กราบเรียน ฯพณฯนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
...
การจากลาของนิตยสารหนึ่งเล่ม ในเชิงธุรกิจอาจหมายถึงการหยุดเลือดไม่ให้ไหลเพื่อรักษาชีวิตเจ้าของธุรกิจเอาไว้ แต่ในเชิงวัฒนธรรมนี่คือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขนาดใหญ่ของโลกการอ่านการเขียนซึ่งรัฐบาลจะทำตัวเป็นไม่รู้ไม่เห็นแบบนี้ไม่ได้
นักเขียน บรรณาธิการ ผู้สร้างสรรค์ศิลปะวรรณกรรมทุกรูปแบบ คนออกแบบภาพประกอบ คนจัดหน้าหนังสือ พนักงานพิสูจน์อักษร งานพิมพ์ ช่างพิมพ์ล้วนได้รับผลกระทบในชีวิตความเป็นอยู่ถ้วนหน้า
นิตยสารตายไปหนึ่งเล่มเจ้าของหนังสือยังอยู่ได้ แต่นักเขียนนับสิบนับร้อยชีวิตต้องหมดพื้นที่ทำมาหากิน สิ่งนี้คือโศกนาฏกรรมที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายยังปิดตาข้างหนึ่งทำเป็นมองไม่เห็น
รัฐบาลอุดหนุนให้ชาวบ้าน Shopping ซื้อของกันเยอะแยะ ส่งเสริมให้คนออกเที่ยวไปใช้จ่ายตามโรงแรมรีสอร์ทเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวแล้วเอาใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้ บอกว่านี่คือการช่วยประเทศชาติ แต่รัฐบาลไม่เคยสนใจเรื่องการอ่านเลย
ชาตินี้จะได้ยินไหมว่าถ้าใครเอาใบเสร็จซื้อหนังสือรวมกันเยอะๆ สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ หรือจะได้ยินไหมว่ารัฐบาลอุดหนุนการพิมพ์หนังสือด้วยวิธีการต่างๆ
จะมีโอกาสได้ยินไหมว่ารัฐบาลอุดหนุนผู้สร้างสรรค์ศิลปะวรรณกรรมด้วยงบประมาณก้อนใหญ่ให้เป็นกองทุนนักเขียนและคนทำงานศิลปะซึ่งส่วนใหญ่กำลังจะอดตาย
จะฝันมากเกินไปไหมสำหรับยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ที่เราเฝ้ารอว่ากำลังจะมาถึงนั้น กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงวัฒนธรรมจะใส่ใจเรื่องส่งเสริมการเขียนการอ่านและการเรียนรู้ในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์มากกว่าการจัดอีเวนท์แบบโง่เขลาใช้เงินเป็นล้านๆบาทมาละลายทิ้งข้างถนน
จะเป็นไปได้ไหมว่าสำหรับนักเขียนหน้าใหม่ทุกคนที่มีผลงานสร้างสรรค์ควรได้รับการเผยแพร่ โดยรัฐบาลจะมีทุนก้อนแรกจัดพิมพ์หนังสือให้พวกเขาเหมือนที่ทำกันอยู่ในหลายประเทศ
คงต้องยอมรับว่าเรากำลังอยู่กับการใช้อำนาจจัดระเบียบสังคม แต่เราทำมันได้แค่ปัดกวาดความสกปรกบนถนนและริมทางเท้า เรามิได้สนใจเติมปุ๋ยบำรุงรากเหง้าศิลปะ วัฒนธรรม ของประเทศชาติเลย
เราแค่กวาดขยะจากถนนลงไปในท่อระบายน้ำ แล้วปล่อยให้น้ำท่วมเมืองเวลาฝนตก ก่นด่าเมื่อน้ำท่วมขัง พอผ่านฤดูฝนคนก็ลืมเรื่องน้ำท่วมสิ้น
เป็นแบบนี้ซ้ำซากมาทุกปีและมันคงจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
อนาคตทางด้านศิลปวัฒนธรรม ศิลปะวรรณกรรม ทัศนศิลป์ ช่างมืดมนเสียจริง ความหวังเดียวที่ยังเหลืออยู่เป็นแสงริบหรี่ก็คือความช่วยเหลือจากรัฐบาลนี้
กราบเรียนมาด้วยความเคารพรักในฐานะคนเขียนหนังสือคนหนึ่ง
นางสาวสุมิตรา จันทร์เงา
วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙
...
#พลอยแกมเพชรเล่มสุดท้าย
ที่มา
สุมิตรา จันทร์เงา with บูรพา อารัมภีร and Charun Homtientong.
.....
แผงขายหนังสือ ที่เราเคยเห็นจนชินตา มักเต็มไปด้วยนิตยสารสารพัดรูปแบบ หลากหลายรูปเล่ม อัดแน่นบนแผง ถ้าลองไปเดินดูอีกครั้งในทุกวันนี้ จุะเห็นไ้ด้ชัดเจนว่า มันเหลือเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้น พ๊อกเก็ตบุ๊คหายไปจากแผง จะโทษพิษเศรษฐกิจ หรือโทษอะไรดี เพราะเราไม่เคยเห็นปรากฏการณ์หนังสือล้มระเนนระนาดแบบนี้มาก่อน คงต้องโทษผู้บริหารประเทศ ที่เก่งกาจมาก จนกิจการต่างๆล้มหายตายจากไปทีละอย่างสองอย่าง มัน..เป็นที่สุดของความย่อยยับแล้วจริงๆ
ความเห็นหนึ่งจากโพสต์
ooo
มันไม่ได้เรียกว่าบริหารแต่เรียกว่าเสพสุข
เวลาราชการเอามาเตะบอล ออกกำลังกาย
แต่ข่าวที่ออกเกือบทุกวันเศรษฐกิจเจ๊ง การเมืองวุ่นวาย
แต่ท่านนายพลเหล่านี้มีความสุขกับเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน
ปากบอกบริหารประเทศ ภาพเหล่านี้หรือครัชบริหารประเทศ
เช่นข่าวด้านล่างนี้ ใครจะกล้าลงทุน
นายกฯโวย เอสเอ็มอีไม่ลงทุนเพิ่ม วอนเอกชนกล้าๆหน่อย รอตปท.อย่างเดียวคงไม่ไหว
http://www.matichon.co.th/news/393241
#รีบๆลงเดี่ยวมีพรบคอมพ์จะโดนบล๊อคหมด
#มันไม่ได้เรียกว่าบริหารแต่เรียกว่าเสพสุข
ไทยอดทน
ooo
ตาเหลือกเลย