คสช. นี่มือเติบเหลือเกินกับเงินประชาชน รถไฟญี่ปุ่นยังไม่รู้จะได้ซื้อไหม (รู้ละว่าอยาก) นี่จะเอาเรือบินล่าเรือดำน้ำซะอีก
วันนี้ (๗ มิถุนา) รมว.กลาโหมญี่ปุ่นมาพบบิ๊กตือในกรุงเทพฯ แว่วว่าทั่นรองฯ จะมอบใบสั่งซื้อเครื่องบินปราบเรือดำน้ำ พี-๑ ผลิตโดยบริษัทกาวาซากิรุ่นใหม่ของญี่ปุ่น
วารสารนิกเคอิรายงานว่า นายพลนากาตานิจะเข้าพบพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อเจรจาความร่วมมือทางเทคโนโลยี่ระบบป้องกันประเทศระหว่างสองประเทศ
รายงานแจ้งว่าเครื่องบินตรวจหาเรือดำน้ำติดตั้งระบบยิงจรวดทำลายจากอากาศสู่ผิวน้ำและผิวดิน ตอร์ปิโด จรวดทะลวงน้ำลึก และระบบทิ้งระเบิดรุ่น พี-๑ นี้ยังพร้อมไปด้วยระบบสแกนวงกว้าง ‘เออีเอสเอ’ เครื่องตรวจสอบแม่เหล็กมุมเฉียง ‘เอ็มเอดี’ และระบบตรวจจับด้วยแสงและรังสีอินฟาเร็ด
นิกเคอิรีวิวระบุว่า ญี่ปุ่นผลิตเครื่องบินสี่เครื่องยนต์ปีกกว้าง พี-๑ รัศมีบิน ๘ พันกิโลเมตร ความเร็ว ๙๙๖ กิโลเมตรต่อชั่วโมงสำหรับการสอดแนมออกมา “ขายแข่งเครื่องบินตรวจยามน่านน้ำ พี-๓ ออเรี่ยน โดยบริษัทล็อคฮี้ทมาร์ตินของสหรัฐ ซึ่งใช้กันอยู่แพร่หลายในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ ไต้หวัน และไทย”
นั่นแสดงว่า ประเทศไทยมีเครื่องบินตรวจน่านน้ำใช้อยู่แล้ว หากแต่เครื่องบินที่จะซื้อจากญี่ปุ่นใหม่อีกนี้เจาะจงไว้ตรวจหาเฉพาะเรือดำน้ำเท่านั้น
เนื่องด้วยสัญญาซื้อกำหนดว่าถ้าไทยจะนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น จักต้องยื่นขออนุมัติจากญี่ปุ่นเสียก่อน
สัญญาดังกล่าวเป็น “ข้อแม้จะต้องปฏิบัติหากจะให้ญี่ปุ่นผ่านมือยุทโธปกรณ์ป้องกันประเทศสู่ไทย” ซึ่งนิกเคอิชี้ว่า “อาจเป็นปัญหาให้การตกลงซื้อขายยากขึ้น” ก็ได้
แต่นั่นอาจไม่ใช่ปัญหาสำหรับ คสช. ที่อยากซื้อเอามาไว้อวดศักดาก็เป็นได้ เหมือนที่อยากซื้อเรือดำน้ำจากจีน เฮลิค็อปเตอร์จากเบลเยี่ม และรถถังจากรัสเซีย
อาการมือเติบนี้ยิ่งไปกว่าข้อโจมตีที่พวกเกลียดทักษิณใช้นำร่องให้ทีม ‘สาม ป. สอง ต.’ ออกมายึดอำนาจตั้งแต่ ๒๕๔๙ เสียอีก ชนิดน้องทักษิณยังงง
อย่างที่อดีต ส.ส. ประชาธิปัตย์ รองผู้ว่า กทม. ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ เขียนไว้บนเฟชบุ๊คเปรียบราคารถไฟเร็วสูงยุคบิ๊กตู่กับยุคอิปูว์ แพงกว่ากัน ๕๑ เปอร์เซ็นต์
“หากคุณยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรีได้เห็นค่าก่อสร้างของรัฐบาลนี้ ท่านอาจจะพูดว่า รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เจียงใหม่ของรัฐบาลตู่แปงขนาด แปงกว่าของปูจ้าดนัก”
แล้วก็นิกเคอิอีกนี่แหละที่เพิ่งออกมาเตือน คสช. เรื่องเศรษฐกิจไทยไม่กระเตื้อง จะทำให้ประชาชนไม่พอใจ คสช. ยิ่งขึ้น
นิกเคอิยืนยันว่า “การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยยังไปไม่ไกล อยู่ที่ราว ๓ เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าระดับ ๕ เปอร์เซ็นต์ที่เคยเป็นทิศทางดังธรรมชาติเมื่อไม่นานมานี้”
“มาตรการชุบชีวิตเศรษฐกิจไทยที่คณะทหารฮุนต้าวางไว้สองสามอย่าง ยังไม่เห็นแสดงผลสะท้อนที่มีความหมายออกมา”
ถ้าจะดูตารางการเติบโตเศรษฐกิจไทยที่นิกเคอิทำไว้ ตามมาตรการเศรษฐกิจของ คสช. ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จากเกณฑ์วัด ๓ อย่าง ๑.พอมีดีบ้าง ๒. ค่อนข้างแย่ และ ๓. ไม่มีคืบหน้า พบว่า
อย่างดีมีแค่โครงการระยะยาวก่อสร้างรางรถไฟ เป็นอันเดียวที่ได้คะแนนในเกณฑ์พอจะคืบหน้าอยู่บ้าง นอกนั้นส่วนใหญ่เข้าลักษณะค่อนข้างแย่ รวมถึงโครงการช่วยเหลือชาวนา ๑๔๐,๐๐๐ ล้านบาทที่ใช้เงินไปแล้ว ๗๐ เปอร์เซ็นต์ กับโครงการอุ้มธุรกิจย่อยที่ คสช. จ่ายเพลิน ๘๖ เปอร์เซ็นต์ของ ๒๕๖,๐๐๐ ล้านบาท
ส่วนที่แย่อย่างยิ่งมีสองอย่าง คือโครงการกระตุ้นการจับจ่ายภายในประเทศ ทั้งอัดทั้งยัดยังไงก็ยังไม่ขึ้น กับโครงการป้องกันอุทกภัย อันนี้นิกเคอิบอก รัฐบาลทหารยังไม่ทำไรเลย ทั้งที่เวลานี้เริ่มมีน้ำท่วมบ้างแล้วตามต่างจังหวัดในบางท้องที่
ก็คงต้องรอหัวหน้าใหญ่ได้เวลาสั่งการ ช่วงหลังนี่ทั่น busy ยุ่งมาก จ้อโน่นจ้อนี่ ข้ามน้ำข้ามทะเลไป keynote ปาฐกถาต่างประเทศ แล้วยังต้องกลับมาต่อล้อพวกนักการเมืองรู้ดี (กว่า) อีก โดยเฉพาะพวกตั้งศูนย์ปราบโกง