ที่มา FB
Pipob Udomittipong
ผมมองว่ากรณี “เบส-อรพิมพ์” กับ “น๊อต กราบรถกู” เป็นการ “ฆ่าตัวตาย” กรณีแรกร้ายแรงกว่าเพราะอาจกระทบถึงความสัมพันธ์ของประเทศด้วย ความจริง “นักพูดร้อยศพ” ไม่น่าออกมาปูดข่าวการถูกปฏิเสธวีซ่าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวเองเลย เพราะจะกระทบต่อเครดิตในการขอวีซ่าครั้งต่อไปกับสหรัฐฯและประเทศอื่นด้วย และยังสร้างความลำบากใจให้ทางการสหรัฐฯ ซึ่งไม่สามารถออกมาอธิบายเหตุผลการปฏิเสธวีซ่าได้ เพราะมันเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” (http://www.komchadluek.net/news/politic/249064)
และหลังจากปล่อยให้ “ดราม่า” กันอยู่พักหนึ่ง เบสจึงออกมาชี้แจงว่า อาจมีปัญหาเนื่องสถานะการเงินไม่ดี คือติดเครดิตบูโร (http://www.matichon.co.th/news/361506) ความจริงเรื่องสถานะการเงินอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่แบบที่เขาคิดก็ได้ หลายคนได้วีซ่าโดยไม่ต้องยื่น statement ก็มี หรือ statement อาจไม่สวยก็มี แต่อาจเป็นเพราะการขอวีซ่าผิดประเภท หรือแจ้งข้อมูลไม่ครบก็ได้ อย่างการไปพูดครั้งนี้มันเป็นรายการ for-profit ได้รับค่าตัวหรือไม่ ถ้าได้ แล้วไม่แจ้งเขาหรือเปล่า หรือแจ้งแต่ขอเป็น “วีซ่าท่องเที่ยว” ซึ่งแสดงว่ามีการโหนกระแสสร้างรายได้ แต่บ้านเราทำเป็นเงียบ ๆ กันเท่านั้นเอง
“น็อต” นั้นผิดตั้งแต่ไม่ยอมรับผิดเพราะไปเชื่อพ่อตาเลยตายหมู่ ส่วนเบสผมว่าผิดตั้งแต่ออกมาให้ข่าวเรื่องนี้ ซึ่งการทำแบบนี้ ฆ่าตัวตายชัด ๆ
ooo
เบส-อรพิมพ์ ยื่นวีซ่าไม่ผ่าน เพราะติดเครดิตบูโร (?) #InHerView 16 พ.ย.59 https://t.co/lxQkWyxFGX #VoiceTV21 pic.twitter.com/Y4V24sQKLQ— VoiceTV21 (@Voice_TV) November 16, 2016