แถลงการณ์เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง
ยุติโครงการระเบิดแก่งแม่น้ำโขง
ปกป้องผืนดินไทย และระบบนิเวศ-มรดกทางธรรมชาติ
28 ธันวาคม 2559
จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2559 ซึ่ง คณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศ ในแม่น้ำล้านช้าง – แม่น้ำโขง ค.ศ. 2015 – 2025 เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการขนส่งทางน้ำระหว่างประเทศ ในแม่น้ำล้านช้าง – แม่น้ำโขง และการดำเนินงานเบื้องต้น (งานศึกษาสำรวจออกแบบ) รวมทั้งเห็นชอบให้กรมเจ้าท่าเป็นหน่วยงานปฏิบัติและประสานงาน
เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง และองค์กรเครือข่ายภาคีลุ่มน้ำโขง ซึ่งทำงานติดตามสถานการณ์แม่น้ำโขงมาโดยตลอด ขอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับมติครม. ดังกล่าว และถือเป็นความผิดพลาดอย่างรุนแรงที่รัฐไทย ยินยอมให้ดำเนินโครงการที่จะสร้างความเสี่ยงและผลกระทบร้ายแรง เนื่องจากโครงการปรับปรุงร่องน้ำเพื่อการเดินเรือพาณิชย์ ที่ผลักดันโดยจีนมาตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์จะทำให้แม่น้ำโขงกลายเป็นคลองส่งน้ำ เพื่อให้เรือสินค้าขนาด 500 ตัน สามารถเดินทางขนส่งสินค้าได้จากท่าเรือซือเหมา มณฑลยูนนาน ลงมาผ่านไทยไปจนถึงหลวงพระบาง ประเทศลาว
ที่สำคัญ เป็นที่สังเกตว่า ข้อตกลงว่าด้วยการเดินเรือเสรีที่ร่วมลงนาม โดย 4 ประเทศน้ำโขงตอนบน ได้แก่ จีน พม่า ลาว และ ไทย ว่าด้วยการเดินเรือระหว่าง 4 ประเทศ เท่านั้น ไม่ได้ระบุครอบคลุมถึงการปรับปรุงร่องน้ำหรือระเบิดแก่งแต่อย่างใด แต่หลังจากการลงนามของ 4 ประเทศ ทีมดำเนินการระเบิดแก่งของจีนก็เริ่มปฏิบัติการในพื้นที่พรมแดนจีน-พม่า และพรมแดนลาว-พม่า โดยอ้างว่า การ “บูรณะร่องน้ำ” ดังกล่าวกระทำโดยถูกต้องตามหลักสากล แต่สุดท้ายก็ติดขัดที่บริเวณพรมแดนไทย-ลาว ที่ จ.เชียงราย จึงนำมาสู่การผลักดันที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวจะดำเนินการบนแม่น้ำโขงสายประธาน ซึ่งประเทศ ลาว และ ไทย เป็นประเทศสมาชิกในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง หรือ MRC ที่จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของข้อตกลงแม่น้ำโขงว่าด้วยกระบวนการ PNPCA แต่ไม่ปรากฏว่า มติครม.ดังกล่าวจะได้กล่าวถึงไว้แต่อย่างได้
เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง และองค์กรภาคีเครือข่ายลุ่มน้ำโขง เห็นว่าโครงการนี้จะสร้างผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม อย่างกว้างขวาง ดังนี้
1. ทำลาย "แก่งคอนผีหลง" ซึ่งเป็นแก่งขนาดใหญ่บนแม่น้ำโขง บริเวณพรมแดนไทย-ลาว ที่ จ. เชียงราย มีความยาว 1.6 กิโลเมตร และแก่งอื่น ๆ ในแม่น้ำโขง แก่งแม่น้ำโขง เป็นมรดกทางธรรมชาติอันทรงคุณค่า มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์และสลับซับซ้อน มีความสำคัญต่อวงจรชีวิตและเป็นแหล่งอาศัยและวางไข่ของ ปลา และ นก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่หาปลาของชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขง การทำลายแก่งเท่ากับทำลาย บ้านของปลา บ้านของนก และแหล่งอาหารของชุมชนริมฝั่งโขงทั้งสองประเทศ
2. ทำลาย แหล่งพืชพรรณบนแก่ง ริมฝั่งน้ำ และหาดแม่น้ำโขง พืชพรรณหลากชนิดบนแก่งหินและริมน้ำโขงมีความสำคัญต่อการชะลอการไหลหลากของแม่น้ำโขง และเป็นอาหารสำคัญของปลาชนิดกินพืช รวมถึง “ไก” สาหร่ายแม่น้ำที่มีเฉพาะถิ่น ซึ่งอาศัยแก่งใต้น้ำบริเวณหาดเป็นแหล่งเจริญเติบโต และเป็นรายได้สำคัญของคนริมฝั่งโขงในช่วงฤดูแล้ง
3. เกิดการพังทลายของชายฝั่ง และทำลายการเดินเรือของประชาชนริมฝั่งโขงทั้งไทยและลาว การระเบิดแก่งในแม่น้ำโขงออก จะทำให้เกิดกระแสน้ำที่ไหลแรงและเร็วมากขึ้น อาจจะทำให้เกิดการกัดเซาะริมตลิ่ง ซึ่งจะทำให้แม่น้ำกว้างขึ้นอีกด้วย อันจะส่งผลให้การเดินเรือสัญจรและการทำประมงของชาวบ้านในเขตอำเภอเชียงแสน เชียงของ และเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย อันเป็นอุปสรรคในการเดินเรือริมฝั่งและข้ามฝั่งของประชาชนสองฝั่งโขง อีกทั้ง จากการระเบิดแก่งและมีการเดินเรือ ขนาด 500 ตัน โครงการดังกล่าว ได้มีข้อกำหนดห้ามมิให้ประชาชนทั่วไปทำการที่กีดขวางการเดินเรือพาณิชย์ อาทิ ห้ามวางอวนจับปลาในแม่น้ำโขง ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านสองฝั่งโขง ประสบปัญหาในการประกอบอาชีพประมงเป็นอย่างมาก
4. การค้าขายชายแดนมีการเจริญเติบโตและรวดเร็วมากขึ้นอยู่แล้ว จากการขนส่งโดยถนนเอเชีย หมายเลข 13 และสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 เชียงของ – ห้วยทราย ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งสินค้าชายแดนระหว่างจีนและไทย อีกทั้ง ปัจจุบันก็ยังคงมีเรือขนส่งสินค้าจากมณฑลยูนานถึงท่าเรือเชียงแสนได้ตลอดปี ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศอยู่แล้ว การขนส่งและเดินเรือสินค้า ขนาด 500 ตัน ในอนาคตจะเป็นประโยชน์ของจีนเพียงประเทศเดียว แต่ต้องแลกกับทำลายระบบนิเวศสำคัญของแม่น้ำโขง จึงไม่มีความคุ้มค่าแต่อย่างใด
5. ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดน เนื่องจากการปักปันเขตแดน ไทย-ลาว ตามสนธิสัญญาฝรั่งเศส ใช้ร่องน้ำลึกเป็นตัวชี้วัด หากมีการระเบิดแก่ง ปรับปรุงร่องน้ำ ก็จะทำให้ไทยสูญเสียดินแดนเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งเหตุผลข้อนี้เอง ที่ก่อนหน้านี้ในปี 2546 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ชะลอโครงการและให้มีการศึกษาผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและเสนอให้กระทรวงกลาโหมจัดทำข้อตกลงกับประเทศลาวให้แล้วเสร็จในปี 2546 และทำให้โครงการยุติมาจนปัจจุบัน หากปล่อยให้เกิดการระเบิดแก่งขึ้นได้ตามโครงการดังกล่าว ซึ่งโครงการนี้อาจจะกลายเป็นโครงการ ที่เปิดโอกาสให้ประเทศเพื่อนบ้านมาละเมิดอธิปไตยของไทยได้
6. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดว่า โครงการที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดินแดนจะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา แต่ปรากฏว่า มติครม.ดังกล่าว ยังมิได้ผ่านความเห็นของจากรัฐสภาแต่อย่างใด อันเป็นการละเมิดกฎหมายภายในประเทศ
7. โครงการนี้เป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำนานาชาติ ซึ่งมีกฎหมายระหว่างประเทศคุ้มครองการดำเนินโครงการที่ส่งผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้าน การลงนามร่วมกันของ 4 ประเทศ โดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับกัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากโครงการเช่นเดียวกัน เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม อีกทั้งยังขัดต่อทั้งข้อตกลงแม่น้ำโขง ว่าด้วย กระบวนการ PNPCA และ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยการบริหารจัดการแม่น้ำนานาชาติอีกด้วย
เครือข่ายประชาชน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุติโครงการดังกล่าวทันที เพื่อปกป้องผืนดินไทย และระบบนิเวศอันทรงคุณค่า
เหตุผลในการผ่านมติครม. ครั้งนี้ มีเบื้องลึกหรือข้อตกลงพิเศษกับจีนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ สิ่งนี้ต้องอธิบายให้ประชาชนได้รับทราบทันที
ลงชื่อ
1 เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง
2 เครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมล้านนา
3 เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน(คสข.)
4 สมาคมคนฮักถิ่น จ.อำนาจเจริญ
5 กลุ่มรักษ์เชียงของ
6 เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน
7 ศูนย์พิทักษ์สิทธิการจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำชีตอนล่าง
8 เครือข่ายชุมชนคนฮักน้ำของ จ.อุบลราชธานี
9 กลุ่มรักษ์เชียงคาน
10 สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต
11 สมาคมสถาบันชุมชนลุ่มน้ำโขง
12 ภาคีความร่วมมือเพื่อการอนุรักษ์แม่น้ำอิง
13 www.mymekong.org
14 มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน
15 สมาคมรักษ์ทะเลไทย
16 มหาวิทยาลัยชาวบ้านลานหอยเสียบ
17 โครงการอาหารปันรัก
18 สมาคมเพื่อผู้บริโภคสงขลา
19 มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (Thai-Water Partnership)
20 เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีสาน
ร่วมลงชื่อต่อท้ายนี้ได้น่ะครับถ้าท่านเห็นด้วยกับแถลงการณ์นี้
ที่มา FB
Hannarong Yaowalers