ช่วงนี้ฤดูเกณฑ์ทหาร เห็นดาราชายออกตัว ‘รับใช้ชาติ’ กันใหญ่ คนนั้นลูกผู้ชายคนนี้ก็แมน แต่ไม่สามารถกลบข่าวทหารเกณฑ์โดนซ้อมโดนข่มเหงถึงชีวิตไปได้
วันนี้ (๒ เมษา) มิกค์ ทองระย้า พระเอกหนุ่มวัย ๒๔ ปี แห่งละครดัง ๗ สี ‘นักบุญทรงกลด’ ไปยังจุดคัดเลือกทหาร อ.เสาไห้ สระบุรี เพื่อขอผ่อนผันเป้นครั้งที่ ๔ เนื่องจากกำลังศึกษาปริญญาตรี ม.รามฯ แถมยังติดแสดงละครอีกสองเรื่อง
แต่กระนั้นก็เป็นข่าวให้ท่านผู้ชมทางบ้านเป็นปลื้มเมื่อเขาบอกว่า “หากเรียนจบ ก็มีความตั้งใจจะสมัครเข้ารับใช้ชาติตามหน้าที่ของลูกผู้ชายไทยด้วย”
(http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=774279)
อีกคนที่เป็นข่าวดังเพราะเนชั่นพาดหัวว่า “แมนมาก” เขายังประกาศว่าจะจับใบดำใบแดงพร้อมรับใช้ชาติเหมือนกัน
เบิ้ล ปทุมราช นักร้องวัยรุ่นค่ายอาร์สยามไปรับการคัดเลือกที่หน่วย อ.ปทุมราชวงศา อำนาจเจริญ ท่ามกลางบรรยกาศคึกคัก แถมเขาร้องเพลงฮิตให้แฟนคลับฟังกลางลาน ชื่นชมกันขรม
(http://www.nationtv.tv/main/content/entertainment/378541248/)
อีกด้านหนึ่งบรรยากาศตรงข้าม เต็มไปด้วยความเศร้าสลด เมื่อวานซืน “ทหารเกณฑ์ในค่ายวิภาวดีรังสิต โดนทำโทษในข้อหาผิดวินัยตั้งแต่วันที่ ๒๗ มี.ค. ถูกหามส่ง รพ. เมื่อวันที่ ๓๑ มี.ค. เสียชีวิตเมื่อเวลา ๐๕.๐๐ น....
โดยนางเรณู หมดราคี มารดา ได้มาร้องเรียนต่อ พล.ต.วิชัย ทัศนมณเฑียร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ ๔๕ สุราษฎร์ธานี...
มั่นใจว่าลูกชายถูกทำร้ายภายในเรือนจำทหารแน่นอน แพทย์ชันสูตรเบื้องต้นพบว่า เสียชีวิตจากการถูกทำร้ายร่างกาย ไตทำงานผิดปกติ”
(http://www.thairath.co.th/content/902426)
การนี้ โฆษกกองทัพบกชี้แจงว่า “เป็นเรื่องเฉพาะในเรือนจำทหาร ซึ่งไม่เกี่ยวกับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการในปีนี้
ที่ผ่านมาส่วนใหญ่การเสียชีวิตของพลทหารจะเป็นกรณีที่มีอาการเจ็บป่วยและร่างกายไม่แข็งแรง เมื่อมาฝึกทหารแล้วเกิดอาการผสมกับเป็นโรคลมร้อนหรือฮีทสโตรค
ซึ่งมีไม่กี่กรณีที่เกิดจากการลงโทษเนื่องจากกระทำความผิดและผู้บังคับบัญชาใช้อารมณ์รุนแรงเกินไป” พ.อ.วิธัย สุวารี อ้าง
(http://www.matichon.co.th/news/516268)
แน่ละมันไม่เกี่ยวกับเรื่องราววิสามัญฆาตกรรมด้วยน้ำมือทหาร-ตำรวจ ที่ชักเกิดขึ้นบ่อยในยุค คสช. รายล่าสุดนี่ที่นราธิวาส
“ครอบครัวผู้เสียชีวิตออกมาร้องขอความเป็นธรรม กรณีมีพยานเห็นเหตุการณ์ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ที่มีการแถลงข่าวผ่านสื่อมวลชน”
(http://www.krobkruakao.com/local/40065)
การซ้อมไอ้เณรหรือการวิสามัญชาวเขาอาจไม่ใช่เนื้อเน่าของทั้งกองทัพ แต่ว่าในบรรยากาศของการเชิดชูทหารหาญ ที่ปีชาติไม่เคยได้รบทัพจับศึกกับอริราชศัตรูที่ไหน ขณะที่กอบกำงบประมาณปีละเป็นแสนล้าน บุคคลากรระดับนายพันนายพลอยู่กินสมบูรณ์ มีบ้านพักฟรี สวัสดิการพร้อมเพียบ และได้ไอ้เณรที่เกณฑ์มาเป็นทหารรับใช้
มันเป็นร่องรอยอัปลักษณ์ ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง ที่จะอ้างเหตุแห่งคอรัปชั่นและการไม่จงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ในการยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาด้วยการเลือกตั้งตามวิถีประชาธิปไตยมากลบไม่ได้
เพราะทั้งสองเหตุย่อมหาได้ไม่ยากในแวดวงทหารหาญที่ครองเมืองอยู่ขณะนี้ ดูจากตัวอย่างง่ายๆ ที่ราชกิจจานุเบกษาเมื่อสองวันก่อน “มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้ถอดนายทหาร สัญญาบัตรออกจากยศทหาร” ๗ คน
“ฐานทุจริตต่อหน้าที่ และฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง”
(http://m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1490872616)
หนึ่งในนั้นคือ พันโทหญิง ศิริโสภา จันทรุกขา สังกัดกองทัพบก ที่ซึ่ง Krittanai Thepsai ให้รายละเอียดว่า
“เป็นเครือข่ายการทุจริตการขายซากรถเก่าหน่วยงาน ขส.ทบ. นำเงินเข้ากองทัพบกแค่ ๒ ล้าน ที่เหลือลอยไปเข้ากระเป๋าพลเอกปรีชา จันทร์โอชา และพลเอกวลิตโรจนภักดี...
เพื่อนรัก บทสุดท้ายติดคุกมีไว้สำหรับพวกนายทหารระดับล่าง ตัวใหญ่หลุดหมด...
พลเอกธีรชัย (นาควานิช ผช.ผบ.ทบ.-ขณะนั้น) เคยมีคำสั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวน แต่พลเอกประยุทธ์ใช้อำนาจสะกัดให้เรื่องเงียบ (ชื่อทหารคนแรกก่อนถูกปลดได้ไปเปลี่ยนชื่อใหม่ให้ดูตลกจำคนเดิมไม่ได้ - พันโท โอติมหลอด เบียดนอก สังกัดกองทัพบก)
(https://www.isranews.org/israne…/…/47964-report02_84031.html)
เช่นนี้ สิ่งที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พูดเมื่อวันก่อน (๑ เมษา) ว่า “กระบวนการยุติธรรมทุกวันนี้ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนกัน แม้แต่ประชาชนที่ยากจนไม่มีที่ทำกิน...ทุกคนอยู่บนบรรทัดฐานกฎหมายเดียวกัน ไม่มีการกลั่นแกล้ง หรือใช้กฎหมายกระทำกับใครคนใดคนหนึ่ง”
(http://news.voicetv.co.th/thailand/476454.html)
นั้นน่ะ อมพระเครื่องหลวงปู่ทวดที่พระ “หัวดื้อ-พาล” สุวิทย์อิสระวัดอ้อน้อยปลุกเสกด้วยเลือดของตนเอง มาพูด นอกจากเชื่ออะไรไม่ได้แล้วยังเป็นพิษเป็นภัย หากน้ำลายกระเด็นใส่