วันศุกร์, มิถุนายน 10, 2559

เชลียกินขาด แบบไม่ต้องเก็บจาน






อะโห ว้าว ‘Prayut’ เผด็จการไทยได้เป็น ‘รัฐบุรุษ’

เฉพาะที่ Roger Mitton แห่งเหมียนหม่าไทมส์เขียนถึงน่ะนะ

มิสเตอร์รอเจอร์ผู้นี้เป็นใครไม่รู้ละ แต่ว่าวิธีเขียนแบบเชลียร์กินขาด ไมเคิล ยอน อดีตนักเขียนฟรีแล้นซ์ประจำพรรคประชาธิปัตย์ แบบไม่ต้องเก็บจานกันเลย

เขาเปิดฉากบทยอยศว่า “มันแปลกนะที่หัวหน้ารัฐบาลไหนๆ ก็ยากที่จะได้รับการเคารพยกย่อง ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าสู่ตำแหน่งสูงด้วยคะแนนเลือกตั้ง หรือว่าด้วยกระบอกปืน” ขึ้นต้นอย่างนี้นึกว่าเป็นแถลงของ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค

(หมายเหตุ หัวเรื่องบอกว่า “ประยุทธ์กลายเป็น (turns) รัฐบุรุษ และได้รับ (gains) ความเคารพนบนอบ” http://www.mmtimes.com/…/20763-thailand-s-prayut-turns-stat…)

บทความเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ร่ายต่อ “การเป็นผู้บริหารกิจการของชาติที่สามารถ ไม่ได้ก่อให้เกิดการเคารพนบนอบเสมอไป

โดยที่การกระทำพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียวจะดูดเอาความนับถือออกไปจากตัวผู้นำที่นอกนั้นประพฤติชอบก็ได้”

นายมิตตันยกเอา โทนี่ แบลร์ มาเปรียบเปรยว่าทั้งที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษจากพรรคแรงงานที่มีประสิทธิภาพมาก แถมยังอยู่นานที่สุด เดี๋ยวนี้เรียกกันว่าโทนี่สารพิษ ‘Toxic Tony’ เพราะการตัดสินใจเข้าร่วมกับอเมริกาบุกยึดอิรัก

เขายังกล่าวหานายแบลร์เป็นผู้รับใช้จ๊อร์จ ดับเบิ้ลยู บุสช์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐสองสมัยซึ่งอยู่ในข่ายไม่มีใครนับถือ ไม่เหมือนบิล คลินตัน ประธานาธิบดีสองสมัยเหมือนกันที่สร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจแก่สหรัฐ มีผู้คนยอมรับนับถือกันถ้วนหน้า

นายมิตตันยังอ้างอิงอดีตผู้นำในประเทศอาเซียนอย่างมะหาเตอร์ โมฮัมมัด ของมาเลย์เซีย กับโว วัน เคียต ของเวียตนาม ต่างได้รับการเคารพ ขณะที่เบนิเกียว อะควิโน ของฟิลิปปินส์ และสุซิโล บัมบัง ยูเดียวโน ของอินโดนีเซีย ไม่ได้รับ

ยังไม่หมด มิสเตอร์รอเจอร์เทียบถึงประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปีนส์ โรดริโก ดูเตอร์เต กับว่าที่ตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ดอแนลด์ ทรั้มพ์ ว่าจะไม่ได้รับการเคารพนบนอบ ไม่ใช่ ‘รัฐบุรุษ’

สำหรับเขา รัฐบุรุษต้อง Prayut Chan-o-cha “ที่น้อยคนจะไม่เห็นด้วย แม้แต่พวกคนชั้นนำ” เหตุเพราะการได้รับเชิญไปเป็นผู้อภิปรายคนสำคัญในการประชุมเกี่ยวกับความมั่นคง Shangri-La Dialogue ครั้งที่ ๑๕ ที่สิงคโปร์

“ประยุทธ์ ผู้ที่สื่อไทยมักจัดอยู่ในประเภทผู้นำที่ชอบพูดท้าทาย ได้รับการแนะนำตัวก่อนขึ้นพูดว่าเป็น รัฐบุรุษที่พูดตรงไปตรงมา” นี่เป็นเหตุผลหลักของนักเขียนเหมียนหม่าไทมส์ ว่าเจ้าภาพสิงคโปร์นั้นฉลาด “เขาคงไม่พูดอย่างนั้นถ้าคิดว่าไอ้หมอนี่จะโดนโค่นเร็วๆ นี้”

ข้อเขียนยอยศประยุทธ์มีต่อไปอีกยาวเพื่อแสดงว่าเขาได้รับการเคารพนบนอบจากบทบาทในการยุติความขัดแย้ง สร้างสันติสุข และ “สร้างประชาธิปไตยที่แข็งแรงกว่าเดิม และยั่งยืน...

ที่ขณะนี้เข้าปีที่สาม และอย่างที่ประยุทธ์บอกไว้ในเดือนนี้ว่าเขาจะอยู่ต่อไปจนกว่าประเทศจะมีสันติ และปัญหาได้รับการแก้ไข ซึ่ง “นั่นจะต้องใช้เวลานานมาก”





มิตตันรวบรัดตอนใกล้จบบทความว่า ปาฐกถาของประยุทธ์ดำเนินไปได้ดี แม้แต่นายแอซตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ที่ประเทศของเขาวิพากษ์รัฐประหารไทย ยังบอกว่าเป็นปาฐกถาที่ “มีความคิดอ่าน”

นั่น รมว.กลาโหมสหรัฐคงหมายถึงข้อเสนอของไทยให้ประเทศฝักฝ่ายต่างๆ ในกรณีพิพาทน่านน้ำทะเลจีนใต้ “มองข้ามเส้นเขตแดน” เพื่อนำไปสู่การอยู่ร่วมกันโดยมีสมดุลยภาพ equilibrium

แต่สำหรับนายมิตตันผู้เขียนน่าจะหมายถึงการที่ประยุทธ์ใช้เวทีสิงคโปร์แก้ต่างการครองอำนาจของคณะทหาร ว่าขอเวลาอีกพักเดียวเพื่อจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

แต่ความเรียบร้อยที่ว่านั่นเป็นสภาพการณ์ที่ คสช. สามารถกุมอำนาจ กำจัดความเห็นแย้งต่างๆ อย่างเบ็ดเสร็จราบคาบ มีสิทธิพิเศษเหนือการเมืองต่อไปเป็นเวลา ‘นานมาก’ ดังนายมิตตันเอ่ยไว้

ปาฐกถาของประยุทธ์เป็นภาษาไทย ที่เราๆ ฟังแล้วคุ้นหูเสียจนไม่ได้คิดลึกในเนื้อหา ซึ่งเมื่อสื่อต่างประเทศนำไปเสนอในภาษาอังกฤษแล้วชัดเจนว่าเป็นเพียงวาทกรรมและสำนวน หรือ rhetoric ที่ไม่มีการกระทำจริงรองรับ หรือแม้แต่ความมุ่งหมายว่าจะได้กระทำจริง

(ดูที่ข่าวของ เดลี่เมล http://www.dailymail.co.uk/…/Thai-junta-leader-defends-crac… เป็นตัวอย่าง)

นายมิตตันผู้เขียนพยายามจะทำให้ประยุทธ์ ‘ดูดี’ ด้วยการนำไปเปรียบกับการพูดอย่างสามหาวของทรั้มพ์ ว่า “ประยุทธ์ ถึงแม้จะ ‘หลุด’ เป็นครั้งคราว ก็ไม่ใช่เช่นนั้น”

คุณรอเจอร์ชื่นชมปาฐกถาของประยุทธ์เรื่องจะต้องครองอำนาจต่อไปว่า “เหมือนมีสำนึก...ว่าตนไม่มีทางเลือกอื่น”

ข้อเขียนของนายมิตตันไม่ต่างอะไรกับถ้อยแถลงของพันเอกวินธัย สุวารี หรือพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เพียงแต่นี่เขียนเป็นภาษาอังกฤษโดยคนชื่อฝรั่ง และตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์พม่า

มิสเตอร์รอเจอร์ มิตตันคนนี้ดังแน่ ไม่ช้าคงได้เห็นการนำไปแชร์แซร่ซร้องกันใน น.ส.พ.แนวหน้า ทีนิวส์ ไทยโพสต์ และไทยทริบูน จนได้

ป.ล. เผลอๆ มีเนชั่นพ่วงอีกราย