เวียดนาม พม่า และกัมพูชาเท่านั้น
ในขณะที่หากย้อนกลับไปพิจารณาสถิติในปีก่อนหน้าทั้งในปี 2558 2557 จะพบว่าคะแนนด้านการคอรัปชั่นและความโปร่งใสของไทยนั้นมีแนวโน้มลดลง กล่าวคือ ในปี 2557 ไทยอยู่ในอันดับที่ 85 ก่อนจะขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 76 ในปี 2558 และ ร่วงลงมาอันดับที่ 101 ในปี 2559 ซึ่งผลคะแนนในอันที่ 101 นั้นเกือบจะเป็นอันดับที่ตกต่ำที่สุดใน Corruption Perceptions Index ของไทย(อันดับที่ต่ำที่สุด เคยอยู่ในอันดับ 102 เมื่อปี 2556)
คำถามก็คือทำไมเมื่อรัฐบาลคสช. ซึ่งตั้งธงในการดำเนินการปราบปรามการทุจริต กลับมีคะแนนการทุจริตและโปร่งใสย่ำแย่ถึงขนาดนี้??? หากวิเคราะห์จากการจัดอันดับ ก็อาจเป็นเพราะหลายเหตุผลเช่น อัตราการจ่ายเงินใต้โต๊ะในการดำเนินการต่างๆกับราชการและหน่วยงานของรัฐมีเพิ่มสูงขึ้น อำนาจของรัฐบาลคสช.ที่ไม่มีใครสามารถท้วงติงหรือคัดค้านการออกนโยบาย ดำเนินโครงการ หรือใช้งบประมาณต่างๆ รวมถึงการที่รัฐบาลคสช.นั้นไม่สามารถถูกตรวจสอบได้นั่นเอง
แม้ว่าโพลต่างๆภายในประเทศจะพยายามตีกระแสว่าประชาชนมีความพึงพอใจในการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลคสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความโปร่งใสและการปราบปรามการทุจริต แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อถูกจัดอันดับโดยองค์กรต่างชาติที่ คสช. ไม่สามารถควบคุมการทำงานได้ คะแนนด้านการทุจริตกลับย่ำแย่ยิ่งกว่ารัฐบาลที่ คสช. กล่าวอ้างว่าทุจริตเสียอีก
นอกจากนี้ภายหลังจากที่มีการเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนด้านความเชื่อมั่นที่มีต่อนายกรัฐมนตรีในระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ของสถาบันพระปกเกล้า ที่ระบุว่า ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีคะแนนสูงกว่า พล.อ.ประยุทธ์ อย่างชัดเจน ล่าสุด พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ ได้ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความเห็นว่า การนำเอาผลสำรวจของอดีตนายกฯที่มีความผิดและอยู่ระหว่างหลบหนีมาเผยแพร่ไม่เหมาะสม เพราะอาจทำให้ประชาชนเห็นว่าการทำผิดกฎหมาย ทุจริตคอรัปชั่น เป็นเรื่องที่ยอมรับได้
ซึ่งก็น่าสนใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะลืมไปว่าตัวท่านเองก็ทำผิดกฎหมายมาหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นการยึดอำนาจ ล้มล้างรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ท่านมีอำนาจที่จะฉีกกฎหมาย ลบล้างความผิดของตัวเองได้ นอกจากนี้เรื่องการทุจริตคอรัปชั่นหากพิจารณาจากผลการจัดอันดับขององค์กรต่างประเทศ รัฐบาลคสช.เองก็ย่ำแย่ไม่แพ้ใครเช่นกัน!!!
Reference
https://www.transparency.org/news/feature/corruption_perceptions_index_2016
https://tradingeconomics.com/thailand/corruption-rank
https://www.matichon.co.th/news/657894
ooo
"เอาเลยครับ...ไม่ต้องเหนียม"
ผมชอบคำให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงจุดยืนทางการเมืองว่าพร้อมจะร่วมงานกับพลเอกประยุทธ์ฯ หากสนับสนุนแนวทางของพรรค ซึ่งก่อนหน้านี้อดีตเลขาธิการของพรรคก็ยืนยันที่จะสนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ฯ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แสดงให้เห็นว่า ปชป กปปส และ คสช คือแนวร่วมทางการเมืองที่มีจุดยืนร่วมกันและเกื้อกูลกันมาตั้งแต่ต้นจนปัจจุบัน แต่เป็นจุดยืนที่ตรงข้ามแนวทางประชาธิปไตย
สำหรับผมขอยืนยันอีกครั้งว่า ผมไม่เอาด้วยกับ คสช. รวมทั้งบรรดาสมุนบริวารของเผด็จการทุกรูปแบบโดยไม่จำต้องดูว่าจะมีแนวทางการทำงานแบบไหน เพราะการยึดอำนาจจากประชาชนถือเป็นอนันตริยกรรมทางการเมือง ซึ่งในทางพุทธศาสนาถือเป็นบาปมหันต์โดยคนที่ทำกรรมแบบนี้แม้จะไถ่บาปหรือทำดีขนาดไหนก็ไม่อาจบวชได้ ยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการใช้อำนาจของเผด็จการที่ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบ ละเมิดสิทธิมนุษยชนและละเมิดหลักนิติธรรม ยิ่งไม่มีทางที่คนจากฝั่งประชาธิปไตยจะไปร่วมสังฆกรรมทางการเมืองได้เลย หากชนะเลือกตั้งสิ่งที่ผมจะผลักดันคือการยกเลิกสิ่งที่เผด็จการได้ทำขึ้น รวมทั้งจะเสนอให้มีการยกเลิกกฎหมายที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกฉบับเช่น กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายจำกัดสิทธิและเสรีภาพของสื่อ กฎหมายเกณฑ์ทหาร เป็นต้น รวมถึงการผลักดันให้มีการทำประชามติเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นของประชาชน จุดยืนดังกล่าวแม้จะเป็นแนวคิดส่วนตัวแต่ผมเชื่อว่าคนของพรรคเพื่อไทยคงคิดไม่ต่างกัน ผมเลยขอถือโอกาสนี้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ว่าใครที่ชอบแนวทางของเผด็จการ หรือเห็นว่าเผด็จการได้ทำให้ประเทศนี้เจริญขึ้นและประชาชนอยู่ดีกินดีก็เชิญเลือกพรรคการเมืองนี้ ส่วนใครที่รักแนวทางประชาธิปไตยและไม่เอาด้วยกับเผด็จการก็เลือกพรรคเพื่อไทย ชัดเจนดีครับ
วัฒนา เมืองสุข
สมาชิกพรรคเพื่อไทย
7 กันยายน 2560
Watana Muangsook