วันพุธ, พฤศจิกายน 23, 2559

Can Thailand's rice farmers survive low prices? รายงานจาก BBC “5 ปีที่แล้วข้าวหอมมะลิขายได้กก.ละ 16 บาท ปีนี้ต้องขายข้าวแบบเดียวกัน 3 กก.จึงจะได้เงินเท่ากัน” “ของอย่างอื่นแพงหมด” ยกเว้นข้าว




https://www.youtube.com/watch?v=ykmf0TQlkxQ&feature=youtu.be
.....


Can Thailand's rice farmers survive low prices?


22 November 2016
BBC


Over the past month the military government in Thailand has announced subsidies for rice farmers of 38bn baht ($1.1bn; £860m) to address a sharp fall in global rice prices.

Thailand was once the world’s leading exporter of rice, but lost that status after the collapse of an extravagant price support scheme run by the last elected government.

However, the new subsidies have raised awkward questions for the government, which has filed criminal charges against former Prime Minister Yingluck Shinawatra and imposed a $1bn fine on her for losses incurred under her scheme.

ooo

รายงานจาก BBC “5 ปีที่แล้วข้าวหอมมะลิขายได้กก.ละ 16 บาท ปีนี้ต้องขายข้าวแบบเดียวกัน 3 กก.จึงจะได้เงินเท่ากัน” “กับข้าวกับปลา ของอย่างอื่นแพงหมด” ยกเว้นข้าว สอน เสริมงาม ชาวนาบอก “อยากให้ได้แบบชุดยิ่งลักษณ์ ลองถามชาวนาทุกคนสิ เขาจะพูดเหมือนกัน” “อยากให้ข้าวมันมีราคา” “สักวันคงจะมีรัฐบาลดี ๆ มาช่วยเหลือ” “รัฐบาลนี้เขาก็ดีเหมือนกัน แต่ละรัฐบาลก็ไม่เหมือนกัน” ผู้เชียวชาญบอกวิธีแก้ปัญหาในระยะยาวคือการลดจำนวนชาวนาลง

เป็น journalism ง่าย ๆ ที่เราไม่ได้เห็นในสื่อไทย สื่อมัวแต่สนใจวาทกรรม “จำนำข้าว” “ประกันราคาข้าว” “จำนำยุ้งฉาง” มันเหมือนกันหมด ฝรั่งเรียกรวมว่า “subsidization” ทุกประเทศต้องทำ สุดท้ายรัฐบาลทหารที่ปากกล้าขาสั่นก็ต้องทำแบบเดียวกับรัฐบาลประชานิยม ใช้เงินจำนวน 1.1 พันล้านเหรียญเข้าแทรกแซงราคาข้าว เท่ากับจำนวนเงินที่เป็นค่าปรับนายกฯ ยิ่งลักษณ์เลย เขาหาเงินเก่งจัง ทหารไทยเนี่ย

ปล. เวอร์ชันที่ผมดูทางโทรทัศน์ยาวกว่านี้


Pipob Udomittipong


ooo

“พิชัย”ยก 6 ข้อ รัฐประหารทำเศรษฐกิจประเทศเสียหาย แนะเร่งคืนปชต.





ที่มา มติชนออนไลน์
22 พ.ย. 59

“พิชัย” ชี้รัฐประหารทำเศรษฐกิจประเทศเสียหายอย่างมาก

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวได้เพียง 3.2% เท่านั้น ทั้งที่สภาพัฒน์พยายามจะเบ่งตัวเลข ถึงขนาดได้เปลี่ยนคนรับผิดชอบแต่ก็ได้เท่านี้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้จะโตได้ไม่ถึง 3.5% ตามที่ นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ออกมายืนยันก่อนหน้านี้ ซึ่งรัฐบาลเองก็ไม่ควรจะดีใจกับตัวเลข 3% กว่า เพราะถ้าโตได้เท่านี้ไปเรื่อยๆ ประเทศไทยจะไม่มีทางก้าวพ้นจากประเทศรายได้ปานกลางได้เลย ขนาดฟิลิปปินส์ยังโต 7.1% ในไตรมาส 3 นี้ ทั้งนี้การที่นายสมคิด บอกว่าประเทศไทยกำลังปรับฐาน ก็อยากให้นายสมคิด ได้แยกให้ออกระหว่างการปรับฐานกับฐานเสื่อมหรือฐานทรุด เพราะการปรับฐานหมายถึงประเทศจะก้าวหน้าไปต่อจากฐานใหม่ แต่ในปัจจุบันยังไม่เห็นจะเกิดฐานใหม่หรือว่าจะมีเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจตัวไหนที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวต่อไปได้เลย ทั้งการลงทุนที่หดหายไปเกือบหมด ยอดการขอบีโอไอก็มีแต่ตัวเลขแต่ไม่มีการลงทุนจริง การส่งออกทั้งปีก็ยังคงติดลบ นักท่องเที่ยวปลายปีก็ลดลงมาก รายได้ประชาชนก็ลดลงถ้วนหน้า จึงอยากให้นายสมคิดไปทบทวนสิ่งที่ได้พูดไว้เองเรื่องเสาหลักเศรษฐกิจที่เสื่อมว่าได้พัฒนาแก้ไขอะไรไปบ้าง เหตุใดถึงยิ่งแย่กว่าเดิมมาก

นายพิชัยกล่าวว่า ที่ออกมากล่าวเช่นนี้ ไม่ได้เป็นการโจมตึแต่อยากให้ข้อมูลในเชิงวิชาการว่าการรัฐประหารได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแก่ประเทศอย่างมาก โดยมีผลกระทบดังนี้

1) การลงทุนภาคเอกชน ตลอด 2 ปี ทั้งจากนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนในประเทศ หายไปเกือบหมด ซึ่งปกติจะมีประมาณ 2 ล้านล้านบาทต่อปี

2) การส่งออกทรุดลงตลอด 19 เดือน พึ่งมาฟื้น 2 เดือนหลัง ตำ่ที่สุดในรอบ 6 ปี สาเหตุหนึ่งมาจากการไม่สามารถเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆได้ เพราะเงื่อนไขที่ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย

3) นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีฐานะดี จะไม่เดินทางมาประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย อีกทั้งการจัดสัมมนาของบริษัทข้ามชาติใหญ่ๆทั่วโลกก็ไม่มาจัดเช่นกัน ซึ่งรายได้เข้าประเทศจากนักท่องเที่ยวระดับนี้ที่มีการจับจ่ายใช้สอยสูงได้หายไป

4) ความสามารถแข่งขันของประเทศลดลง 2 ปีติดกัน จากการจัดอันดับของ WEF เหตุผลหลักมาจากการทำรัฐประหาร

5) การที่เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพมาก ตามที่ ไอเอ็มเอฟ และ เวิร์ลแบงค์บอกไว้ และ รมว. คลังเองก็ยอมรับ ซึ่งสาเหตุใหญ่มาจากความไม่เป็นประชาธิปไตย

6) รายได้ของประชาชนหดหาย โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย เช่น เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน คนหาเช้ากินค่ำ แม้กระทั่งคนชั้นกลาง ตั้งแต่มีการทำรัฐประหาร

ทำให้การบริโภคภายในประเทศลดลง

นายพิชัยกล่าวว่า เมื่อรายได้ของประเทศเหล่านี้หายไปจากระบบเศรษฐกิจ จะทำให้ตัวคูณทางเศรษฐกิจซ้ำเติมทำเศรษฐกิจหดหายไปเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับผลกระทบ ไม่อยากให้คิดว่าเป็นการโจมตีแต่เป็นการให้ข้อมูลที่แท้จริงที่ได้เคยเตือนไว้นานก่อนหน้านี้หลายครั้ง ซึ่งหากรัฐบาลและนายสมคิดไม่เห็นด้วยก็สามารถนำเหตุผลมาหักล้างได้ และตนยินดีไปร่วมชี้แจงในเวทีไหนก็ได้ เพื่ออยากให้ประเทศไทยก้าวหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่อยู่แบบซึมๆกันต่อไปแบบนี้ จนประเทศไทยล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านหมด โดยอยากให้เร่งกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว ประเทศจะได้เริ่มเดินหน้าได้ แล้วที่ขอบีโอไอกันไว้จะได้เริ่มลงทุนกันจริงเสียที ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายนี้อีกหลายปี