ระหว่างรอลุ้นกันว่า ดีเอสไอจะสนธิกำลังทหาร-ตำรวจบุกเข้าฉกตัวหลวงพ่อธัมมชโยเมื่อไหร่ อีท่าไหน คงตั้งตารอดูการถ่ายทอดสดสไตล์แท็บลอยของสื่อไทยกันสลอน
หลังจากที่ นพ.มโน เลาหวนิช ลูกศิษย์หัวแก้วคนหนึ่งออกมาให้เบาะแสว่า ลูกศิษย์ลูกหานับพันใช้ยุทธวิธี ‘ตั้งโล่มนุษย์’ รับ
“การรักษาความปลอดภัยให้กับพระธัมมชโยนั้น จะมีพระสงฆ์นั่งสมาธิผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันวันละ ๕๐๐ รูป โดยพระเหล่านี้จะถูกฝึกให้นั่งเรียงกัน ถ้านั่งแล้วมีคนแปลกปลอมเข้ามา ให้ยืนขึ้นแล้วคล้องแขนกันเป็นลูกโซ่ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรรุนแรงก็ให้ใช้มือถือถ่ายภาพ แล้วฟ้องต่อสังคมโลก จึงเห็นชัดเจนว่าทางวัดพระธรรมกายได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว ทำให้คนภายนอกเข้าถึงตัวพระธัมมชโยได้ยากมาก นอกจากนี้ยังมีญาติโยมมาคอยอารักขาอีกวันละ ๕,๐๐๐ คน จากทั่วประเทศผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน คนนอกเข้าไปไม่ถึงตัวแน่”
แถมยังปูดพิกัดที่เก็บตัวเจ้าอาวาสวัดธรรมกายเสียละเอียด ยังกับลายแทงเนวี่ซีลใช้บุกเข้าจับตายบินลาเด็น
“ขณะนี้พระธัมมชโยจำวัดอยู่ที่อาคารภาวนา ซึ่งเป็นสถานที่อยู่ติดกับกำแพงวัดพระธรรมกาย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ด้านหน้าเป็นรั้วคอนกรีต ส่วนด้านหลังเป็นคลองกว้าง ๑๐ เมตร เรียกว่า คลองแอน”
(http://www.dailynews.co.th/crime/400400)
ควรหันมาให้ความสนใจ ช่วยกันลงชื่อคำร้อง petition ที่ change.org สักหน่อยไม่ดีหรือ ในเรื่องร่าง พรบ. การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับที่แก้ไขใหม่โดยกฤษฎีกาต่อเนื่องมาหลายปีจนเสร็จ และ ครม. ของ คสช. อนุมัติรวดเดียวส่งให้ สนช. (ของ คสช.อีกแหละ) พิจารณานำออกประกาศใช้ สนช. ก็แสนไว พิจารณาวาระแรกเสร็จแล้วด้วยมติ ๑๖๐ ต่อ ๐ กำลังพิจารณาวาระสอง รับรองเสร็จตอนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้แน่
ตามเนื้อถ้อยในคำร้องก็ชัดเจนว่าร่าง พรบ. คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่นี้ “จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะเสรีภาพในการแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร อีกทั้งจะรบกวนการทำงานของระบบอินเทอร์เน็ต ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่ปลอดภัย”
ดังที่ Chiranuch Premchaiporn บก.ประชาไทสรุปไว้สั้นๆ ว่า “พ.ร.บ.คอมใหม่ จะเป็นแบบนี้นะ การกระทำทุกอย่างของเราบนเน็ต ธุรกรรมออนไลน์ก็จะไม่ปลอดภัย ถูกดักดูโดยกฎหมายรองรับด้วย (ไว้ใจตำรวจ/เจ้าหน้าที่รัฐป่ะล่ะ)
ไม่ใช่แค่เรื่องโพสต์การเมืองที่เราคิดว่าไม่ทำผิดแล้วจะกลัวอะไร ถ้าเราเมินเฉยไม่คัดค้าน เราก็ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดไป... ตระกูลชินวัตรมาเป็นรัฐบาล ก็ใช้กฎหมายเดียวกันนี้แหละ
กฎหมายที่ออกในช่วงนี้จะส่งผลต่อชีวิตเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นสีอะไร ไปอีกนานมากๆ กรุณาอย่าคิดแต่ว่าพวกเสื้อแดง ทหารออกอะไรมาก็คัดค้านหมดเลย พวกทักษิณไรงี้ เลิกคิดเหอะะนะ -- จากใจสลิ่ม
:p
ไปลงชื่อในแคมเปญไม่เอาพรบ.ล้วงข้อมูลได้ที่https://www.change.org/p/%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%8A-%E0%B8…
cr: #มิตรสหายท่านหนึ่ง
รายละเอียดที่คำร้องอ้างไว้ ดังนี้
“๑. มาตรา ๑๔ (๑) ของร่างที่แก้ไขใหม่ ยังถูกตีความให้นำมาใช้กับความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ ทั้งที่เจตนารมณ์แท้จริงของกฎหมายมุ่งที่จะแก้ปัญหาการปลอมแปลงตัวตนเพื่อหลอกลวงออนไลน์เท่านั้น
๒. มาตรา ๑๔ (๒) ของร่างที่แก้ไขใหม่ กำหนดฐานความผิดไว้อย่างคลุมเครือ เช่น ความผิดฐานโพสต์ข้อมูลเท็จที่กระทบต่อ "ความปลอดภัยสาธารณะ" หรือ "ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ" ซึ่งไม่มีนิยามอยู่ในกฎหมาย การใช้คำที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ อาจส่งผลให้การบังคับใช้มีปัญหา เกิดการตีความโดยเจ้าหน้าที่เพื่อประโยชน์ของผู้มีอำนาจในเวลานั้น
๓. มาตรา ๑๕ ของร่างที่แก้ไขใหม่ ให้อำนาจรัฐมนตรีออกประกาศเพิ่มเติมเรื่องหลักเกณฑ์และขั้นตอนวิธีการปิดกั้นเว็บไซต์ได้ ซึ่งปรากฏเอกสารของกระทรวงไอซีทีว่ามีการเตรียมการออกประกาศให้สามารถมีวิธีการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสเพื่อให้สามารถปิดกั้นเว็บไซต์ที่เข้ารหัสได้ และหากผู้ให้บริการ (เช่น อินเทอร์เน็ตเกตเวย์) ไม่ให้ความร่วมมือก็จะมีความผิด การกระทำดังกล่าวจะรบกวนระบบรักษาความปลอดภัยของอินเทอร์เน็ต และทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดตกอยู่ในความไม่ปลอดภัย แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดใดเลยก็ตาม
๔. มาตรา ๒๐ (๔) หากคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลคอมพิวเตอร์เห็นว่าเนื้อหาเหล่านั้น "ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี" ทั้งนี้คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ทั้ง ๕ คนมาจากการแต่งตั้งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ และร่างกฎหมายไม่ได้กำหนดคุณสมบัติที่ชัดเจนของกรรมการ”
ส่วนท่านใดยังติดใจ ไปดูรายละเอียดมากกว่านี้ได้ที่ http://ilaw.or.th/node/4092 จะเห็นว่าเป็นช่องทางที่เปิดมากกว่าเก่าให้ทางการเข้าไปควบคุมตรวจสอบและล้วงข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้คอมพิวเตอร์อย่างง่ายดาย
และย่อมต่อเนื่องไปถึงการใช้กฎหมายคอมพิวเตอร์นี้จัดการปิดปาก กลั่นแกล้ง และทำร้าย ฝักฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองด้วยอย่างแน่นอนและมากขึ้น การยัดข้อหาร้ายแรงแก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ตกเป็นเป้าทำลายของ คสช. อย่างเช่นแม่จ่านิวพิมพ์ ‘จ้า’ คำเดียวโดนไปตั้ง ๑๑๒ (ทางอาญาข้อหาหมิ่นกษัตริย์)
ดูจากสถิติที่ @sunaibkk ณ ฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ ทวี้ตไว้ นับแต่ คสช. เข้ามาครองอำนาจหลังจากรัฐประหารเมื่อปี ๒๕๕๗ “#Thailand court ordered 9000+ webpages to be blocked for having contents offensive to monarchy.”