วันพุธ, มิถุนายน 01, 2559
พรบ.คอมฉบับใหม่ คือระเบิดเวลาประเทศไทย
(แชร์เยอะๆ แชร์ให้มากที่สุด)
สเตตัสนี้แปลจากบทความของสำนักข่าว Bangkok post ภาคภาษาอังกฤษ มีการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะกับภาษาไทยแต่สาระใจความยังเหมือนเดิม
"รัฐบาลทหารคสช.กำลังสร้างความสับสนเรื่องดิจิตัลให้ลึกยิ่งขึ้น
คสช.ปฏิเสธการทิ้งแนวคิด Single Gateway ที่เปรียบเสมือน
" Great Firewall " ของจีน แต่รออำนาจของผู้ที่มีอำนาจเพื่อทำให้เป็นเรื่องที่ถูกกฏหมายและสามารถลักลอบดักจับข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตอย่างลับๆ
การแก้ไขแบบนี้มาจากการปราศจากความเข้าใจเรื่องอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ของทหารและกำลังผ่านเป็นกฏหมาย ช่างเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างมากและไม่ใช่บุคคลที่สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชนเท่านั้นที่ผิดหวัง การแก้ไขพรบ.คอมพิวเตอร์รอบนี้มีสิ่งสำคัญที่สังคมต้องสนใจอย่างยิ่ง
คสช.จะให้อำนาจไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐรวบรวมข้อมูลสำคัญ เช่น Login หรือ Password ของพลเรือนทุกๆคนที่ทำธุรกรรมการเงินออนไลน์นั่นทำให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถสามารถเข้าถึงและดักจับข้อมูลทางธุรกิจของทุกๆบริษัททีเชื่อมต่อออนไลน์ในขณะนั้นเข้าถึงแม้แต่อีเมล์ส่วนตัวในบ้านพัก
พรบ.คอมฯที่ถูกแก้ไขใหม่นี้กำลังจะเป็นกฏหมายบังคับใช้ในเดือนหน้า (คาดว่ามิถุนายน) และไม่เพียงเท่านั้นตัวพรบ.คอมฯที่ถูกแก้ไขจากสนช. ได้ระบุเจาะจงชัดเจนถึงความต้องการให้ตัว ISP (ผู้ให้บริการทางอินเตอร์เน็ต Internet Service Provider) ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าของ ISP นั้นๆได้ชนิดเต็มรูปแบบหรือเข้าถึงทั้งหมด
นอกจากนี้ ISP จะต้องเงียบห้ามส่งสัญญาณบอกสังคมเพราะจะโดนปรับทางกฏหมายอย่างรุนแรงหากส่งสัญญาณให้สังคมรู้ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐแอบเสือกจับตาดูประชาชนอยู่ และถึงแม้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตจะรู้ว่าทางภาครัฐกำลังดักจับข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เช่น การทำธุรกรรมATM หรือความลับทางธุรกิจ ผู้ให้บริการทางอินเตอร์เน็ตถูกสั่งห้ามไม่ให้เปิดเผยว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ทั้งหมดนี้และมากกว่านี้ถูกขุดพบจากกลุ่ม NGO Thai Netizen Network และค้นพบแผนการที่จะลดความถี่การเคลื่อนไหวของข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศให้ไปเป็น Single Gateway เพื่อง่ายสำหรับรัฐบาลคสช. ในการจับตาดูการใช้อินเตอร์เน็ต
กลุ่ม NGO นี้ได้อธิบายถึงการแก้ไขพรบ.คอมฉบับนี้ว่าเป็นแผนการให้เกิดการโจมตีกลางทางระหว่างการขนส่งข้อมูลหรือ "Man in the middle" ของคสช. นี่จะเป็นการทำลายการลงรหัสของข้อมูลอินเตอร์เน็ตที่กำลังเคลื่อนที่หรือเว็บไซต์ที่มี "https" ลงและนั่นเป็นขั้นตอนเดียวเท่านั้นที่ทำให้การทำธุรกรรมการเงินออนไลน์มีความปลอดภัย
ในเอกสารลับที่ถูกขุดพบจากกลุ่ม NGO ชัดเจนว่ารัฐบาลทหารต้องการทำลายการลงรหัส "https" เพื่อเข้าไปยังเว็บที่ต่อต้านสถาบัน
ถึงแม้ว่าในการทำสิ่งนั้นจะต้องถูกตั้งคำถามถึงการใช้อำนาจไปในทางที่ผิด แต่สิ่งที่อันตรายที่สุด คือ "ตัวรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐที่คอรัปชั่น"
สามารถใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือกลั่นแกล้งประชาชนผิดไปจากจุดประสงค์เดิม ซึ่งทำได้ถึงขั้นดัดแปลงข้อมูลขโมยเงินทางอิเล็กทรอนิคหรือเอาความลับที่ได้มาไปแบล็คเมล์ประชาชน
ข้อเท็จจริงของความเป็นไปได้ที่ประชาชนจะฉิบหายช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักนั่นทำให้ประเทศชาติตกต่ำและทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างมาก
รัฐบาลทหารคสช. กำลังเดินหน้านโยบาย "ประเทศไทย 4.0" เพื่อรองรับการพัฒนาทางดิจิตัล ความดีงามและการขยายตัวการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตคือกุญแจสำคัญ
แต่ความปลอดภัยและรักษาความลับก็เป็นกุญแจสำคัญด้วยเช่นกัน ถ้า สนช. ผ่าน พรบ.คอมฯ ฉบับแก้ไขเป็นกฏหมายในเดือนหน้า ชื่อเสียงของประเทศไทยจะมีแค่ทางเดียวนั่นคือเสื่อมทรามลงเท่านั้น
ในขณะที่นโยบาย Single Gateway กำลังอยู่บนโต๊ะและกำลังดำเนินการอย่างลับๆ ประเทศไทยจะรับผลกระทบอย่างมหาศาลต่อมาตราการ "ดักฟังข้อมูล" ที่กำลังวางแผนกันอยู่
การทำธุรกิจจะไม่มีความน่าเชื่อถือและความลับ ทุกคนที่ใช้ธุรกรรมการเงินออนไลน์กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นจะต้องรับภาระความเสี่ยงว่าบัญชีของตนนั้นไม่เพียงแค่ไม่มีความปลอดภัยแต่อาจถูกปลอมแปลงแก้ไขได้ด้วย
สนช.อาจถูกตั้งขึ้นมาจากคณะรัฐประหารแต่ก็ได้สาบานไว้ว่าจะทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศพวกสมาชิกเหล่านั้นจะต้องตีกลับร่างพวกนี้กลับออกไป ถึงเวลาแล้วที่สังคมจะต้องได้รับข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับเบื้องหลังของกฏหมายเหล่านี้
การใช้พรบ.คอมฉบับเดิมของรัฐบาลทหารก็ช่างเละเทะแต่ด้วยการจับตาดูของสังคมก็สามารถแก้ไขความเสียหายและสร้างความปลอดภัยของการใช้คอมพิวเตอร์ที่แท้จริงขึ้นมา "
ที่มา Internet laws a time-bomb
http://www.bangkokpost.com/opinion/opinion/993937/internet-laws-a-time-bomb
อ่านจบดูคลิปนี้ประกอบ เจาะเป็นรายมาตรา
http://shows.voicetv.co.th/wakeupnews/369873.html
==============================
ต่อไปหากมีเจ้าหน้าที่รัฐที่คอรัปชั่นก็สามารถลักลอบเอาข้อมูลหรือความลับทางธุรกิจที่ "ดักฟัง" ไปขายเป็นข้อมูลประเภท
"วงในหรือInsider" หรือใช้ข้อมูลนั้นเป็นประโยชน์ส่วนตัวได้
เข้าไปแก้ไขดัดแปลงการโอนเงินของผู้ฝากโดยเอาไปเข้าบัญชีตัวเจ้าหน้าที่แทนโดยเจ้าตัวไม่รู้ก็ได้ ยกเว้นจะตรวจสอบยอดเงินในบัญชี และสามารถเอาข้อมูลลับที่ได้มาจากการดักข้อมูลประชาชนมา "แบล็คเมล์" ประชาชนเพื่อผลประโยชน์เจ้าหน้าที่ได้
พรบ.คอมแก้ไขใหม่นี้จะทำให้เจ้าหน้าที่มีผลประโยชน์มหาศาล
จากอำนาจในการดักข้อมูลประชาชนให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง
สารพัดความบรรลัยรอคนไทยอยู่เบื้องหน้าแล้ว
@ หยุดดัดจริตประเทศไทย
31 พฤษภาคม 2559