เท่าที่เห็นบนโซเชียลมีเดีย มีผู้สรุปสภาพง่อยเปลี้ยของสังคมไทยวันนี้ได้จะแจ้ง จริงแท้ก็คือ Thida Plitpholkarnpim เธอเขียนไว้ว่า
“นักบินด่าผู้โดยสารเพราะเกลียดขั้วการเมือง อยากให้เครื่องโหม่งโลก
อาจารย์ด่าลูกศิษย์ใหม่หน้าตาแย่ ไม่ควรคู่เป็นนิสิตมหาลัยไฮโซ
เศรษฐีเลี้ยงสัตว์ป่า บอกกูเป็นคนดีจ้า ถ้ากูไม่ช่วย ชาวบ้านและสัตว์ป่าพินาศไปแล้ว
คนที่มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งออกมาด่าเด็ก แต่งเพลงโง่เง่าดูถูกชาวบ้าน”
เธอลงท้ายว่า “ประเทศคนบ้า ห้า ห้า” แต่ขึ้นต้นด้วย hashtag #RIP Thailand
เรื่องนักบินใกล้จบแระ ในเมื่อซีอีโอของทั้งสองสายการบินโลว์คอสต์ที่เกี่ยวข้องโทรศัพท์ไปขอโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เสียหายซึ่งเป็น ‘เหยื่อ’ ของการแสดงความชิงชังแบบ ‘hatred’ ครั้งนี้
ส่วนนักบินผู้ช่วยและนักบินฝึกหัดจากทั้งนกแอร์และแอร์เอเชียต่างถูกสั่งพักงาน ๒ เดือน โดยไม่ต้องถูกไล่ออก นัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์โทรศัพท์ไป ‘ขอไว้’ จากผู้บริหารสายการบิน
ส่วนผู้โดยสารอื่นๆ ในเที่ยวบินนั้น ไม่เห็นมีการขอโทษ นี่ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งเกิดความรู้สึกว่าถูกละเมิด จะไปยื่นฟ้องร้องเอาผิดทางอาญาด้วย พรบ.การบิน ม. ๒๒ ที่ว่า
“ผู้ใดแจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และการนั้นเป็นเหตุหรือน่าจะเป็นเหตุให้ ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานหรือผู้อยู่ในอากาศยานในระหว่างการบิน ตื่นตกใจ” ละก็
ระวางโทษต่อความผิดให้จำคุกได้ถึง ๕ ปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แต่คนที่กระทำ (ละเมิด) ผิดซ้อนผิด ยังลอยชายก็คือ ชัย ราชวัตร ที่ฉกฉวยวิบัติกรรมของนักบินมาเป็นโอกาสซ้ำเติมบุคคลสาธารณะที่ตนเกลียด ด้วยการเขียนข้อความเฟชบุ๊คร้องเรียนคุณพาที สารสิน ซีอีโอนกแอร์ให้ แบล็คลิสต์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โทษฐานที่ทำให้นักบินมีอารมณ์บ่จอย
เห็นมีคอมเม้นต์บนกระดานไซเบอร์ว่า คนอย่างชัยนี่ไม่น่าสลิ่มขนาดนี้ อะไรปานนั้น เสียทีที่เป็นซ้ายเก่า ๖ ตุลา ก็เลยต้องขอเรียนแก้ต่างให้เขาหน่อย
ชัยไม่ใช่คนเดือนตุลา ไม่ใช่ ๖ อาจจะ ๑๔ เฉียดๆ เขาพาตัวเองไปเขียนการ์ตูนอยู่อเมริกาหลายปี ใช้นามว่า บุญมาชิคาโก แต่ตัวอยู่ลอส แองเจลีส เพราะหนีภัยสฤษดิ์ ยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
สมัยนั้นนักหนังสือพิมพ์ไม่ถูกทุบแท่นก็ถูกทุบหัว มาตรา ๑๗ เป็นใหญ่ ใครที่เผาบ้านเอาประกัน หรือกินเนื้อเพื่อนมนุษย์ (แบบซีอุย) ถูกยิงเป้า สมัยนี้ ม.๔๔ สารพัดใช้ เผาเมืองไม่เป็นไร โทษเสื้อแดงได้ กินเลือด (ล่าแม่มด) ตระกูลชินวัตรและเครือข่าย ถือว่า matyre ขลังยิ่งกว่าจิฮัด
อ้อ อีกอย่าง ซ้ายแบบชัยสมัยนั้นเรียก ซ้าย (ปิแอร์) การ์แดง หรือซ้ายบรั่นดี (เคมุส) เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนเป็นขวาซิงเกิ้ลม้อลท์ (เกล็นมอแรงกี้)
เพราะฉะนั้นพวกนักประชาธิปไตยอย่าไปเสียอกเสียใจ หรือเสียดายอะไร ปล่อยเขาไปตามทางของเขาเถอะ
เรื่องอาจารย์ครุศาสตร์ที่เขียนด่าเด็กใหม่รัฐศาสตร์จุฬา นักกิจกรรมจากเตรียมอุดมฯ ว่าหนังหน้าดูไม่ดี ไม่มีอัตลักษณ์ชนชั้นสูง ก็ใกล้จบเหมือนกัน เมื่อเจ้าตัวโพสต์ใหม่ “ขออภัยเป็นอย่างสูง” “ต่อหลายบุคคลหลายฝ่าย”
นี่ก็มีคนทักว่ายกมือท่วมหัวไหว้รอบวง แต่ขาดคนสำคัญไม่ได้ขอโทษก็คือ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ผู้ที่ถูกจ้วงจาบ
แม้ว่านายเนติวิทย์ได้ตอบกลับไปแล้วอย่างสาสมว่า “คุณจะสอนคนเป็นครูได้ยังไง ในที่ตัวคุณเต็มไปด้วยอคติขั้นมืดบอด” ก็ตามที
ทว่างานนี้ทำให้มีการขุดคุ้ยเอาธาตุแท้ของความเป็นไทยๆ ออกมาประจานตัวเองกันใหญ่ รายหนึ่งเขียนว่า
“อัตตลักษณ์ของจุฬาไม่ต้องการนักศึกษาก้าวร้าว...จุฬาฯ ต้องการนักศึกษาที่รู้คุณแผ่นดิน เทิดทูลพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่มีในตัวนายเนติวิทย์เลย”
ปรากฏว่านวลนางที่เขียนโพสต์นี้ เธอจบจาก มช. เชียงใหม่น่ะ
อีกด้านมีการไปค้นประวัติความเป็นตัวตนและหน้าตาของ ดร.เปรม สวนสมุทร อาจารย์ครุศาสตร์คนดังกล่าว ทั้งในด้านการขัดข้องกับรูปลักษณ์ของคนอื่นเสียหนักหนา และการติดยึดต่อความเป็นชนชั้นสูง ไปจนถึงงานเขียนทางวิชาการ โดยเฉพาะเรื่อง “การศึกษานว นิยายร่วมสมัยของชายชาวดอกไม้”
ลงเอยเรื่องอัตลักษณ์จุฬา คนที่ก่อเรื่องกระทบเด็กก็หน้าบุบไปตามกรรม
มาถึงเรื่อง (เศรษฐี) ผู้ดีกับนกเงือก หลังจากวิกรม กรมดิษฐ์ โพสต์รูปตนเองมีนกเงือกเกาะอยู่ข้างๆ ทำให้เกิดคำถามว่านกชนิดนั้นเป็นสัตว์สงวน มาอยู่บ้านวิกรมได้ไง ยิ่งตอนนี้มีตัวอย่างวัดป่าหลวงตามหาบัว ที่เมืองกาญจน์กำลังขายหน้าหนักจากการขาย (ชิ้นส่วนและซาก) เสือ
ทั่นวิกรมดันตอบว่านกมันบาดเจ็บบินมาเกาะที่บ้านเชิงเขาใหญ่ เลยช่วยรักษาดูแล หายแล้วมันก็ไม่ไป แต่ความจริงที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์ป่าสงวนให้ความรู้ ว่ามันตรงข้าม
นกเงือกสีน้ำตาลที่บ้านวิกรมไม่ใช่สัตว์ป่าเขาใหญ่ ปากช่อง หากแต่เป็นสัตว์สงวนของแถบทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออกโน่น หรือไม่ก็ทางป่าภาคใต้ ไม่มีทางพลัดหลงไปอยู่แถวบ้านวิกรมได้
อันนี้คงลงเอยกล้ำเกื้อกันไป ผู้ดี คนดี หน้าแตกนิดหน่อยใช้ศัลยกรรมพล้าสติกช่วยได้ ง่ายนิดเดียว
การบ้านผ่านไป ตานี้การเมือง เรื่องคนจัดเลือกตั้งภาคนิยม ออกซีดีดูหมิ่นชาวบ้าน รณรงค์ไปออกเสียงประชามติแต่ดันดูหมิ่นคนอีสาน-เหนือ ว่าอย่าเชื่อ อย่าให้ใครเขา ‘จูง’ ได้ง่าย ส่วนคนใต้รักประชาธิปไตยอยู่แล้ว (ไม่นับที่ยกมวลชนไปขัดขวางเลือกตั้ง)
ทั้งที่ให้คนเขียนเพลงออกมาปฏิเสธ ปฏิภาค ไม่จงใจ ไม่เจตนา ทุกอย่างทั้งนั้น ทำไปด้วยการกำกับใกล้ชิดของทหาร คสช. ให้แก้ไขตั้ง ๘๘ ครั้ง ทั้งๆ ที่เนื้อเพลงมันฟ้องอยู่แล้วโจ่งแจ้ง
ท้ายสุดทั่น กกต.คนดัง สมชัย ศรีสุทธิยากร แจ้งว่าจะดำเนินการแก้ไขเนื้อเพลงรณรงค์ประชามติไม่ให้มีลักษณะเหยียดภาคอีสาน-เหนือ
แถมเรื่องเพลง ‘ตีเข่า’ ตีตกร่างรัฐธรรมนูญ คสช. ที่ กกต. ออกมาขู่ว่าผิด พรบ. ประชามติ อาจโดนข้อหา ติดคุก ๑๐ ปีได้ แล้ว ‘พลเมืองโต้กลับ’ ตอกใส่ทำนองกรูไม่กลัวมรึง ประกาศจัดมีนิคอนเสิร์ตหน้าสำนักงาน กกต.
สมชัย ชอบ (ทัวร์) สวิส แถลงว่า ถ้าพวกพลเมืองตีเข่าจะไปเล่นเต้นตามจังหวะเพลงก็เอา ถือเป็นเสรีภาพทำได้
แต่กำลังตำรวจไม่ยักฟัง กกต. ยกกันไป ๓๐๐ กว่านาย เตรียมสกัดพวกพลเมืองตีเข่า จนเต็มพรึ่บ
นี่แหละสังคมไทยยุคใกล้จะเปลี่ยนผ่าน ฝันหวานจะเปลี่ยนพ้น แต่ยังวังวนอยู่กับภาพลักษณ์เห่อเหิมเกินควรของการพูดอย่างทำอีกอย่าง และตะเกียกตะกายว่ายวนถีบตนเองให้ขึ้นบน เผื่อจะพ้นก้นอ่าง